วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

โรคเบื่อง่าย

โรคเบื่อง่าย

น้ำท่วมภาคอีสานและภาคกลางยังไม่ทันจางหายไป พายุ ฝนฟ้าเทกระจายสู่ภาคใต้ของประเทศอย่างถล่มทลายอีกครั้ง จนทำให้หลายพื้นที่เข้าสู่ภาวะวิกฤติ ดูเหมือนว่าปีนี้น้ำท่วมเกือบทั่วทั้งประเทศ ถูกน้ำครองพิภพเสียแล้วประเทศไทย!!! หรือนี่จะเป็นบททดสอบความมีน้ำจิตน้ำใจ ความเอื้ออาทร ที่เคยเหือดแห้งมาอย่างยาวนานของคนไทย กาลนี้จิตเมตตาใจกรุณาคงกลับคืนสู่สังคมไทย กลับสู่รากเหง้าสายสัมพันธ์แห่งความห่วงใย ห่วงหาอาทรซึ่งกันและกัน น้ำที่ไหลหลั่งจากฟากฟ้าล้นธาราสายชล คนจึงถูกชำระความเห็นแก่ตัว หันมาเห็นความทุกข์ยากของเลือดไทยที่เคยแบ่งแยก แข่งขัน มาสู่การแบ่งปัน ช่วยเหลือกันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน...

สิ่งหนึ่งที่หวั่นใจว่า เมื่อกาลเวลาผ่านไป สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ผู้คนในสังคมก็คงจะหลงลืมจิตอาสา ใจเมตตากรุณา เนื่องเพราะสังคมไทยก้าวเข้าสู่กระแสแห่งบริโภคนิยมเต็มตัว ในกระแสนี้มีโรคติดต่อชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้น นั่นคือ โรคเบื่อง่าย โรคที่มักเห็นทุกเรื่องเป็นสิ่งบันเทิงเริงใจ แม้แต่การบริจาคช่วยเหลือก็ยังแอบหวั่นใจว่ามันจะกลายเป็นสิ่งบันเทิงของคนบางคน ทำให้ชีวิตมีความสนุก มีอะไรใหม่ๆเข้ามาชดเชยในชีวิตจำเจแสนเบื่อประจำวัน ได้ออกไปช่วยเหลือคนอื่นก็สนุกดี เมื่อหมดความสนุกก็หันเหไปสร้างเรื่องสนุกใหม่ๆในชีวิต ที่อาจจะมีแต่เรื่องไร้สาระกันต่อไปดังเดิม แต่ธรรมชาติก็สั่งสอนให้สังคมเราอย่าได้เบื่อหน่ายกับความเมตตาอาทร การให้ความช่วยเหลือกัน เป็นสัญญาณแห่งกาลเวลา ให้เราตระหนักว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเอาจริงเอาจังกับเรื่องส่วนรวม ลด ละ ว่าง เว้น การจมจ่มอยู่กับผลประโยชน์ส่วนตน..

ใช่ว่าแต่สังคมไทยจะเป็นเช่นนี้อยู่ประเทศเดียว ในประเทศที่เรียกตนเองว่า ประเทศที่พัฒนาแล้ว เขาก็ได้ประสบกับโรคร้ายที่เรียกว่า โรคเบื่อง่าย มาแล้วและยังคงเป็นอยู่ อย่างเช่นในบทความของ ไมเคิล คริชตันที่ได้เขียนไว้ว่า ทุกวันนี้ ทุกคนคาดหวังที่จะได้รับความบันเทิงและหวังรับความสนุกอยู่ตลอดเวลา การประชุมทางธุรกิจต้องให้โก้หรู รวดเร็ว มีภาพเคลื่อนไหวประกอบ เพื่อว่าผู้บริหารจะได้ไม่เบื่อ ห้างสรรพสินค้าและร้านค้า ต้องดึงดูดความสนใจของผู้คน จึงต้องมีความสนุกสนานไปพร้อมๆกับการขายสินค้า นักการเมืองต้องบันทึกบุคลิกภาพของตนไว้ในวิดีทัศน์ และบอกพวกเราเฉพาะสิ่งที่เขาอยากให้เราฟัง โรงเรียนก็ต้องระวังไม่ทำให้หัวใจของเด็กน้อยเบื่อ เพราะฉะนั้นจึงต้องอาศัยความรวดเร็วและความซับซ้อนของโทรทัศน์ นักศึกษาจะต้องสนุก

ทุกคนต้องสนุก ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนช่อง เปลี่ยนยี่ห้อสินค้า เปลี่ยนพรรคการเมือง เปลี่ยนความจงรักภักดี นี่คือความเป็นจริงทางสติปัญญาของสังคมตะวันตกเมื่อปลายศตวรรษ(ที่ 20) ในศตวรรษก่อนๆมนุษย์อยากจะได้รับการช่วยให้รอด หรืออยากปรับปรุงตัวเอง หรืออยากเป็นอิสระ หรืออยากได้รับการศึกษา แต่ในศตวรรษของเรานี้ พวกเขาอยากได้รับความบันเทิงใจ ที่เขากลัวกันมากไม่ใช่โรคภัยไข้เจ็บหรือความตาย แต่กลัวความเบื่อ สำนึกเรื่องเวลาในมือของเราเวลานี้คือความรู้สึกที่ว่าไม่มีอะไรทำ รู้สึกว่าเราไม่สนุก

หากพิจารณาดูให้ดีๆ ใช่...สังคมเมืองเราก็เป็นเช่นนี้และกำลังเดินไปเหมือนสังคมตะวันตกมากขึ้นเรื่อยๆ และในทุกๆเมืองที่มีการพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรม ด้านธุรกิจ ด้านการเงินการลงทุน ด้านเทคโนโลยี ก็มักพบกับสภาพของผู้คนเช่นนี้ เมื่อหลายปีก่อนมีผลสำรวจว่า คนทั่วไปมีสมาธิในการดูการฟังสิ่งต่างๆได้ประมาณ 8 นาที แต่ปัจจุบันนี้มีสมาธิในการดูการฟังเพียงแค่ 2 นาที ไม่ต้องพูดถึงเด็กๆ เพียงแค่เสี้ยวนาทีก็หมดความอดทนแล้ว หากว่าสิ่งที่ดูที่ฟังยิ่งไม่สนุก ไม่ตรึงเอาด้วยความบันเทิง อย่าหวังว่าพวกเขาจะให้ความสนใจ สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงมวลสารที่ไร้รูปร่างล่องลอยผ่านไปอย่างไม่รู้สึกรู้สา

เมื่อเรื่องภายนอกเรายังเบื่อง่าย เรื่องภายในยิ่งไม่ต้องพูดถึง คงเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย ผู้คนจึงถอยห่าง หนีหายไปจากเรื่องชีวิตภายใน ไร้ความสนใจเรื่องจิตวิญญาณ ไม่เลียวแลผู้คนรอบด้าน ใยมิพักต้องพูดถึงเรื่องศาสนาก็จะกลายเป็นเรื่องแค่จินตนาการ เป็นเรื่องของคนไม่มีอะไรจะทำ หากเราคิดกันเช่นนี้ สิ่งที่ผู้บรรลุธรรม ถึงขั้นได้เป็นนักบุญทั้งหลาย ได้กระทำไว้บนผืนพิภพก็คงจะสูญเปล่า หนทางธรรมที่พวกท่านเหล่านั้นได้ปูไว้ก็เป็นเพียงหนทางที่ถูกปล่อยให้รกร้าง

ความสนุกในหนทางชีวิตแห่งยุคสมัยนำมาซึ่งความเบื่อง่าย และต้องการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอๆได้นำมาซึ่งความสุขแห่งชีวิตเราได้หรือเปล่า แล้วเราจะดำเนินเดินทางต่อไปในชีวิตกันเยี่ยงไร จิตใจเรามั่นคงและศรัทธาในคำสอนที่นำไปสู่ความสุขนิรันดร์มากน้อยแค่ไหน เราคงต้องหันกลับมาสู่ทางธรรมเพื่อนำเราพบความสุขที่ไม่ใช่แค่สนุกเพียงอย่างเดียว เดินตามปฐมโอวาทที่พระเยซูเจ้าให้ไว้ โดยเริ่มต้นจากสถานการณ์ภัยน้ำท่วม ด้วยการปฏิบัติข้อที่ว่า ผู้มีใจเมตตา ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตากันก่อน เพื่อเป็นวัคซีนที่ฉีดเข้าไปป้องกันโรคเบื่อง่าย ใครที่กำลังมีอาการลองนำไปปฏิบัติกันดู แล้วความเบื่อหน่ายจะเริ่มหายไปมีแต่ความสุขใจ อย่าเพิ่งเบื่อที่จะอ่านเรื่องแบบนี้นะครับ.....

ไม่มีความคิดเห็น: