ใจกว้างใจแคบไม่เกี่ยวกับพื้นที่ถือครอง
เรื่องวุ่นๆของสังคมเกิดขึ้นไปทั่วโลก
การประท้วง การยิงจรวดใส่กัน
การเมืองระหว่างประเทศในนามของสนธิสัญญาและผลประโยชน์ต่างตอบแทน...ฯลฯ นี่เป็นความเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ที่พยายามใช้สมองคิด
เพื่อวางแผนเข้าครอบครอง ข่มขู่และห้ำหั่นกัน
โดยปราศจากหัวใจแห่งความเป็นมนุษย์สุดประเสริฐ เห็นแล้วก็เสียดายความงดงามที่มีอยู่ในโลก
ที่มีแต่คนมองข้ามไป ความใจร้ายของคน ความเหี้ยมโหดของคนเรา มันยังฝังแฝงอยู่ในตัวมนุษย์มาทุกยุคทุกสมัย
ที่ต่างต้องการชัยชนะโดยไม่สนวิธีการ ฉลาดล้ำในการชักนำผู้อื่นให้คล้อยตามและทำในสิ่งที่ตัวเองบัญชา
ภาพจากอินเตอร์เน็ต |
ยุคหนึ่งเราก็แอบอ้างว่าที่ต้องรบราฆ่าผู้อื่นเพื่อความอยู่รอดของกลุ่มของหมู่ตน
ยุคหนึ่งนั้นนำศาสนามาเพื่อสร้างอาณาจักร ยุคหนึ่งนั้นไล่ล่าหาแผ่นดินยึดครอง ยุคหนึ่งนั้นสร้างอาวุธร้ายแรงเข่นฆ่าคน
อีกยุคหนึ่งให้ได้มาซึ่งทรัพยากรและแหล่งพลังงาน และอำนาจทางเศรษฐกิจ ในแต่ละยุคก็มีผู้กุมอำนาจโดยอาศัยความเก่ง
ความฉลาด ความศรัทธา จวบจนถึงยุคที่ใช้เงินซื้ออำนาจ...
คนที่จะเป็นใหญ่เป็นโต
เป็นผู้นำในยุคสมัยนี้สิ่งหนึ่งที่เรามักคิดถึงก่อนสิ่งอื่นคือ คนๆนั้นต้องมีฐานะทางการเงินการทองมากพอสมควร
เราไม่ค่อยได้นำความดีงามที่คนๆนั้นได้ประพฤติปฏิบัติมาเพื่อเสริมส่งความเป็นผู้นำกันเสียเท่าไร
โลกวันนี้จมปลักอยู่กับระบบทุน ระบบนี้จึงสร้างค่านิยมของเราให้ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินตรา
เพื่อก้าวไปสู่การมีอำนาจ ยิ่งนับวันคนในโลกยิ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้น และแต่ละคนก็เพิ่มความอยากได้เข้าไปอีก
โลกจึงเต็มไปด้วยความเห็นแก่ได้ความเห็นแก่ตัว คนที่ไม่มีจึงไม่มีค่าในทุกเรื่อง
โอกาสของคนที่ยากไร้จึงน้อย คนจึงไม่อยากยากไร้ “โลกนี้มีทรัพยากรพอสำหรับทุกคน
แต่จะไม่เพียงพอกับคนโลภเพียงคนเดียว” เป็นเรื่องจริงที่ท่านมหาตมะ คานธี เคยบอกกล่าวไว้
และคิดดูวันนี้เรามีคนที่ไม่รู้จักพอกี่ล้านคนบนดาวเคราะห์ดวงนี้
ในโลกนี้ความดีควรจะเป็นสิ่งที่เราเทิดทูนอยู่เหนือหัวมิใช่หรือ!!!
เราหาความสบายที่เกินความสบายและเราก็บอกว่าเรายังไม่สบายพอ
เราเสาะหาสิ่งหนึ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งหนึ่งแบบไม่มีที่สิ้นสุด
การแสวงหาความดีงามจึงถูกบดบังไปอย่างน่าเสียดาย แต่โลกกว้างใบนี้
แม้จะมีคนใจแคบมากมาย ก็หาใช่ว่าจะไม่มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งยึดโยงโลกนี้ไว้
ความดียังคงมีอยู่ ความดีที่ไม่ขึ้นกับพื้นที่ยึดครอง คนที่เลือกคุณธรรมความดีงามก็ยังมีอยู่และจะยังมีอยู่ตลอดไป..
เมื่อวันที่ 16 พ.ย.
บีบีซีเปิดเผยเรื่องราว นาย โฮเซ่ มูจิกา ผู้นำอุรุกวัย วัย 77 ปี ที่ได้ชื่อว่าประธานาธิบดีที่ยากจนที่สุดในโลก ว่าอาศัยอยู่ในกระท่อม
และขับรถเก่าคันเล็กๆ ใช้ชีวิตแตกต่างราวฟ้ากับดินกับผู้นำประเทศต่างๆ
นายมูจิกาปฏิเสธบ้านพักหรูหราที่ทางการจัดให้ โดยอาศัยอยู่ในกระท่อมเล็กๆ
ของภรรยา ตั้งอยู่นอกกรุงมอนเตวิเดโอ เมืองหลวง เส้นทางเข้าเป็นถนนลูกรัง
โดยสองสามีภรรยาลงมือทำสวนเอง ใช้น้ำจากบ่อ และมีตำรวจ 2 นาย กับสุนัขพิการมี
3 ขา เป็นองครักษ์ นายมูจิกาได้เงินเดือนราว 360,000 บาท แต่นำเงินที่ได้ร้อยละ 90 ไปบริจาคช่วยคนยากจน
ทำให้ท่านผู้นำเหลือเงินเดือนราว 23,250 บาท
ซึ่งเท่ากับเงินเดือนเฉลี่ยของชาวอุรุกวัย นายมูจิกากล่าวว่า “อยู่อย่างนี้มาเกือบทั้งชีวิต อยู่ได้สบายมาก แม้จะถูกเรียกว่าเป็นประธานาธิบดีที่จนที่สุด
แต่ไม่รู้สึกว่าจนตรงไหน คนจน คือ พวกที่ทำงานเพื่อรักษาชีวิตแสนแพงเอาไว้และอยากได้นั่นนี่ตลอดเวลามากกว่า”
“นี่ต่างหาก คือ อิสรภาพ
ถ้าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของเยอะ
ก็ไม่จำเป็นต้องทำงานทั้งชีวิตเพื่อเป็นทาสสิ่งเหล่านั้น ดังนั้นจึงมีเวลามากพอสำหรับตัวเองและผู้อื่น”
ผู้นำอุรุกวัยกล่าว
บัญชีทรัพย์สินปี 2553 ของนายมูจิกา เป็นเจ้าของรถยนต์เพียง
2 คัน โดยคันหนึ่งเป็นรถโฟล์กรุ่นบีเทิล ปี 1987 และบ้านไร่หลังดังกล่าว ส่วนปีนี้นายมูจิการวมเอาสินทรัพย์ของภรรยา ได้แก่
ที่ดิน รถไถ และบ้านเข้าไปด้วย ทำให้มีทรัพย์สินเพิ่มเป็น 6 ล้านกว่าบาท
แต่ยังน้อยกว่ารองประธานาธิบดีดานิโล แอสโตรี ถึง 2 ใน 3
http://variety.teenee.com
อุรุกวัยเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดเป็นอันดับที่
2 ของทวีปอเมริกาใต้
และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบการเมืองและระบบเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพที่สุด ประเทศเล็กๆในโลกที่กว้างใหญ่ที่คนทั่วไปเปรียบเทียบว่าเป็นเมืองแคระน้อย
แต่กลับเห็นค่าของความดีงาม ความหมั่นเพียรและความรู้จักพอ
ประเทศที่ไม่ได้หลงไปกับการให้คนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจมีอำนาจ ประเทศเล็กๆแห่งนี้กำลังจะพิสูจน์ให้โลกได้เห็นว่า
การปกครองด้วยความดีไม่เบียดเบียนกันนั้นสามารถทำได้ สามารถอยู่บนโลกได้
เราไม่รู้ว่าประเทศอุรุกวัยจะเป็นอย่างไรในวันข้างหน้า แต่เรารู้ว่าความดียังมีพื้นที่อยู่ในโลกแห่งทุนนิยม
ส่วนตัวของเรายังมีพื้นที่เล็กๆให้ความดีเป็นข้อพิสูจน์ถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าบ้างหรือเปล่า
อาจไม่ใช่เรื่องจำเป็นว่าเราต้องมานั่งวัดว่า สิ่งที่เราทำนั้นดีน้อยหรือดีมาก
หรือดีน้อยกว่าหรือมากกว่าเมื่อเทียบกับความดีที่คนอื่นทำ ความดีไม่ได้มีไว้อวดใคร
เราไม่ได้ทำสิ่งดีๆ ด้วยเหตุผลเพื่อให้คนอื่นเห็นว่าเราดี
แต่เราทำดีเพราะอยากเห็นคนอื่นมีชีวิตที่ดีต่างหาก คือหนทางแห่งความสุข
เราไม่สามารถปฏิเสธระบบทุนนิยม
และโลกแห่งเงินตราได้ แต่เราก็สามารถอยู่ได้อย่างมีคุณค่า อย่างสร้างสรรค์
ใช้คุณธรรมนำทุนนิยม ใช้ผลประโยชน์ส่วนตัวของตนสามารถรับใช้ผลประโยชน์ส่วนรวมได้
คือการแบ่งปัน ที่กำลังห่างหายไปจากสังคม แล้ววันนี้บนพื้นที่ถือครองของเรานั้นเราได้ใช้มันแบบไหน
....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น