จะกอดไว้ทำไม ..
ชีวิตในหนึ่งวัน 24 ชั่วโมง
แต่ละวินาทีผ่านไป มีไม่น้อยที่คิดว่าทำไมหนอ...ชีวิตมีแต่ทุกข์ซ้ำทุกข์ซ้อน
หมดเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็ตามมา ทุกข์อย่างกับ 7 11 ที่เปิดบริการ
24 ชั่วโมงเลย จริงหรือ!!! หากนั่งคิดคำนวณตัวเลขแล้ว
เราก็มีเวลานอนพักผ่อน ปล่อยให้ทุกข์หลับใหลคาอกคาหัวอยู่ราวๆ 6-8 ชั่งโมง เช้ามามีเวลาได้ปลดทุกข์ แต่ก็นั่นแหละ
หลายคนไม่ยอมให้ทุกข์หลุดพ้นไปจากตัว หวงแหนกอดรัดมัดมันไว้เป็นเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิต
แล้วก็มานั่งระทมตรมใจกับก้อนทุกข์…
ทุกข์เรื่องอันใดบ้าง ส่วนใหญ่ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องเงินๆทองๆ
บางคนไม่มีเงินจะจับจ่าย บางคนไม่มีจะลงทุนต่อทุน บางคนไม่มีเงินที่จะซื้อข้าวกิน
บางคนไม่รู้จะเอาเงินไปซื้อกินที่ไหนให้สมฐานะ ร้อยแปดพันประการ
นั่นเพราะเราถูกฝังไมโครชิปให้คิดว่า เงินในกระเป๋า
เลขหลักในบัตรเครดิตคือที่มาของความสุข ต้องหาเพิ่มเติมใส่มันเข้าไป
แล้วเราก็โอบกอดค่านิยมนี้จนกลายเป็นอุปนิสัย
นำไปสู่ทุกข์ซ้อนอันใหม่ขึ้นมาในนามความสัมพันธ์ของผู้คน
ที่ต้องมีเงินจึงมีเกียรติ ต้องมีหน้าที่ตำแหน่งที่ใหญ่จึงจะได้เงินเยอะๆ
ต้องพูดคุยแต่เรื่องธุรกิจหลักแสนล้าน พูดคุยเรื่องอื่นไม่เป็น
วันๆคิดแต่จะทำให้ตัวเองกลายเป็นคนเก่งคนดังในวงสังคม วงสนทนา วงสุรา
คนที่คุยเรื่องคุณธรรมความดีงามคือ คนงมงาย คนคุยเรื่องลึกๆลงในจิตใจคือ
พวกคลั่งศาสนา อ้าว...ต่างคนต่างคุยเรื่องของตัวเองกันหมดมิตรภาพก็เลยหดหาย
คุยกันไปก็อิจฉากันไป ก่อทุกข์ให้เกิดขึ้นอีก
นี่เป็นต้นสายปลายเหตุของทุกข์เก่าๆในสมัยใหม่ๆ
แต่ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่คนเราก็มิอาจจะปลดปล่อยทุกข์ได้
จนความทุกข์ได้ใจไล่เท่าไรก็ไม่ไปจากเรา เหมือนเรื่องราวในนิทานเรื่องนี้...
ภาพ : http://fukduk.com |
ลิงป่าตัวหนึ่งพลัดหลงจากฝูงเข้ามาในหมู่บ้านที่อยู่ชายป่าแห่งหนึ่ง
และพบว่าที่นี่มีอาหารอร่อยๆ สำหรับมันมากมาย หลังจากนั้นมันก็แฝงตัวอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้และไม่ยอมกลับเข้าป่าอีกเลย
ชาวบ้านนั้นเมื่อแรกเห็นลิงตัวนี้ก็นึกเอ็นดู
ให้อาหารมันกินบ้าง หยอกเล่นกับมันบ้าง แต่นานวันเข้า
พวกเขาก็เริ่มไม่ชอบใจเสียแล้ว
เนื่องจากวิสัยของลิงป่านั้นหาได้มีความสำรวมอย่างสัตว์เลี้ยงทั่วไป
หากมันจะกินอาหารที่อยู่ในมือของใครมันก็จะขู่และแยกเขี้ยวใส่
นอกจากนั้นความฉลาดตามเผ่าพันธุ์ยังทำให้ลิงเรียนรู้ได้เร็ว
เพียงไม่นานมันก็รู้ว่าชาวบ้านแต่ละคนเก็บอาหารไว้ที่ไหน
มันจึงเริ่มเข้าไปขโมยอาหารจากในบ้าน
และยังรื้อค้นทำลายข้าวของของพวกเขาจนไม่มีชิ้นดี
บางครั้งเมื่อลิงหาทางเข้าบ้านไม่ได้เพราะเจ้าของบ้านปิดประตูแน่นหนา
มันก็ขึ้นไปขย่มหลังคาบ้านจนพังลงมา หลังจากนั้นก็เข้าไปในบ้านของเขา
บางครั้งมันก็กัดลูกเล็กๆ ของเจ้าของบ้านและบางทีก็แย่งอาหารจากพวกเขาซึ่งๆ หน้า
ชาวบ้านอดทนไม่ทำร้ายลิงเพราะสงสาร
แต่นานวันเข้า พวกเขาก็ทนไม่ไหว
วันหนึ่งหัวหน้าหมู่บ้านจึงเรียกประชุมลูกบ้านเพื่อจัดการกับปัญหานี้ “เอาลูกดอกอาบยาพิษยิงมันให้ตายไปเลย”
ชาวบ้านคนหนึ่งซึ่งถูกลิงตัวนี้เข้าไปรื้อบ้านเมื่อวานเสนอด้วยความโกรธแค้น “ไม่ดีหรอก” หัวหน้าหมู่บ้านว่า “มันเป็นลิงป่า พวกเราจะไม่ทำร้ายสัตว์ป่า” “เว้นเจ้าลิงนี่ตัวหนึ่ง” อีกคนบอก
ลูกของเขาก็เพิ่งถูกตัวนี้กัดมาเมื่อเช้า
“ไม่ได้
สัตว์ป่าเป็นของป่า เป็นของเจ้าป่าเจ้าเขา
ถ้าเราทำร้ายลิงตัวนั้นอาจเกิดอาเพศร้ายแรงได้”
หัวหน้าหมู่บ้านยังคงยืนยันคำเดิม และลูกบ้านอีกหลายคนก็เห็นด้วย ทั้งหมดจึงช่วยกันคิดหาวิธีการขับไล่ลิงตัวนั้นออกไปจากหมู่บ้านโดยไม่ต้องฆ่ามัน
เด็กหนุ่มคนหนึ่งคิดออก
เขาร้องบอกทุกคนว่า “เอาอย่างนี้ เราต้องหาทางจับลิงตัวนี้ให้ได้
แล้วพามันไปปล่อยป่าอื่นที่ไกลๆ กว่านี้ มันจะได้ไม่กลับมาอีก”
ชาวบ้านเห็นด้วยกับความคิดนี้ หลังจากวันนั้นพวกเขาก็พากันวิงไล่จับลิงตัวนี้โดยไม่เป็นอันทำอะไร
แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครสามารถจับลิงตัวนี้ได้
เพราะมันเป็นลิงป่าที่หลบหลีกได้อย่างแคล่วคล่องว่องไวมาก จนชาวบ้านชักถอดใจ
วันหนึ่งลิงป่าเข้าไปในบ้านหญิงชราคนหนึ่ง
หญิงชราคนนี้ทำขนมตาลได้อร่อยที่สุดในหมู่บ้าน
นางจะทำขนมตาลลูกใหญ่ไปขายในตลาดและแจกเพื่อนบ้านทุกวัน
วันนี้เผอิญมีขนมตาลส่วนหนึ่งเหลือ
หญิงชราไม่มีภาชนะสำหรับใส่ขนมที่เหลือจึงเอาไปใส่ไว้ในหม้อเหล็กปากแคบไว้ก่อน
เจ้าลิงป่าลอบมองเหตุการณ์นี้อยู่ตลอด
มันเห็นที่ซ่อนขนมแล้ว ครั้นพอหญิงชราเดินออกไปจากครัว
มันจึงกระโจนเข้าไปทางหน้าต่างแล้วเอามือล้วงลงไปหาขนมตาลในหม้อ
แต่เพราะหม้อนั้นปากแคบมาก ลิงป่าจึงไม่สามารถดึงขนมออกมาจากหม้อได้
ตอนนั้นเองหญิงชราก็เดินเข้ามาเห็นพอดี
นางร้องด้วยความโกรธว่า “ชิชะ! เจ้าลิงชั่ว แกมาขโมยขนมของข้าอีกแล้วรึ มาเร็วพวกเรา มาจับมัน
มันอยู่ตรงนี้!”
ชาวบ้านได้ยินดังนั้นก็พากันเฮโลมาจับลิงที่บ้านหญิงชรา
เจ้าลิงป่าตกใจรีบกระโจนหนี แต่เพราะความตะกละ มันจึงไม่ยอมปล่อยมือจากขนมในหม้อ
และวิ่งหนีชาวบ้านโดยต้องแบกหม้อเหล็กหนักๆ ไปด้วย
ในที่สุดเจ้าลิงก็อ่อนแรงและเป็นลม ชาวบ้านจึงจับมันใส่กระสอบแล้วพาไปปล่อยยังป่าลึกที่ไกลจากหมู่บ้านที่สุด
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นเจ้าลิงตัวนี้อีกเลย.... (นิทานสอนใจดีๆ
ในชุดหนังสือนิทานสีขาวของ ดร.อาจอง
ชุมสาย ณ อยุธยา)
หากถามว่าความสุขกับความทุกข์ใครชอบสิ่งใดมากกว่ากัน
ทุกคนคงตอบพร้อมกันว่าความสุข แต่เราก็แบกความทุกข์ที่หนักอึ้งเอาไว้
ถ้าเรารู้จักเรียนรู้ที่จะปลดปล่อยความทุกข์เสียบ้าง
หาความสุขกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
และเชื่อมั่นในพระเจ้าเหมือนแม่พระที่ได้รับการประกาศว่า “เธอเป็นสุขเพราะได้เชื่อ..” เชื่อหรือเปล่า ถ้าไม่เชื่องั้นลองทำดู
แล้วความสุขก็จะบังเกิดขึ้น ถ้าสำเร็จก็นำมาแบ่งปันคนข้างๆบ้างนะครับ....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น