Like ความเงียบ
บ่อยครั้งเวลามาร่วมพิธีมิสซา
เริ่มเห็นหลายคนมิได้ให้ความสนใจกับพิธีกรรมมากนัก เพราะมัวแต่จับจอง กด พิมพ์
บนสมาร์ทโฟน บางคนก็ดึงเข้าดึงออกจากกระเป๋ามาเปิดดูหน้าจอ
มีไม่น้อยปล่อยให้มีเสียงเรียกเข้าหลุดออกมา แถมด้วยการพูดคุยกันในที่นั่งร่วมพิธี
การใช้สื่อใหม่กลายเป็นสิ่งเสพติดขอคนยุคนี้ไปเสียแล้ว เราอยู่นิ่งๆเงียบๆกันไม่เป็น
ทั้งๆที่ความนิ่งและความเงียบคือพลังอันยิ่งใหญ่ของการสื่อสาร ใช่หรือไม่...พอว่างปุ๊บเราต้องหยิบมือถือเปิดเฟชบุ๊คป๊าบ
เพื่อแสดงสถานะ ว่าเราทำอะไร อยู่ที่ไหน กินอะไร คิดอย่างไง บ่นๆๆๆ !!!! เหมือนกับว่าเราไม่เคยมีสถานะอะไรบนโลกนี้
สิ่งนี้แหละที่ทำให้เรามีที่ยืน มีที่ให้แสดงออก แล้วก็รอคอยว่าเพื่อนในโลกเสมือนจริงจะชอบใจในสิ่งที่เราแสดงออกไปทางตัวอักษรข้อความหรือไม่
วันนี้ไม่โดน ครั้งหน้ามันต้องโดน เมื่อมีคนกด Like มี
Comment มากๆก็รู้สึกภาคภูมิใจ ทำไปทำมาชีวิตคนวันนี้จึงไม่เคยพบกับความเงียบ
dislike ความนิ่งๆไปเสียแล้ว
ในโลกยุคสื่อสารครองเมือง
เรื่องราวต่างๆ ถูกส่งผ่านมาอย่างรวดเร็วโดยไร้การกลั่นกรอง สมองถูกใช้งานน้อย
สำนึกสูญหาย เพียงแค่เห็นก็กด Like
แล้วก็ Share เพื่อ Show ให้สาธารณชนได้เห็นว่า “ฉันไม่เคยตกข่าว” ตกรุ่นตกเรื่องราวเป็นขาเมาส์ขั้นเทพ และด้วยความที่คนเราวันนี้ไม่ได้มีความรอบคอบ
เอาความเร็ว ความสะใจ โชว์ความดิบเถื่อนกันเกลื่อนเมืองนี้เอง
ก็ทำให้คนอีกกลุ่มหนึ่งอาศัยค่านิยมดังกล่าวไปสร้างราคาค่างวดให้กับตัวเอง เช่น
การทำเพจในเฟชบุ๊คในโลกเสมือนจริง และเพื่อเพิ่มยอดการเข้าชมด้วย การนำเรื่องนั้นเรื่องนี้มาปะติดปะต่อก่อให้เกิดกระแสแรงๆ
เมื่อมีคนจับได้ ก็พูดว่าบอกความจริงไปแล้ว แต่ไม่อ่านกันเอง
ดังที่เราอาจจะพอทราบเรื่องว่า “เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เราสูญเสียทหารในเหตุการณ์ความรุนแรงทางภาคใต้
ผ่านมาได้ไม่กี่วัน ก็มีเพจๆหนึ่งนำภาพคนร้ายถูกจับได้ แล้วขึ้นหัวเรื่องว่า “จับได้แล้วคนฆ่าทหาร” มีคนกระหน่ำเข้าไปกด Like
และแสดงความโกรธแค้นด้วยคำพูดแสดงอารมณ์ หลายคนถึงขั้นหยาบคาย แต่เมื่ออ่านกันดีๆรูปนั้นเกิดขึ้นเมื่อสองปีที่แล้ว
แต่นำมา Tag ซ้ำเพื่อสร้างกระแส เพื่อต้องการให้มีการกด Like
เยอะๆ เพื่อสร้างราคาให้กับเพจของตน คนแบบนี้เห็นแก่ตัวสุดๆ
แล้วกด
Like นั้นคืออะไร เพื่ออะไร ก็เป็นเพียงหนึ่งในการตลาดสังคมออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้
การสร้าง Fan Page ใน Facebook เพื่อให้เพื่อนๆ
ในสังคมออนไลน์ สามารถติดตามข่าวสาร กิจกรรมของบริษัทหรือสินค้าที่พวกเขาชื่นชอบ
สมาชิกเพียงแค่กดปุ่ม “Like” หรือ “ชอบ” ที่หน้า Page บรรดาบริษัทหรือเจ้าของสินค้าต้องการจำนวนสมาชิกที่กด
“Like” มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยความคิดที่ว่า
ยิ่งจำนวนสมาชิกที่กด Like มากเท่าไร
ก็สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้นเท่านั้น เป็นการเช็ค Ratting ความนิยมของสมาชิก
Like
เป็นเหมือนการให้คะแนน ทั้งภาพ เสียง และข้อความ เป็นการวัดผลได้เป็นคะแนนนิยม
เหมือนการวัดผลโฆษณาโทรทัศน์ผ่านจำนวนคนดู จากผลสำรวจพบว่าแฟนเพจ 10
อันดับแรกที่ได้รับความนิยมสูงสุดของโลก
เป็นของวงการเพลงมากกว่าครึ่ง หากในขณะที่ “โลกบันเทิง
และการตลาด” ใช้ Like วัดคะแนนนิยม ในอีกด้านหนึ่ง ก็มีกลุ่มคนที่กำลังใช้ Like สร้างคะแนนนิยมให้แก่ตัวเอง
การสร้างค่านิยมผ่าน
Like ของ
กลุ่มเยาวชนในวันนี้ ดูเหมือนว่าไปกันใหญ่ กลายเป็นแหล่งรวมภาพเด็ก
“สาว” มีตัวเลข ในแต่ละแฟนเพจตั้งแต่หลักพันปลาย
จนถึงหลักแสนกลาง กลุ่มเด็ก “สาว” เหล่านี้คงลืมไปว่า
ตนเองยังไม่มีวุฒิภาวะ มากพอ ลืมคิดถึงผลกระทบและความเสียหายที่จะตามมา คิดถึงแต่ความสนุก และตัวเลขของยอด Like จนบางครั้งถึงขั้นกระตุ้นตัวเลข
ให้สูงขึ้น ด้วยการเผย สัดส่วนมากขึ้น
มีทีท่ายั่วยวนมากขึ้น ได้รับการแสดงความปลื้ม
ชื่นชอบ ทั้งเท่ ทั้งสวย น่ารักอ่ะ...นี่คือ
ตัวอย่างที่แสดงว่าสังคมของเยาวชนกลุ่มหนึ่ง กำลังมีอาการสาหัสน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
ในขณะที่เรามีการแจก
“แท็บเล็ต” ให้เด็กๆได้ใช้งาน แต่ยังไม่เห็นมีองค์กร
หน่วยงานไหนออกมาให้ความรู้อย่างจริงจัง (เน้นว่าอย่างจริงจัง) ถึงการใช้งานอย่างสร้างสรรค์และปลอดภัยนั้นทำอย่างไร
จะกด Like แต่ละทีควรต้องทำความเข้าใจเนื้อหา
ต้องซึมซับทางศิลปะของภาพและเสียงที่ได้เห็นได้ยินก่อน
สร้างมาตรฐานทางสำนึกกับคนรุ่นใหม่ให้เกิดขึ้น แต่ดูแล้วน้ำตา “แทบเล็ด”มากกว่า
เพราะผู้ใหญ่หลายคนยังโงหัวไม่ขึ้นจากหน้าจอเลย...
วัฒนธรรมใหม่เกิดขึ้นมากับสื่อสมัยใหม่
แต่กลับเป็นการปลุกฟื้นวิญญาณด้านลบให้ออกลาย
ให้ออกมาอาละวาด ทำให้โลก สังคม คนรอบข้าง ตกอยู่ในวังวนแห่งความหยาบโลนและรุนแรงมากขึ้น
ความเงียบ ถูกเพิกเฉย การรับสารที่ไหลหลั่งมาอย่างไม่มีการไตร่ตรองก่อนที่จะกด Like Share Comment
ในความเป็นจริงแล้ว
เราควร Like สื่อใหม่ที่ทำให้เรานำ Love
จากพระวาจาไปสู่สังคมของคนหมู่มากได้ หรือรับสารรักจากผู้ส่งสารผ่านทางพระวาจา แล้วใช้ความเงียบเพื่อให้พระวาจาเข้ามาสัมผัสกับชีวิตเรา
เพื่อเราจะได้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ใช้สื่อสารสมัยใหม่อย่างมีคุณภาพและรู้จักกาลเทศะ
แล้วนำพระวาจาไปสู่โลกสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ อย่าให้ชีวิตหลุดลอยเสียเวลาไปกับการเฝ้ากด
Like โดยไม่เคย love สิ่งเหล่านั้นเลย
(Fan Page วัดเซนต์หลุยส์ กรุงเทพฯ มีการ Post ข้อความพระวาจาในทุกๆเช้า
เพื่อให้ผู้ติดตามได้ไตร่ตรองพระวาจาประจำวัน เป็นการแบ่งปันสิ่งดีๆสิ่งที่งดงาม
เรามิได้หวังยอดกด Like เราเพียงหวังยอดผู้ที่เข้ามาอ่านได้นำไปใช้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น