วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

รำพึง ลำพัง ลำพอง

 รำพึง ลำพัง ลำพอง
            ดึกดื่นตื่นขึ้นมาเนื่องเพราะฝนฟ้าคะนอง โปรยปอยลงมาติดต่อกันในหลายค่ำคืนที่ผ่านมา จะนับเป็นโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่ทราบได้ ในการมีประสาทสัมผัสที่รวดเร็วต่อแสง ต่อเสียง แล้วไปกระตุ้นต่อมประสาท สมองถูกสั่งการให้ต้องลืมตาขึ้นมาในบัดดลเมื่อมีเสียงดังและแสงสว่างผ่านเข้ามา หรืออาจจะเป็นเพราะเมื่อถึงคราวฤดูฝนทีไร มีอันต้องระแวงระวังน้ำที่อาจจะไหลท่วมบ้าน น้ำที่ไหลลงมาจากรูรั่ว ที่ยังไม่สามารถอุดได้ จึงทำให้ต้องตื่น ตาค้าง เป็นชั่วโมงกว่าจะเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ในการนอนหลับยามค่ำคืน
            เมื่อลืมตาตื่นมาด้วยเสียงฟ้า เสียงฝน ระคนปนไปกับความมืดและความเงียบยามดึกสงัด ทำให้เราได้ยินเสียงของสรรพสิ่งแวดล้อมน้อยลง ซึ่งตรงข้ามกับตอนกลางวันที่ชีวิตผู้คนสลวนวิ่งวุ่น ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงหาเสียง เสียงที่ใครก็ไม่รู้ทำหาย ก็ออกหากันให้ควัก เสียงที่เต็มไปด้วยการอวดอ้างสรรพคุณ ขายฝันกลางวันแสกๆอย่างกับพ่อค้ารถเร่ร้องขายของอย่างไงอย่างงั้น (มะนาว หว้านหวาน ฮ่าฮ่า ใครเชื่อก็บ้าแล้ว) ฝนฟ้าก็เป็นใจไม่ตกต้องตอนกลางวัน แต่ครั้นยามค่อนคืนมีอันต้องโปรยลงมาได้ทุกที และเมื่อตกใจตื่นขึ้นมา ลืมตาตามลำพัง ทำให้สามารถฟังเสียงหัวใจ ฟังเสียงมโนสำนึกที่อยู่ลึกลงไปได้อย่างถนัดถนี่มากยิ่งขึ้น....
            จิตใจของคนเราวันนี้เป็นดั่งรูรั่วที่หาไม่พบ เราต่างก็มีรูรั่วในตัวตนด้วยกันทั้งนั้น รูรั่วที่เกิดจากการอยากได้ใคร่มี รูรั่วที่มองเห็นเงินทองเป็นความสุข รูรั่วที่ตลอดทั้งวันอยู่ในวังวนของการเบียดเบียนแก่งแย่งแข่งขัน รูรั่วที่มาจากใจใหญ่บ้าอำนาจ ที่เที่ยวตระหวาดใครก็ได้ที่ไม่ตามใจ รูรั่วที่เกิดจากความบกพร่องในการใช้ปากพูดจาพาที รูรั่วที่หัวใจมีแต่ความใฝ่ต่ำ รูรั่วที่อาจจะเกิดจากความลำพอง
            เสียงสายฝน กระทบหลังคา สาดใส่หน้าต่าง ไม่ว่าจะแรงเพียงใด เมื่อกระทบถูกวัตถุใดแล้ว ก็มีอันต้องนิ่งสงบ คล้ายเป็นสายน้ำน้อยที่ค่อยๆไหลลง ดุจดั่งได้รับบาดเจ็บ หมดเรี่ยวแรงจากการตกลงมากระทบอย่างรุนแรง ใช่หรือไม่ หลายครั้งหลายหนบนหนทางชีวิต ที่เราเป็นดั่งสายฝนห่าใหญ่ พร้อมพุ่งโจมตีทุกสิ่งอันที่เข้ามาขวางกั้น แล้งไง !!! ผลคือเมื่อปะทะกระทบกระทั่ง ต่างก็เจ็บปวดรวดร้าวด้วยกันทั้งนั้น สิ่งที่เราพุ่งชนอาจจะแข็งแรงมั่นคง ไม่สะทกสะท้าน เราล่ะ ..สะเทือนเลื่อนลั่น ร่ำไห้หมดท่า ราบคาบบนความพ่ายแพ้ ความลำพองกลายเป็นความอ่อนแอ กลายเป็นบาดแผลแอบซ่อนอยู่ลึกๆภายใน แต่นี่แหละ..ชีวิตที่ต้องมีบ้างย่อมพลาดพลั้ง ที่ไปนำเอาความลำพองมาเป็นโล่ หรือเป็นหอก เพื่อแสดงแสนยานุภาพของตัวเอง สุดท้ายก็บาดเจ็บด้วยการกระทำของตัวเอง...
            สายฝนถึงแรงแค่ไหน แต่ก็มักนำมาซึ่งความเย็นฉ่ำ จะมีบ้างบางครั้งที่บ้าคลั่ง กระหน่ำลงมาเป็นพายุ และพร้อมทำลายล้างสิ่งที่ขวางกั้น แต่ความลำพองของเรานี่ซิ มีไหมที่จะนำความชื่นฉ่ำ สบายใจให้กับผู้ได้สัมผัสเพียงสักครั้ง....ความลำพองล้วนแล้วแต่เป็นดั่งพายุลูกใหญ่ เป็นความโอ้อวดดีที่มีแต่ความเขลาขลาด เหตุใด? คนเราจึงลำพองในความเก่งกาจสามารถกันนัก ใช่หรือไม่ ความเก่งกาจสามารถเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งประทานมาจากพระเจ้าพระผู้สร้าง และพระองค์พร้อมจะเรียกคืนได้ทุกเวลา
สายฝนแม้ลงจากฟ้า บ่อยไปที่กลายเป็นเพียงหยาดหยดน้ำบนยอดหญ้า หยดน้ำเล็กๆ ที่มีแสงแห่งตนสร้างความสวยงามตามอย่างที่เป็น หยดน้ำบนใบหญ้ากับสายน้ำในมหาสมุทรต่างกันสุดจะเปรียบอ้าง แต่ต่างก็มาจากแหล่งแห่งหนเดียวกัน ต่างมีความงามยามมองยามชมตามชนิดสิ่งสร้างของมัน..แล้วคนเราเล่า ใย!!!ถึงพยายามดิ้นรนอย่างล้นเหลือ เพื่อไปให้ถึงการเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ ใช้ความลำพองของตนในนามของความ ทะเยอทะยาน ตะเกียกตะกายไขว่คว้าให้ได้มาซึ่งความสำเร็จรูป ในรูปแบบของวัตถุ สร้างโลก สร้างแบบวัดกันด้วยโภคทรัพย์ กระสับกระส่ายไม่เป็นสุขเมื่อถูกบดบัง ปะทะอารมณ์ ปะทะคารมใส่กัน เพียงเพื่อยึดครองอำนาจ สุดท้ายวันหนึ่ง เวลาหนึ่ง ในความโดดเดี่ยว ลำพัง แค่ฟังเสียงลมหายใจของตัวเองยังหวาดกลัวจนแทบกลั้นลมหายใจ นี่หรือชีวิตที่มีสุข...
            พระเจ้าข้า...ยามเมื่อข้าฯ อยู่เพียงลำพังในความมืดของราตรีกาล ข้าฯเห็นรูรั่วในจิตวิญญาณอย่างชัดเจน รูรั่วที่มาจากความลำพองของข้าฯ ขอพระองค์โปรดทรงอุดรูรั่วนี้ของข้าฯ เพื่อว่าข้าฯจะได้เป็นภาชนะที่รองรับพระองค์ให้มาประทับอยู่กับข้าฯทุกทิวาราตรีอย่างเต็มที่ไม่มีการรั่วไหลไปไหน..
            พระเจ้าข้า...ยามเมื่อข้าฯ ลำพอง ความกลัวก็เข้าครอบงำ กลัวถึงการมีชีวิตอยู่อย่างไร้เกียรติ กลัวที่จะอยู่อย่างไม่มีใครให้ความสำคัญ กลัวที่จะไม่มีคนรัก คนศรัทธา คนนับถือ ข้าฯกลัว...แม้กระทั่งว่าพระองค์จะไม่ทรงประทานอาหารและข้าฯก็จะไม่มีอะไรเหลือ ไม่มีอะไรให้สะสม ข้าฯกลัวว่าพระองค์จะเบือนพระพักตร์ไปจากทิศทางที่ข้าฯอยู่ ข้าฯคงจะตระหนกตกใจยิ่งกว่าเมื่อได้เห็นฟ้าผ่าลงมา สุดท้าย..ข้าฯกลัวว่าพระองค์จะเรียกลมปราณกลับคืนจากร่างของข้าฯน้อยนี้ แล้ว...ข้าฯจะต้องตายมลายกลายเป็นดิน..
            ยามข้าฯอยู่ลำพัง ความลำพองของข้าฯก็หายไปสิ้น ขอองค์พระจิตเจ้าทรงนำพาให้ข้าฯเปี่ยมล้นไปด้วยความอ่อนโยน รู้จักให้อภัยในทุกห้วงวันเวลา ให้อภัยต่อทุกสิ่งที่บังเอิญมาปะทะกับข้าฯ พระเจ้าข้า พระองค์คือพละกำลังของข้าเพื่อไม่ให้รูรั่วแห่งความลำพองพุพองขึ้นมาในชีวิตของข้าฯ โปรดสดับฟังคำอ้อนวอนของข้าฯท่ามกลางความเงียบงันนี้ด้วยเถิด...อาแมน

ไม่มีความคิดเห็น: