วันเสาร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2567

สะเทือนเตือนตน

 

สะเทือนเตือนตน

>>> ชาวประมงที่รอดชีวิตจากคลื่นมักหันหัวเรือพุ่งชนคลื่นลมนั้น <<<

ในวันหนึ่งเราเดินผ่านผู้คนมากน้อยเพียงใด ในขณะนั้นเรามิอาจจะรู้ได้เลยว่า แต่ละคนที่ผ่านเราไปนั้นมีสุขทุกข์เพียงใด เราอาจจะรู้สึกว่า ในวันนี้ชีวิตเราช่างแสนทุกข์ลำเค็ญ การงานยากลำบาก การเงินขัดข้อง ความรักไม่สมหวัง เจอแต่การหลอกลวง ผิดหวังอยู่ร่ำไป หาความจริงใจไม่ได้ ตกอยู่ในหุบเหวแห่งความทรมาน ดูเหมือนชีวิตเต็มไปด้วยคลื่นลม ใครจะรู้เล่าว่า คนที่เพิ่งเดินผ่านเราไปนั้น คนที่เราพบเห็น พ่อค้าริมทาง คนขับแท็กซี่ คนกวาดถนน ตำรวจจราจร เขาอาจจะกำลังอยู่ท่ามกลางคลื่นลม มรสุมชีวิตหรือสึนามิชีวิตอยู่ก็ได้ ทุกคนต้องเจอคลื่นชีวิตด้วยกันทั้งนั้น ไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง ไม่เรื่องนั้นก็เรื่องนี้ที่เวียนแวะมาปะทะให้ทุกข์ปะทุ สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าเราจะรับมือกับมันได้อย่างไร?ต่างหาก ยามเผชิญหน้ากับคลื่นชีวิต ให้ระลึกเสมอว่าคงไม่ใช่เราคนเดียวหรอกที่เจอ มีเพียงหัวใจที่กล้าแกร่งไม่สยบยอมต่อทุกสิ่งเท่านั้นจึงจะก้าวข้ามผ่านไปได้

วันเวลาไม่อาจย้อนคืนมาได้ เวลาจะเยียวยาเราในเรื่องราวต่างๆได้ดีที่สุด สภาพจิตใจของคนเราก็ไม่เหมือนกัน ย่อมมองเรื่องราวแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งสำคัญเราต้องมีมุมมองในชีวิตด้านงดงามเสมอ อย่าตัดสินคนอื่นจากความคิดของเรา เพียงแค่การมองเห็นแต่ไม่รับฟังและเข้าใจคนอื่น รักษาจิตวิญญาณของเราให้ดี ไม่ว่าจะเป็นสุข เศร้า เหงา เจ็บปวด มีเพียงเราเท่านั้นที่รับรู้ความสึกได้อย่างแท้จริง บางช่วงจังหวะเวลาของชีวิต ก็ต้องกล้าหาญ กล้าที่จะยอมรับ กล้าที่จะลืม กล้าที่จะถอย กล้าที่จะให้อภัย กล้าที่จะลุกขึ้นและกล้าที่จะก้าวเดินหน้าต่อไป

เมื่อชีวิตต้องสั่นสะเทือน เสียใจได้ก็เสียใจเถอะ อย่าเก็บกดทับมันไว้ ก็แค่ความทรงจำครั้งหนึ่งในชีวิต เสียใจแล้วให้ลุก มีสิ่งงดงามรออยู่ มีแสงแห่งวันใหม่ให้ชื่นชม อย่ามัวแต่ชื่นชมคนอื่น จนลืมดูแลจิตใจตัวเอง เปลี่ยนความเคยชินที่เลวร้ายออกไป แรงสะเทือนที่เตือนตนให้ดีได้ ย่อมส่งผลต่อคนรอบข้างให้ดีงามตามมา...

ไม่มีความคิดเห็น: