จะอะไรกันนักหนา
>>> โชคดีแค่ไหน… ที่บ้านเมืองของเราไม่มีสงคราม
แม้จะยังคงความขัดแย้งทางอุดมการณ์กันบ้าง
โชคดีเพียงใด… ที่เรามีร่างกายครบเป็นปกติ
แม้ว่าอาจจะพิกลพิการทางจิตวิญญาณกันไปบ้าง
ก็ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
เพื่อชีวิตที่ดีงามพร้อมมากขึ้น <<<
ได้อ่านข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับชนชาวโลก
ปัจจุบันนี้ประชากรโลกมีมากกว่า 7 พันล้านคน จากสถิติจะบอกเราเกี่ยวกับตัวเลขการกระจายตัวของชาติพันธุ์ต่าง
ๆ และข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับประชากรโลก แปลงเป็นตัวเลขเกี่ยวกับพลโลก 7
พันล้านให้เป็นเพียง 100
แล้วทำข้อมูลสถิติเหล่านั้นให้กลายเป็นเปอร์เซ็นต์ จึงทำให้ข้อมูลเข้าใจได้ง่ายกว่าเดิม
ขอนำมาให้อ่านเพียงบางส่วน
เขตอยู่อาศัย 49% อยู่ในชนบท 51% อยู่ในเมือง
บ้านที่พัก
77% มีบ้านของตัวเอง 23% ไม่มีบ้านอยู่
อาหารการกิน
21% มีอาหารกินจนมากเกิน 63%
มีอาหารกินแค่พออิ่มไปวัน ๆ 15% ขาดอาหาร
1%
วันนี้ได้กินอาหารมื้อสุดท้ายไปแล้ว แต่อาจไม่ได้อยู่รอดจนถึงอีกมื้อหนึ่ง
โทรศัพท์มือถือ/การสื่อสาร 75%
มีโทรศัพท์มือถือ 25%
ไม่มีโทรศัพท์มือถือ 30%
เข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ 70%
ไม่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้
อายุขัย 26% มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ต่ำกว่า 14 ปี
ก็ด่วนตายไปก่อน 66% ตายเมื่ออายุ 15 - 64
ปี 8% มีอายุเกิน 65 ปี
จากสถิตินี้บอกเราว่า ถ้าเรามีบ้านเป็นของตัวเอง
มีอาหารกินครบมื้อ มีน้ำสะอาดให้อาบกิน มีโทรศัพท์มือถือ ท่องอินเตอร์เนตได้
มีโอกาสเล่าเรียนจนจบมีปริญญา เราจะเอาอะไรกันอีก อยากได้ อยากมี อยากเป็นอะไรอีกเล่า
จงรักทนุถนอมชีวิต
อยู่อย่างรื่นรมย์ทุกขณะลมหายใจ หาทำเรื่องสุขกาย สุขใจ
ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าเพื่อผู้อื่นบ้าง โดยไม่ก้าวก่ายกันและกัน
เราต้องไม่ไปวุ่นวายกับชีวิตคนอื่นให้มากไป ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะทางจิตใจกันและกัน
โลกมีอะไรเกิดขึ้นมากมายด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว เราพลโลกยังไปเร่งไปรัดให้เกิดอะไรต่อมิอะไรกันเกินไปอีกทำไม
สงคราม โรคระบาด เศรษฐกิจที่ตกต่ำลงเพราะอะไร ก็เพราะเราไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักตัวเอง
แต่เที่ยวไปจัดการกับคนนั้นคนนี้จนก่อเกิดสงครามต่อเนื่องมาตลอด สงครามไม่เคยให้อะไรกับมนุษย์
มีแต่พรากทุกอย่างจากไป เราอยู่ในโลกใบเล็ก ๆ
เทียบกับความยิ่งใหญ่ของจักรวาลแล้ว เล็กยิ่งกว่าเม็ดทรายเสียอีก เรากำลังแสวงหาอะไร คนมีอำนาจกำลังตามหาอะไร?
หากเราไม่รู้จักตัวเองให้มากพอ
จะไปนำคนอื่นได้เช่นไร การรู้จักตัวเอง
คือ การเรียนรู้จักในความเป็นตัวเรา
และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้เป็นกิจวัตร ยามใดเมื่อเราเป็นคนคูณภาพ
เป็นพลเมืองที่ดีงามแล้ว คนอื่นที่เห็นที่มองเราย่อมที่จะได้รับสิ่งดี ๆ ไปด้วย
เราไม่ต้องแสวงหาความยิ่งใหญ่ในโลกใบเล็ก ๆ นี้ เพราะไม่นานเราก็ต้องจากไป
ไม่ต้องสะสมอะไรเกินความจำเป็น แต่สิ่งจำเป็น คือ เราต้องสะสมความดีงาม
สะสางให้จิตวิญญาณเราให้ปลอดโล่งอยู่เสมอ ไม่ต้องรู้ทุกเรื่องเก่งทุกอย่าง
เพียงรู้ว่าจะใช้ความรักของพระเจ้าอย่างไรในชีวิตประจำวัน เพียงเท่านี้แหละ
ไม่ต้องอะไรกันนักหนา…
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น