รู้แล้วได้อะไร
>>> หากรู้แล้วปราศจากรัก ความรู้ก็ไร้ค่าและบางทีอาจฉุดรั้งจิตใจให้ต่ำเตี้ย
<<<
ข่าวของ “แอม ไซยาไนด์”
ทำเอาคนที่ชื่อ “แอม” หาทางเปลี่ยนชื่อกันเป็นรายวัน เพราะเพื่อน ๆ จะเลิกคบกันหมด
ความน่ากลัว ความโหดร้าย ที่ถูกสื่อออกมาผิดมนุษย์มนาจริง ๆ แต่ก็อีกนั่นแหละ ทั้งหลายทั้งปวงยังเป็นเพียงข้อสงสัย
เราต้องรอความจริงในหลาย ๆ ด้านให้ปรากฏเสียก่อน แต่สิ่งที่เราเห็น เรารู้ วันนี้
ก็มาจากข่าวแข่งขาย ที่ทุกสำนักข่าว ทั้งใหญ่ทั้งเล็ก ทุกฟอร์แมต ทุกแพลตฟอร์ม
ละเลงอวดอ้างข้อมูลเด็ดนำมาเล่าสู่สาธารณะ เรา ๆ ท่าน ๆ
คนเสพสื่อเห็นเข้าก็รีบอ่าน รีบฟัง รีบดูเป็นข้อมูลเอาไปคุยต่อ
เพราะเหมือนดูซีรีส์ลุ้นระทึก และก็แน่นอนเวลาคุยกันก็ต้องเพิ่มสีสัน ใส่สี
จากข้อมูลนิดเดียว ด้านเดียว
ทำให้เรากลายเป็นผู้รู้ ดูน่านับถือ (ที่ใคร ๆ ก็อยากเป็น) เอาเข้าจริง ความจริงบางทีก็มิได้มาจากข้อมูลเสียทั้งหมดทั้งสิ้น
หากแต่เราต้องตระหนักว่า ข้อมูลความรู้ที่เราได้มานั้น ทำให้ชีวิต
จิตวิญญาณเราพัฒนาขึ้นหรือเปล่า??? ไม่ใช่รู้เพื่ออวดรู้
เราต้องรู้แล้วได้อะไรด้วย จึงจะรอบรู้จริง
ความรู้เหมือนเป็นแสงไฟส่องนำทาง แม้จะเป็นเพียงแสงเล็ก ๆ หากมันทำหน้าที่ได้ชัดเจนก็ดีกว่าไฟสวยงามที่เอาไว้ใช้ประดับประดา หรือมีไว้เพื่ออวดสวยเท่านั้น ความรู้ที่เราได้รับมานั้นต้องได้รับการกลั่นกรอง ขัดเกลา เพื่อที่เราจะนำไปเป็นประสบการณ์ในการตัดสินสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ความรู้มักจะเริ่มต้นจากความสงสัยเสมอ เพื่อให้เราจะได้แสวงหาและค้นคว้า ลึกลงไปอีกหน่อย หากเรานำความรู้ที่มีมาพัฒนาเพื่อผู้อื่น ทำให้เกิดความเมตตาอาทร ทำให้เกิดความรักความเข้าใจกัน สามารถนำพาหนทางชีวิตพบทางออกของปัญหาได้ในทุกกรณี เหนือกว่าความรู้นั่นคือความเชื่อความศรัทธา ความไว้วางใจในพระเจ้าที่เรานับถือ เพราะบ่อยครั้งความรู้ให้เราเพียงแค่รู้ แต่ความเชื่อให้เรารู้จักจริง ๆ เมื่อรู้จักมากความรักก็จะงอกงามมากขึ้นตาม
ในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูล
ความรู้มากมาย แต่ความจริงมักถูกปิดบังซ่อนเร้น เราก็ต้องเรียนรู้โลกให้มาก
ด้วยการเปิดหัวใจให้กว้าง พัฒนาความรู้ที่เรามีให้เป็นความรักเสียก่อน
แล้วจึงนำไปแบ่งปันให้คนอื่น อย่าให้มีความรู้เพียงเพื่อแสดงว่าเรารู้เยอะเท่านั้น
แต่ใช้ความรู้ด้วยความรักจากหัวใจเรา ให้ความจริงปรากฏ นี่แหละคือสิ่งที่โลกต้องการเพื่อเป็นทางออกในปัญหา...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น