วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แล้ววันนี้ก็มาถึง...จนได้

แล้ววันนี้ก็มาถึง...จนได้

เสียงโทรศัพท์จากพี่สาวดังขึ้นในวันที่เดินทางถึงเชียงใหม่พอดี ปลายสายแจ้งว่า พ่อเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการวูบไป แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ออกจากห้อง ICU ได้แล้ว ไม่ต้องห่วง จากนั้นอีกเพียง3-4 วัน โทรศัพท์จากน้องชายแจ้งว่า พ่อช็อกต้องปั้มหัวใจด่วน หัวใจพ่อเกือบหยุด หัวใจลูกหล่นหาย ใจหนึ่งก็คิดว่าพรุ่งนี้เป็นงานใหญ่ พิธีการมากมายความรับผิดชอบด้านหนึ่งเป็นของเรา ใจหนึ่งก็เฝ้าอ้อนวอนภาวนาอย่างสุดแรง เพื่อให้พ่อได้มีแรงใจ มีลมหายใจต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง เป็นความหวังสุดท้าย แต่แล้วประมาณตี 3 แสงจากโทรศัพท์และเสียงที่ไม่พึงปรารถนาก็ดังขึ้น กดรับโทรศัพท์ด้วยมืออันสั่นเทา เสียงปลายสายสั้นอย่างน่าใจหาย พ่อไปแล้ว จากนั้นนัยน์ตาก็เต็มล้นไปด้วยสายธารแห่งความรักและความคิดถึงพ่อ ท่ามกลางความโดดเดียว ท่ามกลางความมืดมิดยามราตรี เสียงร้องไห้อย่างไม่อายฟ้าดินเป็นไปอย่างยาวนาน นับเป็นชั่วโมงที่นอนร้องไห้ทุรนทุรายอยู่บนพื้นห้อง เพราะไร้เรี่ยวแรงกลับไปสู่เตียงอันอบอุ่น พระเจ้าข้าทำไมโลกนี้ช่างโหดร้ายเหลือเกิน....

แล้ววันใหม่กับความเศร้าโศกแสนสาหัสกับภารกิจความรับผิดชอบก็มาถึง ตลอดทั้งวันมีแต่ความพยายามที่จะประคองกำลังกายกำลังใจ เพื่อให้การเปิดงานสื่อมวลชนคาทอลิกโลกดำเนินไปอย่างเรียบร้อยตามตารางผสมกับน้ำตาที่ตกใน มีบ้างบางครั้งที่หลั่งไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว รุ่งเช้าวันนั้นได้ตัดสินใจแล้วยังไงก็ต้องเดินทางกลับมากราบพ่อให้ได้ หลังพิธีเปิดจึงมีโอกาสกลับบ้าน บ้านที่บัดนี้ไร้เงาพ่อผู้สุขุมและนิ่งสงบ พ่อสู่ที่สงบกว่า

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาวันเวลาผ่านไปเหมือนโกหก หลายเรื่องราวเกิดขึ้นเร็วและ แรง จนเกือบจะตั้งตัวไม่ทัน วันนี้มีโอกาสอยู่นิ่งๆนั่งทบทวนชีวิตที่ผ่านมา เรื่องราวในชีวิตจริง เหตุการณ์ต่างๆทั้งร้ายดีย่อมเกิดขึ้นในชีวิตเราได้แทบทุกวินาที ยังจำถึงความรู้สึกหนึ่งที่เกิดขึ้นในวงอาหารฉลองการแต่งงานครบ 52 ปี ของพ่อกับแม่ได้ดี เคยคิดว่าหากวันที่แม่ไร้พ่อ หรือพ่อไร้แม่ จะเป็นเช่นไรหนอ แม่จะอยู่อย่างไรถ้าไม่มีพ่อ พ่อจะอยู่อย่างไรถ้าไม่มีแม่ ใครจะไปก่อน และเราฐานะที่เป็นลูกจะทำอะไรให้พ่อกับแม่ได้บ้าง พ่อบอกเสมอว่า ทุกวันนี้พ่อมีความสุขมากที่เห็นลูกๆทั้ง 5 คน มีหน้าที่การงานที่ดีมั่นคง เป็นคนมีเกียรติ เป็นคนที่ทำงานเพื่อคนอื่น และวันนี้พ่อได้รับความสุขยิ่งกว่า เป็นความสุขในอ้อมกอดของพระบิดาเจ้า

ใช่หรือไม่ คนเรามักวางแผน เตรียมการไว้อย่างดี อย่างพร้อมเพรียง แต่ในบางเรื่องบางเหตุการณ์ก็มักเกิดขึ้นเหนือความคาดเดาคาดหมาย นอกเหนือจากการตระเตรียม มีอีกสิ่งหนึ่งต้องมิอาจลืมได้ นั่นคือ ทั้งหมดต้องอาศัยความเชื่อในพระเจ้า ทุกสิ่งทุกอย่างจึงสำเร็จ

ไม่เคยคิดว่าวันแห่งการสูญเสียพ่ออันเป็นที่รักในครั้งนี้ ลูกชายคนนี้กลับอยู่แสนไกล ลูกชายคนนี้ไม่ได้พูดกับพ่อ ลูกชายคนนี้ไม่ได้มาดูแลพ่อยามป่วยไข้ เมื่อวันนี้มาถึงลูกชายพ่อได้แต่กลับมากราบพ่อในสภาพร่างไร้ลมหายใจ ทำไมชีวิตคนเรามักเดินย่ำรอยกับผู้อื่นเสมอ เคยคิดว่าพ่อยังไม่แก่ พ่อยังดูแข็งแรง พ่อยังจะอยู่กับเราอีกนานแสนนาน ว่างๆจะกลับไปเยี่ยมไปหา และเป็นไง วันที่มาถึงอย่างไม่ทันตั้งตัว ก็ทำให้คิดว่าเรามีเวลากับพ่อน้อยเหลือเกิน คนเราก็เป็นเช่นนี้รู้ค่าเมื่อสิ่งล้ำค่าจากไป

ในวันนี้มีแต่เรื่องราวของพ่อที่พอจะเป็นบทสอนให้ลูกๆมั่นคงในชีวิตที่มีเพื่อผู้อื่น ชีวิตพ่อในวัยเด็กแสนลำเค็ญ แต่ได้วิชาความรู้จากพระสงฆ์มิชชันนารี สอนให้อ่านเขียนภาษาละติน เมื่อพ่อถูกเกณฑ์ทหารในฐานะที่พออ่านภาษาฝรั่งได้ จึงถูกเลือกให้ไปอยู่กองเสนารักษ์ จากนั้นเป็นต้นมาพ่อจึงเรียนรู้การเป็นหมอตลอด 2 ปีกว่า เมื่อพ้นเกณฑ์ทหาร ประจวบกับการหาปลาเริ่มขัดสนมากขึ้น ความยากจนก็ยังไม่พ้นจากชีวิต ที่สุดพ่อจึงตัดสินใจหยุดการหาปลา มาใช้วิชาหมอออกหากิน โดยยึดหลักในการช่วยเหลือผู้อื่นเป็นสิ่งแรก เรื่องเงินทองเป็นเรื่องรอง ไม่เคยรอให้คนป่วยมาหาถึงบ้าน พ่อมักตระเวนไปกับจักรยานคันเก่า เข้าบ้านโน้นออกบ้านนี้หาคนป่วย จวบจนวันนี้กว่า 40 ปี ที่พ่อยังใช้วิธีการแบบเดิมออกเยี่ยมเยียนคนป่วยตามหมู่บ้านต่างๆ จะมีข้อแตกต่างกันตรงที่พ่อเปลี่ยนพาหนะมาเป็นรถมอเตอร์ไซด์ บางครั้งบางคราวมีคนเจ็บคนป่วยมาเรียกยามดึกดื่นพ่อก็ตื่นไปฉีดยาไปรักษา แม้ว่าจะมีคำบ่นออกไปบ้าง แต่พ่อก็ไม่เคยปฏิเสธเลยสักครั้งเดียว

เมื่อวันที่เราต้องสูญเสียพ่อจนวันนี้ทุกอย่างดูเหมือนมายาภาพ และไม่มีความรู้สึกถึงความสำเร็จของงานแม้แต่น้อย ใครจะชื่นชม ใครจะต่อว่า ดูเหมือนเป็นอากาศธาตุที่ล่องลอยผ่านเข้าหู วันนี้มีเพียงความรักของพ่อที่มีต่อเราลูกๆจะส่งผ่านไปยังแม่ ผู้หญิงที่พ่อรักที่สุดที่เคียงข้างกันมาตลอด 52 ปี โดยไม่เคยห่างกันเกินสองวัน ผู้หญิงที่สร้างครอบครัว ผู้หญิงคนนี้เข้าใจพ่อมากที่สุด และสำหรับเราหวังว่าเมื่อวันนั้นของเรามาถึง เราจะพร้อมกันทั้งครอบครัวในบ้านแสนอบอุ่นของพระบิดาเจ้า...

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

แสดงความเสียใจกับพี่หมาน และครอบครัวห่อเร ด้วยครับ
แสดงความดีใจที่มีคุณลุงเป็นพ่อที่ดีมาก ๆ

ขอพระรับวิญญาณคุณลุงผู้นี้ ที่เป็นอุดมการณ์ในการดำเนินชีวิตให้ใครหลาย ๆ คนได้รู้จักและรักพระเจ้า

จากความเสียสละของท่าน

ด้วยรักและนับถือน
จากสามเณรใหญ่แสงธรรมรุ่น 35
สามเณรใหญ่นครสวรรค์
และผู้จัดทำ www.kamsornway.blogspot.com

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอแสดงความเสียใจกับน้าหมานด้วยนะคะ
เข้าใจ และขอเป็นกำลังใจให้นะคะ
ขอพระแม่มารีอา ผู้ซึ่งเคยประสบเหตุการณ์นี้เช่นเดียวกัน
ได้เป็นกำลังใจให้น้าหมานสู้ต่อไปนะคะ
สวดภาวนาให้ค่ะ
ซ.ฝน