วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

เลี้ยวซ้ายผ่านตลาด

เลี้ยวซ้ายผ่านตลาด

อย่าตกใจว่าพิมพ์ผิดหรือเปล่า เพราะส่วนใหญ่มักจะพบเจอป้ายเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด ถ้าอยากรู้ว่าทำไมต้องเลี้ยวซ้ายผ่านตลาดก็เชิญทรรศนากันเลยครับ....

ในยุคสมัยที่การบริโภคครอบครองโลก วัฒนธรรมหนึ่งที่มาพร้อมๆกัน นั่นก็คือเรื่อง การตลาด จนกระทั่งคิดค้นกันเป็นทฤษฎี เป็นตำรับตำรา มีการเรียนการสอนกันอย่างมากมายในระบบการศึกษาปัจจุบัน

ทุกวัน ทุกนาทีที่ชีวิตดำเนินอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างจึงมักใช้การตลาดนำทาง เป็นการซื้อขาย เป็นการสร้างภาพ สร้างแบรนด์ เพื่อเรียกร้องความสนใจ โน้มน้าวให้ผู้บริโภคหลงเชื่อ โดยมีสื่อใหม่ สื่อดิจิตอล เป็นพาหนะ นำภาพ นำเนื้อหาที่ต้องการสื่อ ต้องการค้าขาย ต้องการสร้างกระแส ใช้วิธีการสร้างข่าว ปล่อยข่าว ปูดข่าว เป็นข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวหลอก ผู้คนที่ขาดวิจารณญาณ ผู้ที่ไร้ภูมิต้านทานมักตกเป็นเหยื่อ หลงเชื่อ มีการใช้จิตวิทยาทำให้เกิดความขัดแย้ง ทำให้เกิดกลุ่มมวลชน และถึงขั้นเกิดเป็นชุมชน ซึ่งมักพบเจอในโลกไซเบอร์ เป็นตลาดสดออนไลน์ ทุกวันนี้การจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม หากต้องการความสำเร็จ ก็ต้องทำให้สินค้าเหล่านั้นเป็นที่รู้จักแพร่หลายให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งการตลาดถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญ ที่มีส่วนผลักดันให้ธุรกิจเหล่านี้ประสบความสำเร็จ การตลาดในปัจจุบันนั้น มีหลากหลายรูปแบบ ที่เห็นกันมาก ก็คือ รูปแบบของการโฆษณา การประชาสัมพันธ์ หรือจัดแคมเปญ ออกโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค คนเรามักเชื่อและศรัทธาในสิ่งที่เห็น ในสิ่งที่ได้ยินบ่อยๆ เมื่อมันฝังรากลึกลงในสมองแล้วก็ยากที่จะปลิดสิ่งเหล่านี้ทิ้งลงไปได้

การตลาดแนวใหม่พอมาผสมกับพฤติกรรมแห่งยุคสมัยใหม่ของผู้คนที่ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างเก่ง ต่างคนต่างยึดโยงในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ โดยไม่ได้กลั่นกรอง ไตร่ตรองให้ลึกลงไป ยึดมั่นในทัศนะคติของตนอย่างมั่นคง ถ้าเปลี่ยนก็จะถูกกล่าวหาว่าไร้จุดยืน ความเห็นแก่ตัวถูกจุดติด ความเห็นแก่ได้ถูกปลุกให้ฟื้นคืนชีพ จึงเข้าทางฝ่ายที่เป็นผู้นำแนวคิด และเมื่อการสื่อสารสมัยใหม่ที่ใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส จากการที่แต่ละคนมีสิ่งที่ตัวเองเชื่อตัวเองศรัทธาจนล้นเหลือ ก็ต้องการแบ่งปัน ต้องการปลดปล่อย ต่างคนต่างก็แสวงหากลุ่มคนที่มีแนวความคิดเหมือนๆกัน รวมตัวกันเป็นเครือข่าย โยงใยแบบไม่มีที่สิ้นสุด เช่นเคย เพื่อเผยแพร่แนวความคิดที่เชื่อแบบฝังหัวจนโงหัวไม่ขึ้น ให้ไปสู่ความสำเร็จ ก็อาศัยการตลาดแนวใหม่ส่งต่อเป็นทอดๆกันไป ดังจะเห็นว่าการตลาดแนวใหม่ก็คือการส่งต่อเป็นลูกโซ่ กลายเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่

ใช่หรือไม่ การตลาดมักมากับการทำกำไร มุ่งหวังอยู่ที่การได้เงินได้ทองให้มากๆ การตลาดมักคู่ไปกับความโลภ ความหลงของคน แม้ว่าหลายองค์กรหลายคนพยายามจะใช้จุดยึดโยงที่เรียกว่าอุดมการณ์แห่งการรับใช้ อุดมการณ์แห่งการแบ่งปันมาใช้ แต่ก็มักใช้กันอย่างผิวเผิน ห่างเหินจุดแก่นแท้ หลายคนหลายองค์กรก็คิดแต่ได้ฝ่ายเดียว ใช้เงินต่อเงิน สร้างโครงข่ายให้ตัวเองยกระดับขึ้นไปในตำแหน่งที่สูงๆขึ้น ใช้เพื่อน ใช้ญาติไต่บันไดขึ้น โดยหลงลืมมิติแห่งความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง ซึ่งเป็นการทรยศหักหลังกันแบบเนียนๆ หลายคนเมื่อจมลึกลงไปในธุรกรรมการตลาดสมัยใหม่ ก็ต้องการจะถอนทุนคืน ก็ใช้การตลาดไปหลอกต่อกันเป็นทอดๆไป มองในมุมหนึ่ง บางคนจึงกลายเป็นยูดาสยุคดิจิตอลไปเสียแล้ว...

การตลาดที่คู่มากับการสร้างภาพให้ดูดี (เพราะความไม่ดีจึงต้องสร้างให้ดูดี) ให้ดูว่าเป็นคนเก่ง คนรวย เป็นคนเด่นคนดัง การสร้างภาพมักแอบอิงแฝงฝังอยู่บนทุกพื้นที่ของสังคม ใช้เงินและความสะดวกสบายเข้ามาหลอกล่อ คนหลายคนที่ไม่เคยเห็นเงินก้อนโต ก็ตาโต ยอมขายจิตวิญญาณแห่งความเป็นคน พยายามสร้างภาพให้ตัวเองเพื่อให้คนอื่นเชื่อถือ สร้างจนกระทั่งตัวเองยังเชื่อว่านั่นคือตัวตน ยอมโกหกแม้กระทั่งตัวเอง

วันนี้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างพากันเลี้ยวผ่านตลาดแนวใหม่ไปกันอย่างมากมาย เลี้ยวซ้ายโดยไม่ต้องติดไฟแดง ไฟแดงที่คอยเป็นสิ่งระแวงระวังให้คนได้ลดความรวดเร็ว ให้ลดความรีบร้อนลงบ้าง หยุดตั้งสติเพื่อสตาร์ทออกไปบนถนนแห่งความดีและความงดงามแห่งชีวิตกันบ้างดีไหม เป็นสิ่งอันตรายไม่น้อย ถ้าเราเกิดเลี้ยวซ้ายผ่านไปตลาดแล้วตรงไปสู่หุบเหวแห่งไฟนรก จะเลี้ยวกลับก็ไม่ได้ จะหยุดก็ไม่ทันวันนั้นเราจะเป็นฉันใด และหากว่าในวันนี้ยังไม่สายเกินไป เราเลี้ยวซ้ายมาแล้ว คงต้องมองหาทางกลับ หาที่ยูเทิร์น กลับเนื้อกลับตัว ลดความรีบเร่ง ลดความโลภ ลดความเห็นแก่ตัว เห็นแก่เงินเห็นแก่ทองลงบ้าง ชีวิตเรามีทั้งเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาและมีทางตรง คนที่ศึกษาเส้นทางดีๆ ศึกษาอย่างรอบคอบ การเดินทางมักจะปลอดภัยในทุกๆครั้ง ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆได้มาฟรีๆโดยไม่ลงแรงลงทุน และทุนแห่งชีวิตที่แท้จริงนั่นคือทุนแห่งคุณธรรมที่ต้องประจำติดตามตัวไปในทุกที่ทุกแห่งทุกหนที่เราก้าวย่าง....

ไม่มีความคิดเห็น: