วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เงางามความดี


เงางามความดี
ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร บทความที่เขียนออกมามักจะวนๆอยู่กับเรื่องความเห็นแก่ตัวของผู้คน หรือว่า สังคมวันนี้มีแต่คนเห็นแก่ตัว รวมทั้งเราด้วย... และที่เขียนก็เป็นส่วนหนึ่งของการพยายามที่จะเตือนตัวเองไม่ให้ไหลเข้าไปในกระแสธารลวงนี้ให้มากนัก (ซึ่งแน่นอนมีบ้างบางครั้งที่อาการเห็นแก่ตัวก็กำเริบขึ้นมาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว) หรือว่า...เรากำลังคิดมากไป ในขณะที่เห็นพฤติกรรมรวมหมู่ของคนในสังคม ที่ต่างฝ่ายต่างคนก็เห็นตัว ไม่ค่อยใส่ใจกัน โกรธเคืองด้วยเรื่องไร้สาระกันง่ายดาย ห่างหายจากลากันเพราะถูกขัดใจ ขัดคอ หรือเพราะถูกนินทาลับหลัง ไม่เข้มแข็งในอารมณ์เมื่อถูกตำหนิเล็กๆน้อยๆ หรือแม้กระทั่งโมโหจากการถูกตักเตือน วันนี้จุดเดือดของเรามันตื้นเขินขึ้นทุกๆวัน สงสัยจะคิดมากไปจริงๆ แต่แล้ว...ก็ไปพบข่าวการวิจัยชิ้นเล็กๆข่าวหนึ่ง เขาวิจัยพฤติกรรมการเห็นแก่ตัวของคนทั่วไปไว้อย่างน่าสนใจ
คนทางฟากฝั่งตะวันตก เขาได้มีการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรม ความเห็นแก่ตัว พบว่าคนส่วนหนึ่งยอมรับว่าตนเองนั้น มีพฤติกรรมนี้มากขึ้น แถม 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถาม ยอมรับว่ากระทำพฤติกรรมเหล่านี้มากกว่าวันละ 2 เรื่องอีกต่างหาก
ตัวอย่างพฤติกรรมเห็นแก่ตัวที่แบบสำรวจพบเห็นได้แก่ เก็บเงินได้แต่ไม่ส่งคืนเจ้าของ (ประเทศเรายังมีแท็กซี่เก็บเงินแล้วแจ้งคืน พบเห็นอยู่หลายครั้ง) เปิดประตูเข้าอาคารเฉพาะตัวเองคนเดียว โดยที่ไม่หันมาดูว่ามีคนข้างหลังอยู่หรือเปล่า พูดนินทาเจ้านาย เพื่อนร่วมงานลับหลัง บริจาคเงินเพื่อการกุศลน้อยลง ช่วยเพื่อนร่วมงานน้อยลง หรือช่วยแต่ไม่เต็มความสามารถ โกหกเพื่อให้ตัวเองดูดีในที่ทำงาน (อันนี้เป็นพฤติกรรมที่ได้รับความนิยมมากในสังคมของมนุษย์เงินเดือน โดยเฉพาะช่วงใกล้ๆสิ้นปี) ไม่ช่วยคนชราถือของ แซงคิว เมื่อขับรถผ่านทางที่มีน้ำขัง ก็ขับรถเร็วจนน้ำกระเซ็นโดนคนเดินถนน (ช่วงนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝน เราจะเห็นการกระทำอย่างนี้มากขึ้น) ยืมของคนอื่นแล้วไม่ยอมนำมาคืน โทษว่าเป็นความผิดของคนอื่นในสิ่งที่ตนเองเป็นคนทำ (แบบนี้ก็มีมิใช่น้อยในสังคมไทย) ไม่เสียสละที่นั่งให้กับคนชราหรือสตรีมีครรภ์ ทำอาหารเย็นตามเมนูที่ตนเองต้องการแต่เพียงฝ่ายเดียว แบ่งอาหารออกเป็นสองส่วน แต่ตนเองเลือกเอาส่วนที่มีขนาดใหญ่กว่า ยืนอยู่ในลิฟต์ข้างที่มีปุ่มกด แต่ไม่ยอมกดลิฟต์ให้คนอื่น ซื้อดีวีดีเรื่องที่ตนเองอยากดู แต่ไม่ถามถึงความต้องการของคนข้างกายว่าเขาอยากดูเรื่องอะไร เป็นต้น
แบบสอบถามนี้ได้สอบถามจากชาวอังกฤษทั้งชายและหญิงจำนวน 2,000 ราย Caroline Revell ผู้อำนวยการโครงการนี้กล่าวในตอนท้ายว่า น่าเสียดายที่ได้เห็นบทสรุปออกมาในลักษณะนี้ การได้ทราบว่าประชากรส่วนหนึ่งในประเทศมีพฤติกรรมเห็นแก่ตัวเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่ง (อ้างอิงจากเดลิเมล จาก www.manager.co.th)
ในช่วงที่กำลังขบคิดถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของคนในสังคมโลก ก็มีเพื่อนคนหนึ่งส่งเพลงผ่านสังคมเครือข่ายมาให้ฟัง เป็นเพลงลูกทุ่งที่มีเนื้อหาโดนใจอย่างมาก และคงเป็นการเชื่อมโยงให้เห็นว่า ทำไมคนเห็นแก่ตัวเพิ่มขึ้น เพราะคนดีหมดกำลังใจนั่นเอง ขับร้องโดย ตั๊กแตน ชลลดา บทเพลงนี้ชื่อว่า โปรดช่วยดูแลคนดี
กว่าจะมีคนที่ ดี ดี W.ะคงเป็นการเชื่อมโยงให้เห็นว่า ทำไมคนเห็นแก่ตัวเพิ่มขึ้น เพราะคนดีหมดกำลังใจนั่นเอง ซักคน  ยอมอุทิศตนเพื่อคนส่วนใหญ่
กว่าจะเจอคนที่เราเห็น ว่าเป็นคน ใช่  ต้องรอนานเท่าใดจึงได้มา
แต่คนดีก็อยู่กับเราไม่นาน  โดนแรงเสียดทานโถมจนพ่ายล้า
ใครโง่ไม่เป็น ใครเด่นเกินไป  ต้องโดนคนว่า ทำถูกใจช้า ยังด่าทอ
ใช้คนดีเปลือง ฝืดเคืองคำชม  โยนเรื่องทับถมถึงทนก็ท้อ
เมื่อทำดียากใครอยากจะทำดีต่อ  ก่อนที่คนดีจะท้อจึงร้องขอแรงส่งมา
โปรดช่วยรักษาคนดี   เชิดชูคนที่เสียสละ
ไม่ถูกใจบ้างบางเวลา  อย่าด่วนกล่าวหาจนถอดใจ
โปรดช่วยดูแลคนดี ให้มีศักดิ์ศรีและยิ่งใหญ่
ปกป้องคนดีให้มีชัย  เพื่อให้ใครใครอยากทำความดี
อยากให้มีคนที่ทำดี มากมาย  ยืนหยัดสู้ไหวแรงใจมากมี
กว่าจะเจอก็ยากนักหนา    ควรรักษาให้ดีใช้เพชรที่เรามีอย่างรู้ค่า….
ใช่หรือไม่ หลายคนเคยพูดว่าคนดีมักตายเร็ว โลกจึงเหลือแต่คนเลวๆ มันคงไม่ใช่เช่นนั้น เพียงแต่ว่า.. คนดียังมีอยู่ในโลกมาก แต่มักมีพื้นที่ถือครองในสังคมน้อย และถูกประทับตราว่าคนดีย่อมไม่แสดงออก คนดีต้องอยู่อย่างเงียบๆ คนดีทำดีต้องไม่ออกหน้า เพราะจะกลายเป็นความโอ้อวด เป็นกิเลสเสพติดการทำดีเอาหน้า การทำดีที่จริงแล้ว คือ การทำสิ่งที่ดีเพื่อสร้างความดี ความงาม สร้างชีวิตจิตวิญญาณให้เจริญขึ้น สิ่งหนึ่งที่เราต้องทบทวนกัน คือ การส่งเสริม ให้กำลังใจ ดูแลคนที่ดีๆให้ทำดีต่อไป ก็เป็นการทำความดีด้วยเหมือนกัน ในสังคมวันนี้เรามักต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำ ไม่เว้นแม้กระทั่งความดี เราจึงขาดพลังหนุนนำสังคม ถึงเวลาหรือยังที่เราจะหยุดใช้ความเห็นแก่ตัวไปฉุดรั้งคนที่ทำดี ถึงเวลาหรือยังที่เราจะสร้างสังคมให้ดีขึ้นด้วยการดูแล ส่งเสริมคนดี ที่อยู่ข้างๆเรา แต่เราไม่เคยมองเห็นเงางามความดีกันเลย เงาที่สักวันหนึ่งเราจะโหยหา เมื่อมันจางจากเราไปอย่างไม่มีวันกลับ...
                                                                                                                                     

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ทำดี ไม่จำเป็นต้องอวด ทำด้วยใจรัก ทุ่มเทหมดใจ ไม่คิดทำใครเดือนร้อน แต่เมื่อถูกคนที่รักนับถือกล่าวโทษ โดยไม่รู้สาเหตุทีแท้จริง สิ่งที่ทำไปดูช่างสูญเปล่า แล้วจะทำดีต่อไปทำไม

คนข้างวัด กล่าวว่า...

ขอบคุณครับสำหรับการแบ่งปัน.. คนเราบางทีก็มักมีช่วงอารมณ์ของการน้อยใจ ช่วงอารมณ์ของการผิดหวัง แต่ก็ต้องแยกแยะให้ออกจาก การความทำดีนะครับ หากว่ามีชีวิตทั้งทีแล้วไม่ทำดีแล้วจะมีชีวิตที่สงบสุขหรือ การทำดีบางทีไม่มีใครเห็นก็เป็นความสุขแล้ว และถ้าเราเห็นคนทำดีก็ให้กำลังใจเค้าบ้าง แค่นี้เราก็สุข เขาก็สุข สังคมก็สุข อย่าหยุดยั้งทำความดีเลยครับ