วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

นอกกรอบโดยไม่หลุดกรอบ


นอกกรอบโดยไม่หลุดกรอบ
การได้ดูได้ชมงานศิลป์ก็เป็นสิ่งที่ชมชอบเป็นการส่วนตัวสิ่งหนึ่ง แต่ก็มิได้รู้ซึ้งถึงรายละเอียดว่างานชิ้นไหนใครประดิษฐ์คิดสร้างสรรค์เอาไว้ ไม่รู้เรื่องศาสตร์ทางศิลปะว่าภาพหรืองานศิลป์นี้อยู่ในรูปแบบใด เรียกว่าที่ไปดูไปชมก็เพียงเพื่อให้ความงามแห่งศาสตร์ศิลป์ช่วยนำพาจิตใจให้อ่อนโยนไม่อ่อนแอหรือแข็งกร้าวต่อสิ่งที่เกิดขึ้นตามสภาพแวดล้อมเกินไปนัก และก็เพื่อให้มีสิ่งจรรโลงใจ ได้เห็นความสวยงามของสิ่งสร้างในนามองค์พระผู้สร้างผ่านทางผู้สร้างงานศิลป์เหล่านั้น ... ยามเย็นวันหนึ่งเมื่อมีผู้เชิญชวนให้ไปเยือน Art In Paradise Museum ที่พัทยาเหนือ ซึ่งเคยได้เห็นความสวยงามของภาพผ่านทางเพื่อนฝูงที่เคยไปและนำภาพเหล่านั้นมาบอกเล่า ผ่านทางโลกไซเบอร์ในเฟชบุ๊คมาบ้าง ยิ่งเพิ่มความกระหายในการไปให้ถึงถิ่นจริง แม้ว่าการออกเดินทางจะเย็นย่ำไปสักหน่อย แต่กลับกลายเป็นข้อดี ที่เมื่อคณะเราเดินทางไปถึง ก็เหลือเวลาเปิดให้เข้าชมอีกราวสองชั่วโมง ผู้คนจึงน้อย ทำให้เรามีโอกาสเดินชม ถ่ายรูป ผลงานเหล่านั้นได้อย่างสบายๆไม่ต้องไปแย่งชิงพื้นที่กับใครๆ ...
และด้วยความแปลกแหวกแนวของผลงานที่สร้างสรรค์ ภาพหลายภาพเป็นภาพเลียนแบบงานศิลป์ที่มีชื่อเสียงที่ผู้คนทั่วโลกรู้จัก แต่ถูกนำเสนอในมุมมองใหม่ ภาพส่วนใหญ่ถูกวาดให้มีส่วนใดส่วนหนึ่งหลุดออกมาจากกรอบภาพ ทำให้ภาพมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันใด ภาพยีราฟที่มีหัวโผล่ออกมาเพื่อกินน้ำ ภาพช้างที่งวงของมันออกมาอยู่ข้างๆ ภาพนกอินทรีย์ที่บินอย่างสง่าและดูเหมือนกำลังบินออกมาจากกรอบภาพ เป็นความคิดสร้างสรรค์ที่ทำให้คิดถึง การคิดนอกกรอบ แต่หัวใจสำคัญยังเคารพอยู่ในกรอบเดิมๆ
ใช่หรือไม่ เราคงกำลังคุ้นชินกับกระแสการคิดนอกกรอบของคนรุ่นใหม่ ที่ยึดโยงเอามาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพ ที่พยายามคิดให้ต่างจากคนอื่น แล้วเรียกสิ่งนั้นว่า การคิดนอกกรอบ โดยที่มีความคิดเพียงเพื่อสร้างความโดดเด่นมากกว่าการสร้างสรรค์  คิดนอกกรอบกับ คิดว่าตัวเองคิดนอกกรอบ มันก็ต่างกัน  เพราะคนที่ คิดว่าตัวเองคิดนอกกรอบ มักจะอวดอ้างความสามารถให้ดู แต่พอให้วิเคราะห์ ลงลึกให้ถึงผลงาน กลับไปไม่เป็นดั่งที่กล่าวอ้าง ก็มีคนประเภทนี้ไม่น้อยกลุ่มนี้จะคิดแต่เพียงว่า การคิดนอกกรอบคือการทำให้แตกต่าง โดยจงใจที่จะคิดให้ต่างจากผู้อื่น ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด ก่อนที่จะคิดนอกกรอบได้ต้องรู้ว่าในกรอบคิดยังไงก่อน แล้วค่อยนำมาประยุกต์ มาหาวิธีคิดนอกกรอบใหม่ เพื่อให้ได้วิธีที่ใช้งานจริง การที่มัวแต่คิดต่าง แปลว่าจะทิ้งสิ่งดีๆที่มีอยู่จากเดิมไป ทำให้ไม่อาจได้วิธีใหม่ที่ดีกว่าเดิม
ตรงกันข้ามกับกลุ่มที่ คิดนอกกรอบ กลุ่มนี้จะรู้ซึ้งว่าวิธีเดิมนั้นคิดไว้ดียังไง แล้วจึงจะหาคิดวิธีใหม่ควบคู่กันไป เพราะวิธีเก่าที่ใช้กันมานานย่อมมีสิ่งที่ดีอยู่ ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่ทำกันมาอย่างเนิ่นนาน และเมื่อใช้วิธีเดิมคิดควบคู่กับวิธีใหม่แล้ว ก็สามารถเปรียบเทียบได้ว่าสิ่งไหนดีหรือไม่ดี ต่อเติมสิ่งดีที่มีอยู่ ขจัดสิ่งที่ไม่ดีออกไปแล้วนำสิ่งใหม่ที่ดีกว่ามาใช้แทน อีกทั้งคนกลุ่มนี้จะไม่สนว่าภายนอกจะแตกต่างแค่ไหน ขอให้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดก็พอแล้ว
คนที่ คิดว่าตัวเองคิดนอกกรอบ คือพวกยึดติดกับความต่าง เพิกเฉยของเดิม หวังแต่ความหวือหวา คิดนอกกรอบ คือ คิดรวบยอดเก่าใหม่ สนใจที่การใช้งานจริงถึงไม่ต่างจากเดิมมากก็ยังใช้ บางคนบอกว่าการทำอะไรแบบเดิมตามความคุ้นชินนั้น ทำให้หลงลืมที่จะพัฒนางาน แต่การพัฒนาจากของเดิมให้ดีนั้น ย่อมต้องอาศัยวิธีแปลกใหม่ในการคิดด้วยเช่นกัน ฉะนั้นแล้วจะคิดต่างคิดนอกกรอบได้นั้นก็ต้องรู้ด้วยว่าของเดิมนั้นดีไม่ดียังไง เพราะหากไม่รู้จริง สิ่งที่คิดใหม่ ก็ยากที่จะดีไปกว่าของเดิมได้ นั่นคือที่มาของความคิดสร้างสรรค์
ความคิดสร้างสรรค์ บางทีก็ต้องเริ่มต้นจากการ คิดนอกกรอบ คำถามแรกของการคิดนอกกรอบก็คือ จะทำอย่างไรที่จะพัฒนาสิ่งเดิมๆให้ดีกว่า?
คุณครูในโรงเรียนสาธิตแห่งหนึ่งให้นักเรียนชั้น ป.3 แต่งเรียงความเป็นการบ้านครูกำหนดตัวละคร 5 คนและตั้งชื่อให้พร้อม นักเรียนแค่นำตัวละครเหล่านี้ไปแต่งเรื่องมาเท่านั้น อะไรก็ได้
เด็กคนหนึ่งยกมือค้านบอกว่าไม่ชอบชื่อตัวละคร และขอเปลี่ยนชื่อใหม่ โดยเสนอชื่อตามสมัยนิยมมา 5 ชื่อ ครูแกล้งไม่ยอม ยืนยันให้ใช้ชื่อเดิม เธออยากรู้ว่าเด็กน้อยจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร เด็กหน้ามุ่ยแสดงชัดว่า ไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้โต้เถียงอะไร
วันรุ่งขึ้นเด็กคนนั้นก็ส่งการบ้านเหมือนกับเพื่อนๆ แต่ใบหน้าของเขายิ้มแย้มแบบมีเลศนัย นักเรียนคนนี้ทำตามกติกาของคุณครู คือให้ตัวละครทั้ง 5 คนใช้ชื่อตามที่ครูกำหนด แต่พอเริ่มเรื่องปั๊บ ตัวละครทั้งหมดก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินขึ้นอำเภอทันที ขึ้นไปขอเปลี่ยนชื่อใหม่ ก็ชื่อที่เด็กน้อยคนนี้เสนอในห้องเรียนนั่นแหละ...
ภารกิจการเปลี่ยนชื่อเสร็จสิ้น จึงค่อยเดินเรื่องต่อไปตามจินตนาการของตนเอง ครูอ่านจบก็ยิ้มและหัวเราะ ไม่ได้ว่าอะไร แถมมาเล่าต่อด้วยความเอ็นดู เด็กน้อยคนนี้มีกระบวนการยืนยันเจตนารมณ์ของตนเองที่ฉลาดมาก สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตนเองต้องการโดยไม่ขัดแย้งกับกติกาที่ผู้ใหญ่กำหนด  (EXTEENBLOG)
การคิดนอกกรอบ โดยมีกรอบเก่าเป็นแนวทางชี้นำ จึงเป็นสิ่งที่เราควรสร้างให้เกิดกับตัวเราเอง การสร้างสรรค์ความสวยงามให้กับโลกใบนี้เป็นภารกิจรักของเราทุกคน เป็นการสืบสานงานสร้างสวรรค์ให้เกิดบนแผ่นดิน ความสวยงามจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าเรายังไม่มีจิตใจที่งดงาม เรายังไร้เดียงสาต่อความเชื่อความศรัทธาในหลักธรรมคำสอน เรายังไม่เคารพกรอบกติกาที่คนรุ่นก่อนๆได้ก่อร่างสร้างไว้ มุ่งหวังทำสิ่งใหม่โดยไร้การศึกษาของเก่า ก็คงเปรียบได้กับการนำต้นไม้ใหญ่ที่ไร้รากไปปลูกไว้หน้าบ้าน มันอาจจะงดงามอยู่เพียงชั่วครู่ชั่วยาม วันใดวันหนึ่งพายุแรงพัดกระหน่ำ ไม่นานต้นไม้ใหญ่ที่ไร้รากก็อาจจะล้มทับบ้านเรือนเราก็ได้….

ไม่มีความคิดเห็น: