วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ความเป็นหนึ่งเดียวที่แท้จริง


ความเป็นหนึ่งเดียวที่แท้จริง
ภาพจากอินเตอร์เน็ต
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องไกลตัวไปสักหน่อย หลายคนจึงไม่ค่อยให้ความสนใจในข่าวพายุเฮอริเคนที่ถล่มในหลายรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ทั้งๆที่เป็นพายุที่รุนแรงมากที่สุด การติดตามข่าวเรื่องนี้จึงไม่ค่อยได้รับการกล่าวถึงมากนัก เพราะสู้กระแสละคร แรงเงา เงียบ สงสัยไม่ช็อต แก่ ใจดี สปอร์ต กทม และข่าวดาราหมั้นกับเศรษฐีไม่ได้ มีหลายคนถึงกับพูดในเชิงลบว่า ดีแล้ว ก็ประเทศนี้ใช้ทรัพยากรมากเกินไปเอาเปรียบชาติอื่น ธรรมชาติย่อมเอาคืนอย่างสาสม ถ้าเรามองด้วยหัวใจเป็นธรรม ด้วยหัวใจแห่งความรัก ปลดเปลื้องเรื่องอคติออกไป เราจะเห็นว่าผู้คนอีกเรือนล้านกำลังตกทุกข์ได้ยาก ไร้ที่อาศัย ไม่มีไฟฟ้าใช้ เราจะมัวแต่ไร้สาระกับเรื่องไม่เป็นเรื่องได้อย่างไรกัน!!! สิ่งที่เราจะทำได้ดีที่สุดก็คือ สวดภาวนาให้กับพวกเขา เพราะด้วยแรงภาวนา คือ ความเป็นหนึ่งเดียวที่แท้จริงเป็นพลังรวมหมู่ของมวลมนุษย์ เพื่อรับมือกับภัยธรรมชาติได้
จากการติดตามข่าวที่ รอยเตอร์/เอเอฟพี รายงานว่า แซนดี้ คือพายุเฮอริเคน ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ สร้างความเสียหายในหลายพื้นที่ ทั่วทั้งแนวชายฝั่งด้านตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะมหานครนิวยอร์ก และมลรัฐนิวเจอร์ซีย์ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและอีกมากกว่า 1 ล้านคนต้องถูกอพยพออกนอกพื้นที่ ยังไม่นับรวมประชากรอีกเกือบ 6 ล้านคนต้องใช้ชีวิตอยู่ในความมืดมิดจากปัญหาไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง
ภาพจากอินเตอร์เน็ต
ซูเปอร์สตอร์มขนาดใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อนนี้นำพาฝนตกหนัก และกระแสลมแรงเข้าถล่มพื้นที่ชายฝั่งทะเลทางตะวันออก ที่มีประชากรอยู่อย่างหนาแน่น ทำให้เกิดน้ำท่วมในย่านโลเวอร์แมนฮัตตัน การคมนาคมขนส่งเป็นอัมพาต และยังทำให้ประชากรหลายล้านคนขาดกระแสไฟฟ้าใช้ อิทธิพลของแซนดี้จะทำให้เกิดหิมะตกหนักภายในประเทศ โดยคาดว่าเวสต์เวอร์จิเนียอาจมีหิมะตกหนา 2-3 ฟุตทีเดียว 
ล่าสุดหลังพายุเฮอริเคนพัดถล่มด้านตะวันออกของสหรัฐ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 45 ราย แหล่งธุรกิจของโลก อย่างนิวยอร์ค ได้รับความเสียหายยับเยิน สร้างความเสียหายที่ประเมินอย่างคร่าวๆ ไม่น้อยกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นรองจากเหตุวินาศกรรม 9/11 เท่านั้น 
คนทั่วโลกต่างร่วมจิตร่วมใจสวดภาวนาขอให้ประเทศสหรัฐฯผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้ด้วยดี ยามทุกข์ยากเรามักจะเห็นความเป็นหนึ่งเดียวเกิดขึ้น หรือว่านี่เป็นการให้บทเรียนจากเบื้องบน ใช่หรือไม่ ในสภาวการณ์ปกติ การเรียกร้องความเป็นหนึ่งเดียวกันนั้นยากมาก เพราะต่างคนต่างก็มีอคติติดตัว มีความคิดเป็นของตัวเองที่บุคคลอื่นห้ามรุกล้ำ มีโลกพื้นที่ให้ครอบครองอย่างแน่นหนา สังคมใหม่แห่งวัตถุและทุนนิยมได้ปลูกฝังเอาไว้จนกลายเป็นนิสัยของหมู่มวลมนุษย์ พอมีคนเรียกร้องให้เกิดความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว เราก็มักตั้งคำถามว่า คนนั้นเป็นคนอย่างไรมีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือเปล่า ทั้งๆที่เราทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่าทุกคนมีดีมีเลวในหนทางชีวิตด้วยกันทั้งนั้น นั่นเป็นเพราะเราอยู่ในยุคที่หลงใหลตัวเอง ดูแคลนคนอื่นไปเสียทุกครั้งหรือเปล่า ความเป็นหนึ่งในโลกจึงเป็นเพียงวาทะกรรมหรือไม่ก็กลายเป็นการจัดงานเพียงให้เห็นเปลือก ความเป็นหนึ่งเดียวจึงเป็นเรื่องลมๆแล้งๆไป
ภาพจากอินเตอร์เน็ต
แต่โลกมักจัดสมดุลให้เกิดขึ้นเสมอ ใช่หรือไม่ ยิ่งเราหลงตัวตนกันมาก สร้างส่วนตัวครอบพื้นที่ยึดครองกันมากเท่าไหร่ ภัยธรรมชาติย่อมเกิดขึ้นบ่อยครั้งและเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้น่าจะทำให้เราหยุดคิดและหันมาทบทวนตัวเรา เพื่อมุ่งสู่โลกที่เป็นสาธารณะมากขึ้น เราอยู่ในพื้นที่ของเรา ในโลกส่วนตัวของเราได้ ในขณะเดียวกันเราก็สามารถสร้างความเป็นหนึ่งเดียวที่แท้จริงให้เกิดขึ้นมาได้ นั่นคือ การสวดภาวนาให้กันและกัน ชีวิตภาวนาควรเป็นสิ่งที่คู่กับชีวิตคริสตชน เพียงแค่ภาวนาให้คนอื่นวันละนิด ความมืดมิดของสังคมก็จะค่อยๆจางหายไป
หนึ่งเดียวแรกที่เราจะได้รับจากการภาวนา คือ ความเป็นหนึ่งเดียวของร่างกายและจิตใจของเรา ร่วมกันเป็นหนึ่งยกถวายแด่พระเจ้า มีบทความหนึ่งที่ได้กล่าวถึงชีวิตภาวนาของพระคริสตเจ้าไว้ได้ดียิ่ง เมื่อไม่กี่ปีมานี้  ข้าพเจ้า (พระคาร์ดินัล รัทซิงเกอร์ : สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ) อ่านประวัติของคุณพ่อที่ดีองค์หนึ่งของศตวรรษของเรา  ท่านคือ  คุณพ่อ Don Didimo  เจ้าอาวาสวัด Bassano del Grappa  ในบทเขียนของคุณพ่อ  เต็มไปด้วยคำแนะนำที่ดีๆ มากมาย  ซึ่งเป็นผลจากชีวิตแห่งการภาวนาและการรำพึง  คุณพ่อ Don Didimo กล่าวเปรียบเทียบสำหรับพวกเราว่า  พระเยซูเจ้าประกาศข่าวดี ตอนกลางวัน แต่ตอนกลางคืนพระองค์ทรงอธิษฐานภาวนา  วิธีการทั้งหลายจะว่างเปล่าถ้าหากขาดรากฐาน  แห่งการภาวนา  คำพูดต่างๆ ของคำประกาศของเรา  ต้องชุ่มฉ่ำด้วยชีวิตแห่งการภาวนาของเรา (รำพึงพระคัมภีร์ โดย คุณพอลแมรี่ สุวิช)
และวิถีคริสตชนในวันนี้ ยุคนี้ของเราปฏิบัติเช่นพระองค์ได้หรือเปล่า กลางวันทำงาน กลางคืนเราภาวนา หรือว่าทุกค่ำคืนอยู่หน้าจอทีวี นั่งจิ้มแป้นแชทคุยออนไลน์ หรือนั่งล้อมวงร่ำสุรา นั่งนินทาผู้คน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากสำหรับวิถีชีวิตปัจจุบันกับการภาวนา แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับการที่จะเริ่มต้น แล้วเราจะรู้ว่าความเป็นหนึ่งเดียวที่แท้จริงเกิดขึ้นได้ด้วยแรงภาวนา...

ไม่มีความคิดเห็น: