วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

น้ำลดความงดงามเบ่งบาน

น้ำลดความงดงามเบ่งบาน

น้ำท่วมใหญ่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดของประเทศสร้างความเดือดร้อนโดยทั่วถ้วน แต่น้ำใจของคนไทยไม่เคยขาด ระดมกันทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสื่อที่เป็นผู้นำในการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ จนกระทั่งน้ำใจท่วมจอ ท่วมสื่อเลยก็ว่าได้ แต่ละช่องแต่ละเจ้าต่างมีส่วนช่วยรับบริจาค ออกข่าว ประโคมให้คนไทยช่วยเหลือกันอย่างน่ายินดี แม้จะมีข้อปลีกย่อยว่า อาจจะมีผลประโยชน์แอบอิงมาบ้าง ก็ถือเสียว่าเห็นแก่ตัวโดยสุจริตก็แล้วกัน ยังไงสังคมไทยก็ยังมีน้ำใจที่ใสบริสุทธิ์อย่างล้นเหลือ แม้จะมีบ้างบางคนทำตัวเป็นปลิงที่มากับสายน้ำสูบดูดเลือดผู้ตกทุกข์ได้ยาก ด้วยการฉ้อฉลขนของบริจาคเก็บไว้ หรือไม่ก็สวมรอยใส่ชื่อตัวเอง ใส่โลโก้เครือข่ายตัวเองไว้บนถุงบรรเทาทุกข์ ก็ขอให้สิ่งเหล่านี้มลายหายไปกับสายน้ำ หลังน้ำลดก็มีความหวังว่า คนคดโกงก็จะสูญหายไปจากสังคมไทยบ้าง สังคมเราจะเริ่มต้นใหม่ด้วยรอยยิ้มที่มีให้กัน หลังน้ำลด ความงดงามแห่งความเอื้ออาทรให้เติบโต เติบใหญ่ เป็นร่มเงาให้เกิดความร่มเย็นกันทั่วถ้วนหน้า จะเป็นเพียงแค่ความฝันหรือเปล่า!!!!

หลายคนเห็นคนอื่นเขาไปบริจาคทรัพย์สินเงินทอง บริจาคสิ่งของ กลับมานั่งมอง นั่งตรอง แล้วเกิดความรู้สึกไม่ดี เพราะไม่มีเงินทองหรือข้าวของเหลือเฟือมาบริจาค เกิดเป็นปมด้อย น้อยใจที่ไม่มีส่วนช่วยเหลือสังคมกับเขาบ้าง ไม่มีชื่อ-นามสกุลวิ่งใต้จอ แท้จริงแล้วการบริจาคนั้นมีหลายหนทาง บางสิ่งนั้นมีอยู่ในตัวเราทุกคนไม่ว่าจะยากดีมีจน สูงต่ำ ดำเตี้ยเหมือนซักเคียส สิ่งนั้นเราทำได้ แต่หลายคนอาจจะหลงลืมไป นั่นคือ การให้ความรู้ และการเข้าไปฟื้นฟูให้กำลังใจผู้ประสบภัย

เนื่องเพราะเราเติบโตมาในสังคมทุนนิยม เราก็เลยมีความคิดติดกับ อยู่ตรงที่ต้องใช้เงินเพื่อทำทุกสิ่งทุกอย่าง แต่หารู้ไม่ สังคมโลกพัฒนาต่อยอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ล้วนแล้วแต่เกิดจากการให้ความรู้จากรุ่นสู่รุ่น การให้ความคิดต่อกันและกัน การให้กำลังใจช่วยให้สังคมขับเคลื่อนเลื่อนไปอย่างราบรื่นและเป็นสุข ต่างกับสังคมที่เต็มล้นด้วยการใช้เงินตราและทองคำ ในการดำเนินตามเข็มนาฬิกาและค่าการตลาด ในหลายที่ในหลายยุคต้องล้มสลายสูญหายไปก็มากมี เงินทองเปลี่ยนมือได้ แต่ต้องแลกมาด้วยการขับเคี่ยวและแข่งขันอย่างเอาเป็นเอาตาย ตัวใครตัวมัน ในเวลาเกิดภัยธรรมชาติก็ไม่เห็นมีใครเอาเงินไปจ้างพายุ มรสุม ฝนฟ้า สายน้ำที่โหมกระหน่ำ ให้เปลี่ยนทิศเปลี่ยนทางได้ ส่วนความรู้เปลี่ยนทางกลายที่ได้ ยิ่งเปลี่ยนยิ่งมีแต่การพัฒนาต่อไปในความผาสุกอย่างไม่หยุดหย่อน ความรู้กู้วิกฤติจากภัยธรรมชาติได้ สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้

ในอเมริกากลาง ทุกๆปีจะมีการแข่งขันประกวดเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด หลังจากการประกวดชายผู้ที่ชนะเลิศได้ที่หนึ่ง เขากลับทำในสิ่งที่ทุกคนคาดคิดไม่ถึง นั่นคือ ทันทีที่เขาชนะ เขาก็ได้นำเมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งชนะเลิศการประกวดแจกให้ผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันทุกคน แล้วกล่าวว่า เอาเมล็ดพันธุ์นี้ไปปลูกนะ แล้วปีหน้าเรามาแข่งขันกันใหม่

ในปีต่อมา เขาก็ชนะการประกวดเมล็ดข้าวโพดอีก เหมือนปีที่ผ่านมา เขาเดินแจกเมล็ดพันธุ์ที่เขาเพิ่งชนะให้คนอื่นๆ แล้วบอกเช่นเดิมว่า เอาไปปลูกนะ แล้วปีหน้าเรามาแข่งกันใหม่ ชายผู้นี้ชนะการประกวดเมล็ดข้าวโพดติดต่อกันหกครั้ง และเขาก็แจกเมล็ดพันธุ์ที่ชนะให้ผู้แข่งขันคนอื่นเหมือนเช่นเดิมในทุกๆปี ส่วนปีที่เขาไม่ได้ชนะเลิศ เขาก็ยังภูมิใจมิใช่น้อย ที่เมล็ดพันธุ์ที่ชนะนั้นล้วนแล้วแต่มีต้นกำเนิดมาจากไร่ของเขา

จนกระทั่งมีนักข่าวคนหนึ่งถามเขาว่า มันไม่ง่ายกว่าหรือ ถ้าคุณจะเก็บเมล็ดพันธุ์ที่ดีไว้โดยไม่แบ่งคนอื่น คุณก็จะได้รับชัยชนะง่ายๆในทุกปี

เขาตอบว่า แสดงว่าคุณไม่เข้าใจวิธีการปลูกพืช คุณเคยได้ยินคำว่ากลายพันธุ์ไหม? ถ้าไร่ของผมมีเมล็ดพันธุ์ที่ดี บังเอิญไร่ของเพื่อนบ้านมีแต่เมล็ดพันธุ์ที่แย่ๆ วันหนึ่ง ลมก็จะพัดเอาเกสรของเมล็ดพันธุ์ที่แย่มาตกในไร่ของผม ทำให้เมล็ดพันธุ์ผมแย่ไปด้วยจริงไหม มันจะไม่ดีกว่าหรอกหรือ ที่ทุกคนมีเมล็ดพันธุ์ที่ดี เกสรที่ลมพัดพาไปก็เป็นเกสรที่ดี เมล็ดพันธุ์ไร่ผมก็ย่อมดีไปด้วย แล้วถึงตอนนั้น เราก็แค่มาแข่งขันกันว่า ใครขยัน รดน้ำพรวนดิน เอาใจใส่พืชพันธุ์ได้ดีกว่ากัน

มีคำกล่าวว่า ถ้าคุณมีเมล็ดพันธุ์ความคิดที่ดี คุณเก็บไว้กับตัว ไม่แบ่งปันใคร ถึงวันหนึ่งเมล็ดพันธุ์แห่งความคิดนั้น ก็ตายไปพร้อมกับคุณ เป็นสิ่งสำคัญในชีวิต ที่ความคิดและความรู้ ยิ่งให้ออกไป เราก็ยิ่งได้รับกลับมาและเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนๆนั้นประสบความสำเร็จที่มากขึ้นไปพร้อมๆกับการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าในสังคม (จากเรื่อง Even greater share growth)

แล้ววันนี้เราได้เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีไหม เป็นเกสรที่ดีและพร้อมจะล่องลอยไปสร้างความงดงามให้เกิดขึ้นในสังคมไทยเราไหม สิ่งหนึ่งที่เราจะได้เห็นอย่างแน่นอนหลังจาดน้ำลด นั่นคือ ทุกคนก็จะงดเว้นน้ำใจในการช่วยเหลือ กลับมาแข่งขันหาเงินสะสม กอบโกยกันต่อไป ปล่อยให้ผู้ประสบภัยประสบโชคชะตาความทุกข์ยากกันไปตามยถากรรม จะดีกว่าไหมถ้าเรารู้จักที่จะเข้าไปเยียวยา และกู้ใจ ให้ผู้ประสบภัยเริ่มต้นใหม่ ด้วยทักษะและความรู้ในการเริ่มต้นชีวิต เป็นเมล็ดพันธุ์ดีให้ความคิดในการประกอบสัมมาอาชีพ ให้กำลังใจในการลุกขึ้นและก้าวเดินไปด้วยกันฉันท์พี่น้อง หากว่าพระเยซูเจ้าไม่เคยละทิ้งคนต่ำเตี้ย คนยากไร้ฉันใด แล้วเราผู้เป็นศิษย์พระองค์จะไม่เดินตามรอยเท้าพระองค์ล่ะหรือ.....

ไม่มีความคิดเห็น: