วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ยิ่งหา....ยิ่งห่าง


ยิ่งหา....ยิ่งห่าง
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทยของเราคงโดนหางๆของพายุไต้ฝุ่น วีเซนเต ซึ่งเคลื่อนเข้าโหมกระหน่ำเกาะฮ่องกงด้วยความเร็วเกิน 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ไร้ที่อยู่ ความรุนแรงของไต้ฝุ่นส่งผลให้ต้นไม้หลายร้อยต้นหักโค่น อาคารหลายแห่งได้รับความเสียหาย เที่ยวบินหลายเที่ยวถูกระงับ และโรงเรียนหลายแห่งต้องหยุดการเรียนการสอน และต่อมาได้อ่อนกำลังลงเมื่อเคลื่อนตัวเข้าสู่เวียดนาม
ในความก้าวหน้าของมนุษยชาติ พยายามอย่างยิ่งที่จะหยั่งรู้ล่วงหน้าของภัยธรรมชาติ แต่เอาเข้าจริงก็เข้าตำราว่า มนุษย์รู้ หรือ จะสู้ฟ้าลิขิต ทุกยุคทุกสมัยเราก็ยังเห็นผู้คนเป็นจำนวนไม่น้อยพยายามที่จะหาทางต่อสู้กับธรรมชาติตลอดมา ก่อให้เกิดการค้นพบใหม่ๆ การค้นพบก็ไม่มีทางสิ้นสุด เพราะอะไร??? ก็เพราะเราไม่สามารถหยั่งรู้ซึ้งถึงพระราชกิจมหัศจรรย์ของพระเจ้าได้ หน้าที่เราคือใช้สิ่งสร้างอย่างไรให้มีประโยชน์และรักษาสิ่งสร้างเหล่านั้น ใช่หรือไม่ ยิ่งเราค้นหาทางเพื่อให้เข้าใกล้พระเจ้ามากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งออกห่างจากพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น ก็เพราะเรามักใช้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาสกัดกั้นหนทางใจที่จะนำเราเข้าใกล้พระองค์
เครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (LHC)  
ใช่...หากไม่มีการค้นพบและแสวงหาวิทยาการสมัยใหม่ โลกก็คงจะหยุดการพัฒนาไม่มีข้อโต้แย้งสำหรับประเด็นนี้ เราพัฒนาได้แต่ไม่ใช่การพัฒนาเพื่อหาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเองและถอยห่างจากองค์กำเนิด การพัฒนาที่ก้าวไกลส่งผลให้เกิดการหลงใหลในวัตถุมากกว่าจิตใจ ก่อให้เกิดความยโสและหลงโลภอยู่ในสิ่งค้นพบ นำมาซึ่งการลดทอนความเชื่อ บูชาสิ่งที่เห็นละทิ้งสิ่งที่สร้างสุขภายใน ยิ่งทำให้มนุษย์ให้ความสำคัญกับตัวเองมากเกินไป คิดว่าการพึ่งพาแต่พระเจ้าเป็นสิ่งไร้สาระและตกอยู่ในภาวะที่ล้มเหลวทางจิตวิญญาณ ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถทำได้ด้วยสองมือหนึ่งสมอง แต่ไม่ได้คิดในมุมกลับว่า แล้วสองมือหนึ่งสมองนั้นมาจากไหน 
 เซิร์น (CERN)  องค์กรแห่งยุโรปเพื่อการวิจัยนิวเคลียร์
เราคงเคยได้ยินเรื่องราวขององค์กร  เซิร์น (CERN)  องค์กรระหว่างประเทศที่ศึกษาทดลองด้านฟิสิกส์อนุภาค หรือองค์กรแห่งยุโรปเพื่อการวิจัยนิวเคลียร์ ก่อตั้งเมื่อประมาณ 60 ปีที่แล้ว โดยกลุ่มประเทศในยุโรป ปัจจุบันมีสมาชิกอย่างเป็นทางการรวม 20 ประเทศ ตั้งอยู่ที่เมืองเจนีวา สหพันธรัฐสวิส โดยมีอุโมงค์เครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (LHC) ที่มีเส้นรอบวงยาวถึง 27 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ชายแดนของสวิตเซอร์แลนด์และฝรั่งเศส และอยู่ลึกลงไปใต้พื้นดินถึง 100 เมตร 
นักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นเชื่อว่าสิ่งที่เล็กที่สุดของสสาร ไม่ใช่อะตอมหรือนิวเคลียสในอะตอม เหมือนที่เคยค้นพบกันมาก่อนหน้านี้ ฟิสิกส์อนุภาคเป็นสิ่งที่ เซิร์น ให้ความสนใจ และจะเป็นกุญแจสำคัญในการไขความลับของการกำเนิดเอกภพ โดยเอกภพที่เราอยู่เริ่มจากการขยายตัวของสิ่งที่เล็กมากๆ ร้อนมากๆ และหนาแน่นมากๆ ก่อนที่จะขยายตัว เย็นตัวและมีอุณหภูมิเท่าปัจจุบัน ไม่ใช่การระเบิดแล้วแตกออกอย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจ
นักวิทยาศาสตร์แสดงความดีใจใการค้นพบ "ฮิกส์โบซอน"
พวกเขาอ้างว่า การอยากรู้กำเนิดของจักรวาล ก็เพื่อเข้าใจธรรมชาติ ยามเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง จึงต้องย้อนกลับไปสู่อดีต เพื่อรู้จักที่มาของสิ่งเริ่มต้นที่เล็กที่สุด เครื่องเร่งอนุภาคอย่างแอลเอชซีจะเป็นเครื่องมือในการหาคำตอบนี้
ปีเตอร์ ฮิกส์  นักฟิสิกส์ชาว สก๊อต 
นักฟิสิกส์อนุภาคตั้งสมมุติฐานขึ้นมา แล้วเรียกทฤษฎีนี้ว่า ฮิกส์ หรือที่หลายคนเรียกว่า อนุภาคพระเจ้า ที่มาของทฤษฎีนี้มาจาก เมื่อ 48 ปีมาแล้ว นาย ปีเตอร์ ฮิกส์  นักฟิสิกส์ชาว สก๊อต ได้ใช้จินตนาการในการอธิบายกำเนิดจักรวาล หลังการเกิดบิ๊กแบง โดยอธิบายว่า ในชั่วระยะเวลา 1 ใน 1 ล้านล้านส่วนของวินาทีหลังเกิดบิ๊กแบง ได้เกิดสภาวะที่เรียกกันในเวลาต่อมาว่าสภาวะ ฮิกส์โบซอน ขึ้น ภายใต้สภาวะดังกล่าวจะมีอนุภาคส่วนหนึ่งซึ่งต่อมาถูกเรียกว่า อนุภาคฮิกส์ หรือ อนุภาคพระเจ้า  ที่ทำให้เกิดมวลขึ้นเป็นดวงดาวทั้งหลายในจักรวาล แต่ไม่มีใครเคยเห็นเจ้าอนุภาคฮิกส์นี้เลย
 “เซิร์น ประกาศเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้เองว่า เครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ของเซิร์นนั้นได้ค้นพบอนุภาคใหม่ ที่มีลักษณะคล้ายกับ อนุภาคฮิกส์ แล้ว การค้นพบอนุภาคย่อยของอะตอมชนิดใหม่ที่อาจจะเป็น ฮิกส์โบซอน อนุภาคมูลฐานที่ชาวบ้านรู้จักในชื่อ อนุภาคพระเจ้า ซึ่งจะช่วยอธิบายทฤษฎีที่ว่าเหตุใดสารทั้งหลายในเอกภพจึงมีขนาดและรูปร่าง จนเป็นที่มาของจักรวาลอันกว้างใหญ่ นักวิทยาศาสนตร์ทุกคนต่างปรบมือแสดงความยินดีถึงการค้นพบนี้
ความสำเร็จที่เราเห็นหลายคนนำมาแอบอ้างเพื่อลบล้างความเชื่อว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกมาจากพระเจ้า ถ้าเรามองด้วยหัวใจ การค้นพบนี้ก็เป็นเพียงไขข้อสงสัยถึง วิธีการสร้าง ที่ให้เราต้องสรรเสริญความมหัศจรรย์ในการสร้าง หาใช่การมาบอกว่าสิ่งเหล่านี้เกิดมาจากอนุภาคเล็กๆ แล้วอนุภาคเล็กๆเหล่านั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ใครเป็นคนสร้าง ก็กลายเป็นคำถามที่ต้องหาคำตอบกันต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ยุคนี้เราคิดทฤษฎีเช่นนี้ยุคหน้าอาจจะมีทฤษฏีใหม่ๆมาลบล้าง เหมือนกับคนยุคเราที่ค้นพบทฤษฏีใหม่เพื่อลบล้างทฤษฎีเก่าๆของคนรุ่นก่อน ใช่หรือไม่ บางครั้งเราพยายามหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์โดยแอบอ้างว่าจะได้เข้าใกล้พระเจ้ามากขึ้นแต่เมื่อพบแล้ว เรายิ่งห่างไกลจากพระเจ้ามากขึ้น จนหลงลืมพระองค์ไป แต่พระองค์ไม่เคยห่างไกลจากเราเลย ค้นพบพระเจ้าในตัวตนให้เจอน่าจะเป็นความสำเร็จขั้นเทพของเราคริสตชน และใช้อนุภาคพระเจ้าในตัวเราสร้างสังคมให้ผาสุกตลอดไปได้ไหม...
พระเจ้าหนึ่งเดียว ผู้ทรงเป็นพระบิดาของทุกคน พระองค์ทรงอยู่เหนือทุกคน ทรงกระทำการผ่านทุกคน และทรงสถิตอยู่ในทุกคน

ไม่มีความคิดเห็น: