วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เบื้องหน้า เบื้องหลัง

เบื้องหน้า เบื้องหลั

สำหรับคนดูหนัง ดูละครที่ชื่นชอบในเรื่องนั้นๆ มักมีสิ่งหนึ่งที่คิดคล้ายๆกัน คือ แต่ละตอนทำไมช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ยังไม่อยากให้จบตอน จบเรื่อง หรือ มีบ้างบางคน พยายามค้นคว้าหาทั้งเรื่องมานั่งดูนอนดูให้สะใจ ละครแต่ละตอนอาจจะฉายภายในเพียง 1-2 ชั่วโมง หนังอย่างมากก็ไม่เกิน 2 ชั่วโมง ยิ่งชอบก็ยิ่งรู้สึกว่าจบเร็ว นี่คือเบื้องหน้าฉากของละคร ของหนังที่มีให้เราดู เราเสพกันอย่างมากมาย ในสังคมที่มีโทรทัศน์เป็นสมาชิกถาวรของบ้าน เป็นเพื่อนสนิทของคนขี้เหงา

แต่สำหรับเบื้องหลังของหนังแต่ละเรื่อง ละครแต่ละตอน รายการแต่ละรายการกว่าจะได้มานั้นต้องผ่านขบวนการมากมาย ต้องมีการค้นหาข้อมูล เขียนบท ถ่ายทำ ลำดับภาพ ผสมเสียง ประชาสัมพันธ์ ทำการตลาด ขายโฆษณา ต้องใช้ทีมงานหลายสิบชีวิต ต้องใช้เวลาผลิตเป็นแรมเดือน ต้องมีการพูดคุย ประชุมเตรียมงาน ต้องมีการแก้ปัญหาทั้งทางเทคนิค แก้ปัญหาจากปัจจัยที่คาดคิดไม่ถึง แต่ก็มีบ้างบางเรื่อง บางกลุ่มก็ทำงานออกมาเพื่อให้เสร็จ ทำกันแบบมั่วๆซั่วๆ ทั้งนี้หากเบื้องหลังไม่ดีพอ เบื้องหน้าก็คงมิอาจจะประเมินค่าได้

หนังสือแต่ละเล่ม เพลงแต่ละบทเพลง และสิ่งอื่นๆที่เราเสพ เราใช้ เราบริโภค ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีเบื้องหลังด้วยกันทั้งนั้น และหมายรวมถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมแต่ละวัน เบื้องหน้านั้นดูดี ก็เพราะเบื้องหลังนั้นมาจากความเพียรพยายามของคนหลายคน ซึ่งก็รวมถึงเรื่องราวอันแสนเจ็บปวดของสังคมไทยในเวลานี้ที่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แต่ละฝักแต่ละฝ่ายล้วนมีเบื้องหน้าเบื้องหลังด้วยกันทั้งนั้น หากเราไม่มีการพินิจพิเคราะห์ ศึกษาให้ลึกลงไปของปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นอย่างจริงๆจังๆ เราก็เป็นเพียงคนที่คิด คนที่เห็นสภาพความจริงเพียงด้านเดียว ส่วนเดียว และก็ใช้ความสะใจ ใช้อารมณ์ ใช้วุฒิภาวะทางปัญญาอย่างไม่แหลมคม ในการตัดสินปัญหา การสูญเสียชีวิตของบางคนก็อาจจะมาจากปาก จากจิตใจของเราที่เต็มไปด้วยโมหะจริต

บางครั้งบางเหตุการณ์เราก็เป็นเพียงผู้ดู ผู้เชียร์อยู่ข้างสนาม ที่ปากก็ตะโกนให้ทำอย่างนั่น ให้เล่นอย่างนี้ เราไม่รู้หรอกว่าเวลาในสนามจริง เวลาในเหตุการณ์จริงย่อมมีอะไรมากมายกว่าที่เราเห็นอยู่เบื้องหน้า สิ่งที่อยู่เบื้องหลังอาจจะพูดไม่ได้ บอกไม่ถูก การรบการสงครามในหลายครั้งหลายกรณี เราเห็นเบื้องหน้ารบรากันจะเป็นจะตาย เบื้องหลังก็มีการส่งคนขอเจรจา ต่อรอง มันก็เป็นเช่นนี้ที่มีทั้งฝ่ายบู้และฝ่ายบุ๋น

ในชีวิตเราก็เป็นเช่นนี้มิใช่หรือ สิ่งที่เราแสดงออกมานั้นหาใช่ความจริงทั้งหมด บางเรื่องบางเงื่อนเราก็ยังเก็บงำเอาไว้ ทุกการกระทำของเราก็ย่อมมีเหตุผลรองรับเสมอ มีสิ่งที่ควบคุม มีสิ่งที่วัดค่า ประเมินผลในตัวเราเอง สิ่งนั้น คือ มโนสำนึก แต่ใช่หรือไม่ วันนี้เรามักเจอคนที่แสดงออกมาดูดีแสนดี เป็นเทพบุตรเทพธิดาจุติลงมาโปรด วันเวลาผ่านไปลางเลวร้ายเริ่มปรากฏ สืบค้นเสาะหาก็พบความจริงว่า คนเหล่านั้นถูกความโลภเข้าครอบครอง ถูกความเห็นแก่ตัวเข้าสิงสู่ ปิดประตูสำหรับความสุจริต คดโกงทุกเรื่องและติดตั้งมโนสำนึกแบบใหม่ที่คิดว่าการโกง คือ ความเก่ง ความซื่อสัตย์ คือ ความโง่เง่าและล้าหลัง

สังคมไทยเราถูกค่านิยมของทุนนิยมเข้าครอบครองจิตใจ จนกระทั่งจิตสำนึกพลิกด้าน เปลี่ยนขั้ว ใครโกงก็ได้ ถ้าทำให้มีงานมีเงินใช้ หรือ ใครๆเขาก็โกงกันทั้งนั้น จะทำบ้างไม่เห็นเป็นไร สิ่งเหล่านี้มันซึมลึกลงในใจเรามาร่วม 20 ปี ประจวบกับการรับเอาวัฒนธรรมบริโภคนิยม ทุนนิยม มาใช้อย่างไม่รู้จักปรับแต่งให้เข้ากับวัฒนธรรมดั้งเดิม ความเห็นแก่ได้ เห็นแก่เงิน เกิดการแข่งขัน ตัวใครตัวมัน วัฒนธรรมความเป็นพี่เป็นน้องในองค์กรหดหายไปอย่างน่าใจหาย สังคมที่เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่อง สังคมที่เต็มไปด้วยถนนโยงใย สังคมที่เต็มไปด้วยเครื่องอุปโภคและบริโภค แต่มันกลายเป็นสังคมแห่งการนิ่งเฉย สังคมไร้และแล้งน้ำใจ เป็นสังคมที่พร้อมจะสาดใส่ซึ่งอารมณ์ร้ายกันได้ทุกวินาที เป็นสังคมที่เดินผ่านหน้าผ่านตากันโดยไม่มีการทายทัก ทั้งๆที่ใช้พื้นที่เดียวกัน สูดอากาศในมุมเดียวกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แม้แต่ใช้ห้องแห่งความสุข (สุขา) ร่วมกัน

ใช่ เราทุกคนล้วนมีเบื้องหน้าและเบื้องหลัง หลายคนเคยเป็นเบื้องหลังให้เราก้าวหน้า สูงเด่นเป็นสง่าในเบื้องหน้า วันนี้เรายังเห็นคนเหล่านั้นอยู่ในสายตา สายสำนึกกันอยู่หรือเปล่า... และสิ่งหนึ่งซึ่งควรเป็นมโนสำนึกที่ฝังรากลึกลงในจิตใจเรา คือ การที่จะมีเบื้องหน้าที่งดงาม บรรเจิด เลิศหรู ก็ควรต้องมาจากเบื้องหลังที่บริสุทธิ์ สุจริต และเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ สิ่งที่ทำให้เรามีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่สมดุลกันได้นั้น นั่นคือ องค์พระจิตเจ้าที่สถิตอยู่กับเรา เป็นสันติสุขกลางใจเรา เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าประทานให้เราหลังจากการไถ่กู้อันยิ่งใหญ่ของพระเยซูคริสตเจ้า เบื้องหลังแห่งชีวิตของเรายิ่งใหญ่นัก หรือเราพอใจเพียงแสดงแต่เบื้องหน้าที่กลวงโบ๋และละทิ้งเบื้องหลังชีวิตที่ยิ่งใหญ่นี้ไป เช่นนั้นแล้ว เราจะหลงเหลืออะไรเล่าในชีวิต....

ไม่มีความคิดเห็น: