เรา…ผู้ไม่ไร้ค่า
การเดินทางในกรุงเทพฯ
ทุกวันนี้ดูเหมือนจะยากลำบากและใช้เวลานานมากขึ้น เพราะจำนวนรถที่เพิ่มหรือเปล่า
เพราะมีการสร้างรถไฟลอยฟ้า ที่ทำให้ต้องลดช่องการจราจรลงหรือเปล่า
เพราะคนเมืองหลวงขับรถแบบเห็นแก่ตัวกันเกินไปหรือไม่
หรือเป็นเพราะถนนสองข้างทางถูกจับจองเป็นที่จอดกันหมด??? ...
คำถามเกิดขึ้นมากมายเมื่อต้องติดหนึบอยู่บนรถ ผ่านไปครึ่งชั่วโมง
ก็ยังไม่มีการคืบหน้าไปไหน ตัดสินใจเปลี่ยนระบบการเดินทาง ด้วยการโดยสารทางเรือ
คงเร็วและเย็นคลายร้อนได้
เรือด่วนเจ้าพระยาพาเราไปสู่ยังเป้าหมาย
แม้ว่าจะมีความวุ่นวายของการจราจรทางน้ำอยู่บ้าง แต่จำนวนเรือไม่ได้มากมาย ย้อนให้นึกถึงสมัยที่ผู้คนยังใช้ลำน้ำในการเดินทาง
เรือลำน้อยใหญ่วิ่งไปมา สองฝากฝั่งบ้านเรือนเรียงราย แต่บัดนี้ สายน้ำถูกลดค่าลง
ผู้คนมุ่งสร้างถนนหนทาง ตึกรามบ้านช่องผุดขึ้นตามทางข้างถนนและทางสายรถไฟฟ้าผ่าน
ผู้คนจึงเห็นค่าของสายน้ำน้อยลง แต่มันยังคงมีค่าเสมอสำหรับผู้ที่ต้องการสัญจรไปให้ถึงเป้าหมายโดยเร็ว
เมื่อพูดถึง “ค่า” ของสิ่งสร้าง
ไม่มีอะไรในโลกล้าที่ไร้ค่าเลย ที่ไร้ค่านั่นเป็นเพราะเราไม่ได้ใช้ค่าของมันให้คุ้มค่า
หรือเรามองผ่านคุณค่าของสิ่งเหล่านั้นไป หลายคนมักบ่นว่าเป็นคน “ไร้ค่า” จริงหรือ หากมองกันจริงๆทุกคนมีค่า
เพียงแต่ว่าได้นำค่าออกมาเพื่อทำให้เกิดผลมากน้อยเพียงใด
มีข้อความดีๆที่เกี่ยวกับการไร้ค่า
อ่านแล้วนำมาพิจารณาดูทำให้เราพบคุณค่าในตัวเรามากขึ้น
มีหนังสือดี ๆ
แต่อยู่ในตู้ไม่ได้เปิดอ่าน ก็ไร้ค่า
มีสมุดปากกาดี ๆ
แต่ไม่มีความคิด ไม่รู้จักเขียน
ก็ไร้ค่า
มีความรู้ดี ๆ
แต่ไม่บอกไม่สอน ก็ไร้ค่า
มีบทเพลงไพเราะ ๆ โดนใจ
แต่ไม่มีใครฟัง ก็ไร้ค่า
มีข้อคิดเตือนใจดี ๆ
แต่ไม่นำไปใช้ ก็ไร้ค่า
มีเงินมาก เป็นเศรษฐี
มหาเศรษฐี แต่ไม่รู้จักใช้
ไม่รู้จักพอ ก็ไร้ค่า
มีเตียงนอนนุ่มๆ
แต่นอนไม่หลับ ก็ไร้ค่า
มีโทรศัพท์รุ่นใหม่ ๆ แต่ไม่รู้จักพูดคุย ก็ไร้ค่า
มีรถยนต์ยี่ห้อดีๆ ดังๆ แต่ไม่มีน้ำมัน ไม่มีคนขับ ก็ไร้ค่า
มีเสื้อผ้าสวย ๆ
สวมแต่งกาย แต่ลืมแต่งใจ ก็ไร้ค่า
มีพ่อ – มีแม่ อยู่ด้วย
แต่ไม่รู้จักกตัญญู ก็ไร้ค่า
มีครู – อาจารย์ให้ความรู้
แต่ไม่รู้จักเคารพ นบน้อม ก็ไร้ค่า
มีมิตร – มีเพื่อนที่ดี
แต่ไม่รู้จักรักษามิตรภาพ ก็ไร้ค่า
มีคนรัก – คนรู้ใจที่ดี
แต่ไม่รู้จักเอาใจใส่ดูแล ก็ไร้ค่า
นั่งรำพึงกลางสายน้ำไปเรื่อยๆจนถึงท่าที่หมาย
แต่จุดหมายเราต้องข้ามฝากไปอีกฝั่งหนึ่ง ต้องต่อเรือข้ามฝาก
ที่ทั้งลำมีเพียงเราคนเดียว แต่เรือก็มาส่ง ใช่หรือไม่ บางทีบางครั้ง
ชีวิตเราได้รับค่าอย่างคาดไม่ถึงเพราะว่าเราเป็นคนมีค่าเสมอ
ฉะนั้นแล้วอย่าประเมินค่าในตัวเราต่ำไปหรือสูงไปนัก
เราต้องรู้จักใช้คุณค่าของเราให้เกิดประโยชน์ตามจังหวะก้าวย่างของชีวิต
รู้จักที่จะน้อมรับทุกข์ - สุข
รู้จักที่จะอยู่อย่างมีเกียรติด้วยการให้เกียรติกันและกัน จะได้ผลที่บังเกิดผล
อย่าได้เป็นผลที่ไร้ค่าและเป็นพิษต่อสภาพแวดล้อมเลย
ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนมากคือ
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ที่ 16
ทรงสละตำแหน่ง เพราะเล็งเห็นว่าคุณค่าของพระองค์เหมาะกับการเป็นกองหนุนให้พระศาสนจักรด้วยการสวดภาวนา
ดีกว่าการที่จะอยู่ในตำแหน่งที่อาจจะปฏิบัติภารกิจได้ไม่เต็มกำลัง
พระองค์ทรงกล่าวไว้ตอนหนึ่งในการเข้าเฝ้าทั่วไปครั้งสุดท้ายในสมณสมัยของพระองค์ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมให้กำลังใจกว่า
150,000 คน ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน 27 ก.พ. 2013 ว่า
“เกือบ 8 ปีที่แล้ว ในวันที่ 19 เม.ย.(2005) พ่อตอบรับทำหน้าที่พระสันตะปาปา ตอนนั้น พ่อถามตัวเองหลายครั้งว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ต้องการจะบอกอะไรกับลูก
มันเป็นภาระหน้าที่ที่หนักหนามากๆที่พระองค์วางไว้บนบ่าของลูก
แต่ถ้าพระองค์ทรงต้องการ ลูกจะเหวี่ยงอวน(ชาวประมง)ออกไป ลูกมั่นใจว่า
พระองค์จะทรงนำทางลูก”และพระเจ้าก็ทรงนำทางพ่อจริงๆ
พระองค์อยู่เคียงข้างพ่อ ในทุกๆวัน พ่อสามารถรู้สึกถึงการประทับอยู่ของพระเจ้า” (Pope Report)
การใกล้ชิดกับพระเจ้า
สนทนากับพระองค์ จะทำให้เรารู้ว่าคุณค่าของเราอยู่ตรงไหน
บางครั้งการที่เราไว้ใจตัวเองมากไป จนทำให้หลงตัวเอง
คิดไปเองว่าตัวเองมีคุณค่าอย่างมากมาย แต่พอเอาเข้าจริง ทำไปทำมา
ทำอะไรหลายอย่างกลับกลายเป็นการทำแบบ “ไร้ค่า”
เพราะความที่เราไม่นอบน้อมพร้อมรับฟังเสียงภายใน
สิ่งที่เราทำลงไปมันเป็นเพียงเปลือกที่เปลือยเปล่า ใช่หรือไม่
หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต ที่นำมาซึ่งอารมณ์แห่งการ “ไร้ค่า” นั้น เราล้วนเป็นคนทำโดยไม่คิดให้ลึกซึ้ง ทำโดยไม่รอบคอบไตร่ตรอง
ฉะนั้นช่วงเวลาแห่งมหาพรตนี้ เป็นช่วงที่เราจะได้ไตร่ตรอง มองย้อนกลับไปในวิถีชีวิตที่ล่วงผ่าน
เราไร้ค่าจริงหรือ สิ่งนั้นมาจากความไร้สาระในชีวิตใช่หรือไม่ ยังไม่สาย!!! พระเจ้าให้เวลากับเราเสมอที่จะเริ่มต้นให้ค่า เพิ่มค่า
ให้กับชีวิตที่พระเจ้าประทานมานี้ อย่างรู้ค่าอย่างคุ้มค่าเสียที...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น