วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2553

ราคาแห่งชีวิต

ราคาแห่งชีวิต

ชีวิตของเราประเมินเป็นราคาได้ไหม!!! เป็นคำถามที่เกิดขึ้นเมื่อมองผ่านเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคม สังคมแห่งความเกลียดชังที่กำลังก่อตัวในความขัดแย้งระหว่างความรวยกับความจน สังคมที่มองว่าบางกลุ่มมีโอกาสแต่บางกลุ่มไร้โอกาส คนเราต่างก็อยากได้อยากมีกันอยู่ด้วยกันทุกคน แต่ก็คงหนีไม่พ้นสัจธรรมของโลกนี้ ใช่หรือไม่ หากไม่มีคนจนไฉนเลยจะรู้ว่าใครรวย คนที่มีโอกาสมากกว่าได้สร้างหนทางให้คนน้อยโอกาสกว่าได้เดินไป นี่แหละที่เราเรียกว่า “การพัฒนา” ถ้าไม่มีคนเสียสละ โลกจะรู้จักค่าของการแบ่งปันได้อย่างไร

เรามักมองดูคนอื่นที่สูงส่งกว่าเพื่อที่จะทะยานขึ้นสูงอย่างเขา มองอีกมุมด้านหนึ่งซึ่งแฝงไปด้วยคุณค่า การเห็นความสำเร็จของผู้อื่นเป็นแรงผลักดันให้ขยันและอดทน การทะยานบินสูงย่อมมองเห็นสิ่งเบื้องล่างได้ดีกว่า หากแต่ว่าคนส่วนใหญ่มักมองเห็นผู้สูงส่งกว่าก็เกิดความอิจฉาริษยา และเกิดแรงแห่งกิเลสขับเคลื่อนให้ทำทุกวิถีทางเพื่อไปให้ถึงเช่นจุดนั้นบ้าง โดยไม่สนใจใส่ใจกับวิธีการ บางคนถึงกับวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้เกิดโชค เกิดลาภ เฝ้าขอเลขเด็ด เลขดี เพื่อชีวิตจะร่ำรวยเงินทอง และจะได้เป็นที่เชิดหน้าชูตาในสังคมที่วัดค่าราคาคนตรงจำนวนเงินทองสมบัติ และมีไม่น้อยคนบนโลกที่หลงใหลไปกับความจอมปลอมของราคาชีวิต ที่คิดเพียงว่ามันจะนำมาซึ่งความยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามบนพื้นพิภพ อย่างเช่นเรื่องเล่าของชาวกรีก
ไมดาสซึ่งเป็นกษัตริย์องค์หนึ่งในเทพนิยายของกรีก ตามเรื่องกษัตริย์ไมดาสองค์นี้ ทรงปกครองชาวฟริเจียซึ่งเป็นชนชาติโบราณในแถบเอเชียไมเนอร์ และด้วยความเป็นที่โปรดปรานของเทพเจ้า เทพไดโอนิซุสจึงเสนอที่จะมอบพรให้แก่กษัตริย์ไมดาส คือ เขาจะขออะไรก็ได้จะให้ตามนั้นทุกอย่าง
ทั้งๆที่ไมดาสเป็นคนร่ำรวยอย่างล้นเหลืออยู่แล้ว แต่เนื่องจากธาตุแท้ของไมดาสเป็นคนโลภที่ไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักอิ่ม ไมดาสจึงขอพรจากเทพเจ้าว่า ให้ทุกสิ่งที่เขาสัมผัสกลายเป็นทองคำทั้งหมด
ไมดาสได้รับพรตามนั้นจริงๆ ไม่ว่าเขาจะสัมผัสสิ่งใดสิ่งนั้นก็กลับกลายเป็นทองคำ เขาเริ่มจากสิ่งที่อยู่ใกล้มือใกล้ตัว แก้วน้ำ เก้าอี้ โต๊ะทำงาน อาหารเครื่องดื่ม และแล้ว...ด้วยความโลภ เขาสัมผัสทุกสิ่งที่เดินผ่านแม้กระทั่งพระธิดาสุดที่รักของพระองค์ก็กลายเป็นทองคำ เช่นนั้นแล้ว สิ่งมีชีวิตทั้งหลายกลายเป็นทองคำ ผ่านไปไม่นานไมดาสเริ่มโดดเดี่ยวไร้คนพูดคุย ไม่มีคนรับใช้ ไม่มีคู่ชีวิต ไม่มีลูกสาว อยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยทองคำ แต่ไร้ชีวิต ไมดาสจึงเริ่มตระหนักได้ว่า สิ่งที่เขาคิดว่าได้รับพรนั้น ความจริงเป็นคำสาปมากกว่า
บัดนี้ไมดาสมีทองคำโดยไม่จำกัด แต่ทว่าเขาได้มันมาด้วยราคาแห่งชีวิต ทั้งของเขาและของบุคคลอันเป็นที่รักของเขา….
ชีวิตของเราวันนี้ล้วนถูกตีค่าราคาคนกันทั้งนั้น ท่ามกลางบริโภคนิยมทุกอย่างยืนอยู่บนการที่มีราคาค่างวด ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องที่ลึกซึ้ง เรื่องชีวิตจิตใจ วัดค่าการทำบุญการเสียสละด้วยใบประกาศเกียรติคุณ ด้วยการมีชื่อสลักบนสิ่งสร้าง ใครไร้ประโยชน์ไม่สามารถทำเงินทำกำไรได้ ชีวิตคนผู้นั้นดูเหมือนจะสูญเปล่าในสังคมที่อ้างว้าง
ใช่หรือไม่ ยุคนี้ใครอยากสวยก็สวยได้ด้วยศัลยกรรมหากเงินถึง อยากเปลี่ยนแปลงเพศก็ผ่าก็เจาะทำได้อย่างเนียนถ้ามีเงิน อยากสุขภาพดีอาหารเสริมมีพร้อมมีให้เลือกมากมาย หลายคนจึงตะเกียกตะกายหาเงินเพื่อให้ผู้อื่นมาทำการเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา หรือมีอีกหลายคนที่ทุ่มเทเวลาทำงานหาเงินหาทองเพื่อเข้าไปนอนพักอยู่โรงพยาบาล วิถีชีวิตที่ต้องใช้เงินนำทาง มีให้เห็นอยู่ทุกที่ทุกทางในสังคมที่ว้าวุ่น
เรามักตั้งความหวังและประเมินค่ากันด้วยรูปทรัพย์สมบัติภายนอก ด้วยตำแหน่งแห่งอำนาจ เราไม่ได้ประเมินคุณค่าของคนอื่นด้วยคุณงามความดีและการเสียสละกันสักเท่าไหร่ในโลกยุคปัจจุบัน ใครไม่ได้ดังหวัง ไม่ได้ดังใจก็เข่นฆ่ากันให้ตายไป หรือไม่ทำเป็นหลงลืมในความเป็นอยู่ของกันและกัน วันหนึ่งสรรเสริญเยินยอยกย่อง รักใคร่ ให้ความชื่นชมเชิดชู ผ่านไปไม่นานไม่ได้ดังหวังทำไม่ได้อย่างคิดก็สาปแช่งสบประมาทกล่าวร้าย รอบทำร้ายกัน ต่างคนต่างก็เป็นเหมือนกันหมด จึงเกิดเกณฑ์วัดคนด้วยสิ่งภายนอก เปรียบเทียบกันด้วยทุนทรัพย์โดยไม่สนใจคุณธรรม
เราจะปล่อยให้โลกเต็มไปด้วยกองทองคำอย่างนี้หรือ เราจะมีชีวิตเพียงเพื่อให้ตั้งราคาหน้าโลงหรือ ศาสดาทุกองค์และผู้บรรลุธรรม ผู้นำความเปลี่ยนแปลงของสังคมทั้งหลายทั้งปวง ผู้คนต่างจดจำและสรรเสริญนั้น ล้วนมาจากคุณงามความดีและวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ใช่ซื้อหาด้วยเงินตราเลยสักคน เคยเห็นเศรษฐีคนไหนเป็นผู้นำจิตวิญญาณของผู้คนบนโลกนี้บ้าง!!!!

ไม่มีความคิดเห็น: