วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2567

ก้าวข้ามอดีต

 

ก้าวข้ามอดีต

>>> พยายามก้าวข้ามผ่านอดีตแล้วมีชีวิตที่งดงามในปัจจุบัน คือปัสกาที่แท้จริง <<<

นับเวลาถอยหลังเรื่อย ๆ กับวันเวลาที่เพิ่มขึ้น มีอดีตให้จดจำ มีผิดพลาด พลั้งเผลอ อยากมีอยากเยอะอยากยิ่งใหญ่ บางเรื่องราวสร้างทุกข์สุดใจ และมักย้อนมาทำร้ายจิตใจเราอยู่เนืองนิจ พยายามพิชิตปิดประตูความทรงจำอันนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มีเพียงหัวใจและอดทนข่มความรู้สึกอยู่กับปัจจุบันให้ได้ ทำเวลาขณะนี้ให้ดีที่สุด คิดเสมอว่าวันนี้คือวันที่ดีที่สุดไม่ว่าจะเกิดอะไร ใช่หรือไม่...ทุกคนต่างก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกทำวันนี้ให้ดีที่สุดได้ ส่วนเรื่องของเมื่อวานให้มันจบลงเมื่อวาน พยายามทำความเข้าใจและยอมรับว่ามีความทรงจำบางอย่างกำลังรบกวนความสุขในปัจจุบันของเราอยู่ การยอมรับกับความทุกข์นับเป็นจุดเริ่มต้นกับความสุขในปัจจุบัน ซึ่งการยอมรับไม่ใช่การจำนนต่ออดีต ซึ่งต้องให้เวลา


ไม่มีชีวิตใครในโลกนี้สมบูรณ์ที่สุด เราทุกคนบนโลกนี้ต่างต้องเผชิญกับเรื่องดีและเรื่องร้ายเหมือน ๆ กัน ต่างกันเพียงแค่ว่า ใครจะใช้ใจเยี่ยงไรรับมือกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น อุปสรรคคือบทพิสูจน์ เมื่อเอาชนะได้ ถือว่ายกระดับหัวจิตหัวใจให้สูงขึ้น ไม่ว่าจะเจอกับอุปสรรคใด เงยหน้าขึ้น แบกรับมันก้าวเดินต่อไป เรื่องราวในอดีต อาจจะทำให้ความสงบกลายเป็นตระหนก ส่งผลให้เรามีความคิดอคติตามสัญชาตญาณได้ง่าย ทำให้เกิดความโกรธ ความเกลียดชัง ความแค้นเกิดขึ้นอีกครั้งและอีกครั้งอย่างไม่มีวันหมดสิ้น นี่อาจจะเป็นกางเขนอันใหญ่ที่เราแบกไปเพื่อผ่านหุบเหวที่กว้างใหญ่ในวันข้างหน้า

เป็นสัจจะคู่ผู้คนที่ว่า “เรื่องแย่ โชคร้าย สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน” แต่ก็ยังมีบ้างบางคนที่กำลังตกอยู่กับความทุกข์ในอดีต และซ้ำเติมความทุกข์ตนเองว่า “โง่งี่เง่าไม่เอาไหน ไม่สู้และโชคร้าย” โดยอาจจะหลงลืมไปไม่ว่าใครก็สามารถเจอกับเรื่องร้ายด้วยกันได้ทั้งนั้น

เวลาของเราในโลกนี้สั้นนัก อย่าเสียเวลากับเรื่องราว กับผู้คนหรือสิ่งของที่ไร้ค่า อย่าปล่อยให้เสียงของคนอื่นมีพลังมากกว่าเสียงของหัวใจตัวเอง อย่าให้ใครขโมยความสุขของเราไป แม้ในช่วงที่ชีวิตกำลังเผชิญอยู่กับความมืดมิด แต่ปลายทางของค่ำคืนคือแสงสว่างของรุ่งอรุณ เมื่อใดที่เผชิญกับความท้าทาย จงมุ่งมั่นและพยายาม เพราะทุกจุดเริ่มต้นของความพยายาม ย่อมมีผลตอบแทนเป็นรางวัลรออยู่เสมอ

อย่ากังวลหรือกล่าวโทษว่าเวลาไม่เพียงพอ แท้จริงชีวิตคนเรามีเพียง “ให้และรับ” เมื่อใดที่เป็นผู้ให้ จงให้ด้วยความเต็มใจ เมื่อใดที่เป็นผู้รับ จงรับด้วยความเต็มใจ ในวันนี้อาจจะมีเพียงคำว่า “ขอบคุณ” เป็นแสงสว่างอันนั้นที่จะให้พลังในรุ่งอรุณ เป็นเหมือนชีวิตใหม่ที่ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

ให้เวลากับคนที่เรารักและรักเราให้มากขึ้น คนข้างกายคนในครอบครัวคือหัวใจของการก้าวผ่าน ซึ่งมีค่ามากกว่าเพื่อนกินนับร้อยพัน ไม่มีใครรู้วันเวลาข้างหน้าได้อย่างถูกต้องแม้แต่หมอดู ความยิ่งใหญ่และความมหัศจรรย์ในชีวิต บางครั้งก็ขึ้นอยู่กับให้เวลาและจังหวะในพระพรของพระเจ้าเป็นผู้นำพา ที่สำคัญอย่าหลงลืมศรัทธาในพระเจ้าที่สถิตในตัวเรา

อย่าท้อแท้กับอดีต ทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน อย่าคาดหวังกับความสมบูรณ์ ลุกขึ้นมาทำให้ดีกว่าเก่าก็พอ! ไม่จำเป็นที่จะต้องจบเรื่องราวทุกเรื่องด้วยความสมบูรณ์แบบ ทำความเข้าใจตนเอง ไม่ใช่เพื่อการแก้ไขอดีตให้คลี่คลายหายไป แต่เพื่อให้จิตวิญญาณเราเข้มแข็งเพื่อก้าวผ่านความทุกข์และเดินต่อกับปัจจุบันอย่างมีความหวัง ความรัก และสันติสุขจวบจนวันสุดท้ายจะมาถึง....

ไม่มีความคิดเห็น: