สิ่งใดมีค่า
ท่ามกลางเสียงพลุ เสียงประทัดของคืนวันลอยกระทงที่ผ่านมา หลายผู้คนออกไปท่องเที่ยวตั้งแต่หัวค่ำทำเอารถราติดกันเป็นทิวแถว แต่สำหรับเราคริสตชนวันนั้นเป็นวันระลึกถึงผู้ล่วงลับและวิญญาณในไฟชำระ วัดหลายแห่งมีพิธีมิสซาในช่วงหัวค่ำ วัดเซนต์หลุยส์ของเราก็เช่นกัน จึงมีโอกาสได้มานั่งรำพึงถึงชีวิต ความเสียใจจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยังไม่จางหายไป ภาพหลายภาพเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ยังคงวิ่งวนอยู่ในหัว พิธีมิสซาในวันนี้คล้ายๆกับบรรยากาศเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในมิสซาปลงศพของผู้เป็นบิดา...แต่ในครั้งนี้มีสิ่งทำให้เรามองเห็นความจริงของชีวิตมากขึ้น เมื่อได้เห็นภาพเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 และพิธีปลงพระศพที่จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ท่ามกลางประชาชนที่เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่า ความจริงในชีวิตคือการเดินทางในพระเจ้านั่นแหละคือความเที่ยงแท้
หลายร้อยหลายพันวันในชีวิตที่ผ่านมา เราหมดไปกับการแสวงหาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด คนเราแสวงหากันไม่สิ้นสุดจริงหรือ... ทรัพย์สินเงินทอง หน้าที่การงาน เกียรติยศ ลาภสรรเสริญ ที่สุดก็หยุดแค่ลงนอนในกล่องสี่เหลี่ยม สุดท้ายปลายทางได้แค่การนอนเหยียดยาว มือประสานหน้าอก มือที่เคยไขว่คว้าหาความสำเร็จ เท้าที่เดินหน้าสู่เป้าหมาย สุดท้ายก็ต้องกลับสู่ท่ามาตรฐานในวันสิ้นลมหายใจ
สิ่งใดเล่ามีค่าที่สุดในชีวิต เราย่อมรู้กันดีอยู่แล้ว แต่จะมีสักกี่คนหลุดพ้นจากวงจรแห่งการแสวงหา จะมีสักกี่คนที่เกิดเป็นผู้ให้โดยแท้ จะมีกี่คนที่ไม่สะสม เราก็รู้ เราก็นับได้ ท่ามกลางหลายล้านคนมีเพียงไม่กี่ร้อยที่เป็นคนเช่นที่กล่าวมา นอกนั้นก็ขาดๆเกินๆ เหมือนกับเราๆท่านๆ หลายคนไม่สะสมเงินทองแต่กลับสะสมคำสรรเสริญ หลายคนไม่ต้องการคำสรรเสริญเยินยอแต่กลับหวังให้ผู้อื่นเห็นว่าเป็นคนดี ซึ่งบางทีการพยายามทำดีก็กลายเป็นกองกิเลสอีกชนิดหนึ่ง การพยายามทำความดีนั้น แท้จริงฤทธิ์กุศลอยู่ตรงความพยายามหาใช่อยู่ที่ความดีที่กระทำ
แล้วอันใดเล่าที่เราต้องกระทำในโลกนี้ เพื่อยกระดับจิตใจและจิตวิญญาณให้งดงาม ทำดีคิดดีโดยไม่มีสิ่งใดเจือปน ไม่ต้องหวังบรรลุเป็นนักบุญ เพราะการหวังก็เป็นความโลภอีกแบบหนึ่ง ต้องกระทำสิ่งดีเพื่อผู้อื่น มอบรักโดยไม่หวังรักตอบ มีเมตตาโดยไม่หวังผลตอบแทน สร้างกุศลโดยไม่สนคำสรรเสริญ สวดภาวนาโดยไม่หวังทำแต้มทำสถิติ และขอพรจากพระเจ้าสำหรับการตัดสินใจในทุกกิจการ ขอบคุณพระเจ้าสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือร้าย เพราะทุกสิ่งคือบทสอนที่พระเจ้ามอบให้เราได้เรียนรู้
ขณะกำลังใคร่ครวญสัจจะของชีวิต บทเพลงหนึ่งในพิธีในค่ำคืนนั้น ทำให้ค้นพบบางอย่าง สิ่งที่มีค่า คือ การเดินตามคำสอนของพระเยซูเจ้า บทเพลงบทนั้นมีชื่อว่า สิ่งใดมีค่า เป็นครั้งแรกที่ได้อ่านเนื้อหาอย่างจริงจัง หรือว่า นี่เป็นคำตอบของความสงสัยในชีวิตตลอดหลายวันที่ผ่านมา
หากชีวิตสิ้นสุดเพียงความตาย จะมีค่าอันใด
เงินทองหรือคือสิ่งที่ต้องการ มีประโยชน์อันใด
หากวันนี้ต้องจบชีวิตลง จะมีค่าอันใด
เงินและทองมีค่ามากมาย จะเอาไปได้หรือ
หากวันนี้องค์พระเยซูกลับมา จะมีค่าอันใด
คงต้องพบพระด้วยน้ำตา รอความตายนิรันดร์
จงละทิ้งชีวิตวันนี้ ก้าวเข้ารับชีวิตใหม่
องค์พระเยซูผู้ทรงเมตตา ทรงรักท่านตลอดไป.....
แต่ก็อีกนั่นแหละ เราผู้อยู่ในยุคที่ทองคำมีราคาแพง ราคาสูงขึ้นทุกๆวัน ความละโมบโลภมากย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา อยู่ในยุคที่ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้ทุนรอน สิ่งที่ได้มาต้องแลกด้วยความมุ่งมั่น หลายครั้งต้องแลกด้วยการสูญเสียคุณธรรม จรรยาบรรณ การเป็นคนไม่มีสมบัติ ไม่ร่ำรวย กลายเป็นคนไร้ค่าไร้ราคาต่อรองในสังคมทุนนิยม วันเวลาของเราจึงหมดไป เพื่อแลกกับสิ่งที่ต้องการสร้างความสะดวกสบาย ใช่หรือไม่..วันนี้เราเห็นเรื่องเปลือกนอก เรื่องภายนอกสำคัญกว่าแก่นแท้ชีวิตภายใน ใช่หรือไม่ วันนี้เราดำเนินชีวิตด้วยมือ เท้า สมองเป็นหลักแต่ไร้หัวจิตหัวใจในการดำรงชีวิต เราจึงไม่รู้ว่าสิ่งใดมีค่าที่สุดในชีวิต ความดี ผลบุญที่เรากระทำในโลกนี้พระเจ้าไม่ได้มีมาตรฐานเกณฑ์วัดเอาไว้ แต่หากว่าสิ่งใดที่เราทำด้วยหัวใจบริสุทธิ์ ทำด้วยความเต็มใจ สิ่งนั้นมีค่าในสายพระเนตรของพระองค์เสมอ แล้วเรายังแสวงหาเพื่อให้คนอื่นวัดความดี ความร่ำรวยจากเปลือกที่เราแสดงอยู่หรือ.. ถ้าเป็นเช่นนั้นชีวิตเราก็ยังคงไร้ค่า แม้จะมีมูลค่าที่สูงล้นฟ้า..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น