วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เพราะอะไรใจคน

เพราะอะไรใจคน

เคยไหมที่วันดีคืนดี เรื่องราวของเราก็กลายเป็นเรื่องราวสาธารณะเล่าสู่กันฟัง เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันสารพัดสาระพันสุดจะบรรยาย

เคยไหมที่อยู่ดีๆอยู่เฉยๆอยู่นิ่งๆยังกลายเป็นประเด็นให้ผู้พบเห็นนำไปติฉินนินทา

เคยไหมที่การกระทำของเราที่คิดว่าดี แต่ในมิติของคนอื่นแล้วมัน คือ เรื่องที่เลวร้ายสิ้นดี

เคยไหมที่มีเมตตา กลับถูกด่าว่าแสร้งทำ เพื่ออยากเด่นเพื่ออยากดัง

เคยคิดไหม บางครั้งบางเวลาใจของเรากับใจของผู้อื่นตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เราคิดอย่างหนึ่งแต่ถูกตีความหมายไปอีกอย่าง หรือว่าคนเราต้องคิดเหมือนๆกัน แต่พอคิดเหมือนคนอื่นก็ยังถูกว่าไม่มีความคิด ไร้สมอง อ้าว...แล้วไงล่ะใจคน

บางครั้งการพยายามหาเหตุผล ก็ก่อให้เกิดความสับสนให้กับชีวิตได้เหมือนกัน หลายช่วงเวลาของชีวิตมักเลือกที่จะอยู่เงียบๆนิ่งๆ จนกลายเป็นภาพลักษณ์ จนถูกมองว่าเป็นคนเฉยชา เป็นพวกศิลปิน แต่บ่อยครั้งเราก็มักพบกับความเจ็บปวดที่ไม่อาจจะอธิบายความจริงให้ผู้อื่นฟังได้ พูดไปก็กลายเป็นการเรียกร้อง พูดไปก็กลายเป็นการหาข้ออ้าง พูดจากใจก็ดูไร้เหตุผล หรือว่าบางครั้งเราต้องโกหกกันเพื่อให้เกิดความสบายใจของทุกๆฝ่าย ยากแท้ใจคน...

หากว่าชีวิตต้องยืนหยัดในสิ่งถูก ใจเราเท่านั้นที่บอกว่าควรปฎิบัติเช่นไร แต่ก็นั่นแหละ ในสังคมของคนหมู่มาก สิ่งที่ใจเราบอกว่าถูกต้อง ก็อาจจะไปขัดใจใครบางคน บางครั้งก็ต้องยอมผ่อนตามๆกันไป ข้อสำคัญอยู่ตรงที่ว่า การผ่อนตามนั้นต้องเดินไปอยู่บนหนทางความถูกต้อง บนครรลองของความยุติธรรม สิ่งนั้นก็จะนำมาซึ่งความสันติ และเป็นการสละน้ำใจตัวเอง เป็นการเรียนรู้ด้วยว่า ความถูกต้องไม่ใช่ถูกใจเราเสมอไป ความถูกต้องไม่ได้มีเพียงหนึ่งหรือสองหรือสาม ผลของความถูกต้องนำมาซึ่งความรักและสันติสุขภายในใจ...นี่แหละใจคนที่ต้องค้นหา

คนเราส่วนใหญ่ก็ปรารถนาจะให้ผู้อื่นทำตามใจเรา ลูกต้องเดินตามทางที่พ่อแม่ฝันไว้ และบีบบังคับให้ได้ดังใจก็มีให้เห็นบ่อยครั้ง ลูกๆเติบโตขึ้นก็คิดว่าชีวิตอิสระเสรีเหนืออื่นใด ใจสั่งมาให้ทำอะไรก็ทำไปเลย ไม่มีลิมิต ชีวิตเกินร้อย พ่อแม่เป็นเต่าโบราณ เป็นสิ่งค้างคืน ขืนทำตามถูกเพื่อนล้อตายเลยว่า ป๊อดนี่หว่า เป็นลูกแหง่ จึงเกิดการขัดข้อ ขัดขวางและก็ขัดใจกันในครอบครัว คู่รักคู่ขวัญวันเริ่มแรกแจกเบอร์กัน ฉันตามใจเธอ เธอตามใจฉัน เรารักกัน ชี้ไม้เป็นไม้ชี้นกเป็นนก ผ่านวันชื่นคืนสุขกลับสู่ตัวตนของตัวเอง อยากให้เธอเป็นอย่างนี้ได้ป่ะ อ่ะ เธอบอกว่า ไม่ได้ ฉันเป็นของฉันอย่างนี้ และก็มีแต่ความระแวง ระวัง จนกลายเป็นความละเลยต่อกัน ไม่มีความเห็นใจมีแต่ขอให้ตามใจ ความรักสั่นคลอน หมดความไว้วางใจต่อกัน เพราะอะไรเล่าใจคน...

หรือโลกนี้เต็มไปด้วยความหลอกลวง ความจริงอยู่หนใดในจักรวาล ความจริงเป็นเช่นไรในใจคน ความจริงใช่อยู่กลางใจเราหรือ การใช้จิตสำนึก ใจสามัญ ขยันตรวจสอบ เราก็จะพบความจริงในจิตวิญญาณ จิตใจคือพระเจ้าในตัวตน หากเราค้นพบความจริงแห่งใจ ใช่..เราก็ค้นพบองค์พระผู้เป็นเจ้า การซื่อตรงต่อความจริงเป็นการซื่อตรงต่อพระเจ้า แน่ล่ะ บ่อยครั้งเราต้องฟังเสียงในใจของเราและต้องไม่เมินเฉยต่อคำของผู้อื่น เรียนรู้ที่จะปรับเสียงภายนอกและภายในให้สอดคล้องไปกับความเป็นจริง ผู้ใดอยู่ฝ่ายความจริง ก็ฟังเรา พระเยซูเจ้าตรัสไว้เช่นนั้น หลอกใครก็หลอกได้แต่หลอกตัวเองนี่สิหาใช่การเป็นมนุษย์สุดประเสริฐไม่ จงเชื่อมั่นความจริงในใจ เพื่อจะได้จริงใจในทุกก้าวย่างแห่งชีวิต

คนเราหน่ะ หลายครั้งที่ถกเถียง โต้แย้งหาเหตุผลของความจริงกัน จนกลายเป็นฝักเป็นฝ่าย แท้จริงความจริง คือ สิ่งเดียวกัน เพียงแต่ต่างมุมมอง ต่างมุมคิด เรามักใช้สมองควานหาข้ออ้างและเหตุผล เพื่อแสดงความเหนือชั้น เพื่ออวดภูมิกันมากกว่า สังคมที่ไม่มีใครยอมใคร สังคมที่พูดมากกว่าฟัง สังคมที่ใช้ปากมากกว่าหู จึงเป็นสังคมที่ไม่มีใจให้กัน ลองนิ่งๆเงียบๆฟังกันให้มากเราจะพบความจริง เราจะเข้าใจกัน เราจะรู้ว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่คนอื่นพูด ที่นำเราไปเล่าสู่กันฟัง ที่เราคิดว่าถูกติฉินนินทา เป็นเพียงความเข้าใจผิดคิดกันไปเอง บางครั้งในชีวิตจริง ความเงียบมักมีคำตอบเกิดขึ้นในใจคนเสมอ ใช่หรือไม่ ความจริงอย่างหนึ่งที่พระเจ้าเฝ้าบอกเราทุกวันก็คือ เราก็แค่สรรพสิ่งเล็กๆเป็นแสงเล็กๆในจักวาล เป็นดังแสงดาวบนท้องฟ้า ดาวที่มีแสงอ่อนแต่มันเป็นแสงที่นิรันดร์ ความจริงในใจเราก็เป็นนิรันดร์ เพราะพระเจ้าอยู่ในเราตลอดมาและจะตลอดไป....

จิตวิญญาณสูงสุดอยู่ข้างใน ความจริงอยู่ในนั้น พระเจ้าอยู่ที่นั่น.....ในใจของเรา

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

มีคนฝากชื่นชมมาว่าเขียนได้ดีมาก
ขอบคุณสำหรับความคิดดีๆที่แบ่งปันให้เราได้คิด

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากนะคะ
สำหรับบทความดีดี
ได้อ่านแล้ว เข้าใจชีวิตมากขึ้นเลยทีเดียว
ขอบคุณชีวิตของน้าหมานที่ได้แบ่งปันประสบการณ์ดีดีให้คนอื่นได้มีกำลังใจนะคะ
rain.