วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556

บางมุมมอง


บางมุมมอง
ด้วยว่าผู้คนในสมัยนี้มักจะเอาแต่ใจตัวเอง และทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง ชอบเรียกร้องให้ผู้อื่นมาทำตามใจเราคิด พอไม่เป็นดังนั้นก็หงุดหงิดโมโห ชวนทะเลาะ ในยุคที่เราขาดแคลนการเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง จึงทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายไปทุกหัวระแหง การที่เราไม่ใส่ใจกัน จึงเกิดการตัดสินคนอื่นว่าเป็นคนบาปหยาบช้า โดยที่ไม่ได้เห็นบางมุมบางด้านของคนอื่นเลย ใช่หรือไม่ การกระทำของแต่ละคนนั้นเขาย่อมมีเหตุมีผล แต่เราอาจจะเห็นแค่ผลเล็กที่เกิดขึ้น และผลนั้นมันไม่ได้ถูกใจเรา เพียงแค่นี้เราก็ตัดสินแล้วว่า การกระทำนั้นใช้ไม่ได้ คนกระทำแบบนี้เป็นคนไม่ดี เรามักใช้มาตรฐานแบบเคร่งครัดต่อคนอื่น แต่ยอมผ่อนปรนให้กับตัวเอง 
และด้วยความรวดเร็วของวิถีชีวิตในปัจจุบัน ปลูกฝังให้เรากลายเป็นคนใจร้อน ไม่รู้จักการรอคอย อยากได้อะไรก็ต้องได้ ใครทำไม่ถูกใจก็ต่อว่าต่อขาน ยัดเยียดความผิด คิดตัดสินว่า เป็นคนใช้ไม่ได้ เรามักใช้อารมณ์ตัดสินคนอื่น การตัดสินที่แย่ที่สุดคือ การตัดสินคนอื่นด้วยความรู้สึกของเราเอง   เพราะในบางครั้งเราก็อาจจะมองคนอื่นในทางที่ผิด และอีกอย่างหนึ่งเขาอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็เป็นได้ และในสังคมที่หลากหลาย อยู่รวมกันมาก การนินทา กล่าวร้ายจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่มีใครเกิดมาจะไม่ถูกนินทา และเช่นกันไม่มีใครไม่เคยนินทาคนอื่น ฉะนั้นแล้วอย่าตัดสินคนอื่นด้วยว่าเขาเล่ามา โดยที่เราไม่เคยแม้แต่พูดคุยกับเขาเลย...
ค่านิยมอย่างหนึ่งของผู้คนสมัยวัตถุนิยม ที่มักใช้มาตรฐานจากวัตถุที่หุ้มห่อเป็นตัวบ่งชี้ความดีงาม อย่าตัดสินคนอื่นเพียงจากรูปลักษณ์ภายนอก เพียงแค่เห็นการแต่งตัวก็สรุปแล้วว่าต้องเป็นคนไม่ดีแน่ๆมันไม่ยุติธรรมเลย อย่าได้ตัดสินใครสักคน เพราะเราไม่มีทางรู้หรอกว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง 
หมอคนหนึ่งได้รีบร้อนเข้าโรงพยาบาล หลังจากได้รับโทรศัพท์ให้รีบมาผ่าตัดด่วน พอมาถึงก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า และมุ่งสู่โซนผ่าตัด
หมอได้พบกับพ่อของเด็กชาย กำลังเดินไปๆมาๆอยู่ในห้องโถงและกำลังรอหมออยู่ ตอนที่หมอเจอ พ่อของเด็กโวยวาย
ทำไมคุณมาช้ามากๆ? คุณรู้ไหมชีวิตลูกชายของผมอยู่ในอันตราย? คุณมีความรู้สึกรับผิดชอบบ้างไหม?”
หมอยิ้มและพูดว่า
ผมขอโทษ เผอิญผมไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาลตอนที่ลูกชายคุณมาถึง และผมก็มาอย่างเร่งด่วนที่สุด ทันทีที่รับโทรศัพท์ และตอนนี้ ผมต้องการให้คุณใจเย็นๆ ผมจะได้ทำงานได้
ใจเย็นเหรอ?! ถ้าลูกชายของคุณเป็นคนที่อยู่ในห้องตอนนี้ คุณจะใจเย็นไหม? ถ้าลูกชายของคุณตายคุณจะทำยังไง??” พ่อพูดอย่างโกรธกริ้ว
หมอยังยิ้มและตอบกลับไปว่า หมอไม่สามารถต่อชีวิตมนุษย์ได้ มีเพียงพระเจ้าเท่านั้น ไปขอร้องพระองค์เพื่อลูกชายของท่านเถอะ เราจะทำอย่างดีที่สุด โดยพระประสงค์ของพระเจ้า
คำแนะนำแบบนี้มันง่ายเกินไป พ่อบ่นพึมพำ
การผ่าตัดใช้เวลาไปหลายชั่วโมง หมอออกมาอย่างมีความสุข
ขอบคุณพระเจ้า ลูกชายของคุณปลอดภัย! และยังไม่ทันได้รอคนเป็นพ่อพูดอะไร หมอบอกพ่อของเด็กตอนที่วิ่งรีบออกไป ถ้าสงสัยอะไร ให้ถามพยาบาล!
ทำไมหมอถึงยโสอย่างนี้? รอผมถามคำถามเกี่ยวกับลูกชายซักคำก็ไม่ได้ พ่อของเด็กติหมอให้พยาบาลฟัง ทันทีที่หมอไป
น้ำตาไหลรินผ่านใบหน้าของพยาบาล เธอตอบว่า ลูกชายของหมอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนนเมื่อวาน หมอกำลังอยู่ในงานพิธีฝังศพตอนที่เราโทรตามหมอเพื่อมาผ่าตัดลูกชายคุณ และตอนนี้เขาช่วยชีวิตลูกชายคุณเสร็จแล้ว เขาจึงรีบวิ่งเพื่อไปพิธีฝังศพลูกชายของเขาให้เสร็จ
คนเราไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์คนซักคน เพราะเราไม่เคยรู้ว่าชีวิตของพวกเขาเป็นยังไง เกิดอะไรขึ้น และผ่านอะไรมา ( credit: EverydayLoL แปลและเรียบเรืยงโดย: Me Pokpong Ponga)
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงเตือนสติคริสตชน อย่าไปตัดสินคนบาปว่า เขาต้องถูกพระเจ้าลงโทษ ตรงกันข้าม เราควรให้อภัยคนบาปและมีเมตตาต่อพวกเขาเหมือนที่พระเจ้าทรงสอนเราผ่านเรื่องลูกล้างผลาญ ทรงสอนชัดๆ ถ้าเราดำเนินชีวิตด้วยคติ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เราจะไม่สามารถเอาชนะ จิตชั่วในใจเรา ได้เลย พร้อมกันนี้ ทรงย้ำ พระเจ้าคือองค์แห่งความสุขความชื่นชมยินดี และความสุขความยินดีของพระเจ้าคือการได้ให้อภัยมนุษย์ตลอดเวลา[Pope Report]
           
บ่อยครั้งที่เราตัดสินผู้อื่น ทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าอะไรคือเหตุผลที่แท้จริงทั้งๆที่ไม่ใช่หน้าที่ของเรา หน้าที่พิพากษาตัดสินเป็นของพระเจ้าแล้วเราเป็นใครกัน จึงบังอาจแย่งหน้าที่ของพระเจ้า อย่าตัดสินผู้อื่น แต่จงยอมรับเขาอย่างที่เขาเป็น ไม่ใช่พยายามบังคับให้เขาเป็นตามอย่างที่เราอยากให้เป็น เพราะพระเจ้าเองยังไม่เคยทำเช่นนี้กับเราเลย มองทะลุไปยังความน่ารักที่ซ่อนอยู่ในตัวของคนอื่น แทนที่เราจะเคร่งครัดกับคนอื่น เราควรเคร่งครัดกับตัวเราเอง และใจกว้างกับคนอื่นดีกว่าไหม..

ไม่มีความคิดเห็น: