แบกไปทำไม
>>>
“คนแบกทุกข์เก็บทุกเรื่องมาครุ่นคิด แต่คนเปี่ยมสุขให้อภัยทุกเรื่องก่อนเข้านอน” <<<
มีเรื่องมาเล่าให้ฟัง พระเจ้ายื่นสัมภาระคนละสองชิ้นให้สามคน พวกเขามีหน้าที่เดินไปบนถนนที่มีชื่อว่า “ชีวิต” จุดหมายปลายทางที่ชื่อว่า “ความสุข” คนแรกเดินด้วยความยากลำบาก เขารู้สึกว่าสัมภาระนี่หนักเหลือเกิน จนแทบจะก้าวไม่ออก เหงื่อไหลไคลย้อย เต็มไปด้วยความลำบากทุกข์ระทมตลอดทางที่เดิน คนที่สองเดินด้วยสีหน้าเป็นสุข เพียงแต่ว่าเดินค่อนข้างช้า แต่ละย่างก้าวก็เหนื่อยพอประมาณ ส่วนคนที่สามนั้นเดินไปร้องเพลงไป มีความสุขอย่างล้นเหลือ และก็เดินได้เร็วมาก ไม่นานนักก็ถึงที่หมายอย่างสบาย
พระเจ้ารออยู่ที่จุดหมายปลายทาง คนแรกบ่นอย่างหงุดหงิด ข้องใจมากว่าทำไมคนอื่นจึงสามารถเดินทางด้วยความสุข ในขณะที่ตัวเขาเองเดินด้วยความทุกข์ระทม สงสัยว่าสัมภาระของตนหนักกว่าของคนอื่น พระเจ้าชี้แจงว่า “สัมภาระของทุกคนหนักเท่ากัน ชิ้นหนึ่งบรรจุ “ความทุกข์” อีกชิ้นบรรจุ “ความสุข” แต่เจ้าแบกเอาชิ้นของความทุกข์ไว้ด้านหน้า เอาชิ้นความสุขไว้ด้านหลัง เจ้าจึงเห็นแต่ความทุกข์ตลอดทาง ไม่เคยเห็นความสุข จึงต้องเดินทางด้วยความเศร้าและเหนื่อยล้า”แล้วก็หันไปยังคนที่สอง
“เจ้ากลับทำตรงกันข้ามกับคนแรก แบกเอาชิ้นความสุขไว้ด้านหน้า เอาชิ้นความทุกข์ไว้ด้านหลัง
เจ้าจึงเห็นแต่ความสุข ทำให้เจ้าสามารถเดินทางด้วยความสุขสดชื่นตลอดทาง” แล้วพระเจ้าก็ชี้ไปที่คนสุดท้าย
“เจ้าก็ทำเหมือนคนที่สอง แต่เจ้ายังรู้จักเจาะรูไว้ที่ชิ้นแห่ง
ความทุกข์รูหนึ่ง จนทำให้ความทุกข์ไหลออกตลอดทาง
สัมภาระชิ้นแห่งความทุกข์จึงมีน้ำหนักเบาลงเรื่อย ๆ เจ้าจึงสามารถเดินทางด้วย “ความสุข” และยังเดินได้เร็วกว่าคนอื่น”
พระเจ้ายื่น
“ความทุกข์” และ “ความสุข” ไว้ให้กับเราทุกคน และยังได้ยื่นเครื่องมือให้เราอีกชิ้นหนึ่ง เพื่อตัดเจาะสัมภาระชิ้นแห่งความทุกข์ให้ขาด เครื่องมือนี้มีชื่อว่า “อภัย” นั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น