วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2564

นับวันยิ่งไกลห่าง

 



นับวันยิ่งไกลห่าง

>>> ทุก ๆ วันข้าพเจ้า เตือนตัวเองนับล้านครั้งว่า

ชีวิตทั้งภายในและภายนอกของข้าพเจ้านี้

ขึ้นอยู่กับแรงงานของคนอื่น ทั้งคนที่มีชีวิตอยู่และผู้ซึ่งสิ้นชีวิตไปแล้ว

ข้าพเจ้าต้องใช้แรงงานตนเอง มอบคืนในสัดส่วนที่เท่ากัน

ในขณะที่ข้าพเจ้าเป็นผู้รับ และยังคงเป็นผู้รับอยู่ตลอดเวลา<<<

                                                                          อัลเบิร์ต ไอสไตน์

            สายฝนพรั่งพรมลงมาตามฤดูกาล นั่งมองสายฝนทบทวนวันเวลา กี่ฤดูฝนที่ผ่านมา บางฤดูหนักหนา น้ำท่วม สูญเสีย บางฤดูชื่นชอบ ร่มเย็น หลากหลายทัศนะตามกาลเวลา ชีวิตก็เช่นนั้นที่สุด…ความคิดมาหยุดตรงที่ว่า ชีวิตที่ดีของเราคืออะไร? อยู่ตรงไหน? ความหมายของชีวิตที่ดีนั้นเป็นเช่นไร ในทางร่างกาย คงเป็นเรื่องสุขภาพที่แข็งแรง ไม่มีโรคภัย ไม่ชำรุด เพราะในสภาพแบบนี้ หากร่างกายอ่อนแอย่อมแพ้พ่ายกับเจ้าโควิด-19 นอกจากนั้นชีวิตที่ดีก็ยังต้องมีสิ่งนอกกายที่เอื้ออำนวยในการดำรงอยู่ ข้าวปลาอาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้า ที่หลับที่นอนมีเพียงพอ ซึ่งตรงนี้แหละคือ สิ่งที่ผู้คนยังไม่รับรู้ว่า ขีดสูงสุดของตัวเองอยู่ตรงไหน จากความจำเป็นกลายเป็นความต้องการ และกลายเป็นเพื่อกอบโกยสะสม มีเพื่อโชว์ไม่ได้มีเพื่อใช้ในยุคออนไลน์ ยังมีสิ่งสำคัญที่สุด นั่นคือ จิตวิญญาณที่งดงาม ที่มีอยู่ในความดี ความรัก ความตระหนักรู้ ความเมตตา ที่คนยุคนี้มักหลงลืมไป นับวันยิ่งทำให้คุณค่าชีวิตไร้ความหมาย เพราะเราไกลห่างจากรื่องจิตวิญญาณไป


            ใช่หรือไม่ นิยามชีวิตที่ดีของเมื่อวันวาน คือ ชีวิตที่เราอยากจะเป็น ได้ทำงานที่ชอบ มีเพื่อนร่วมงานที่ดี มีเจ้านายที่เอาใจใส่ อยากไปไหนก็ไปได้ทุกที่ แต่งตัวสวยบ้างโทรมบ้าง ได้กินอาหารร้านหรูบ้าง ข้างถนนบ้าง ไม่ต้องแคร์กับความคิดของใคร ๆ มาวันนี้ชีวิตที่ดี ต้องสร้างภาพสวย รวย เริ่ด ต้องโชว์ทำตัวให้ดูโดดเด่นตลอด เพียงเพื่อให้คนอื่นอิจฉา มีแต่ปลอมไม่ใช่ตัวตน แกล้งฝืนทำทุกวินาที มันคือชีวิตที่ดีจริงหรือ ! “ชีวิตที่ดี” คือ ชีวิตที่พอใจ ไม่ใช่ชีวิตที่คนอื่นอิจฉา ถ้าต้องไล่ล่า ตามความต้องการของท้องตลาดออนไลน์ก็คงต้องเหนื่อยไปทั้งชีวิต! และที่สุดก็มิอาจจะมองเห็นต้นทางและปลายทางได้ มีแต่เคว้งคว้าง อ้างว้าง ท่ามกลางฝูงชน

            นานมาแล้ว มีซากช้างลอยไปตามกร ะแสน้ำ กาตัวหนึ่งพบเข้า ก็ดีใจคิดว่าตนเป็นผู้โชคดี เพราะ…จะได้อาหารกินฟรี โดยไม่ต้องออกแรงไปอีกนาน จึงโผลงจับที่ซากช้าง จิกกินเนื้อช้างที่เน่าเปื่อย อิ่มแล้วก็หลับอยู่บนซากช้างนั้นเอง

ตื่นขึ้นก็กินอีก กิน ๆ นอน ๆ อยู่กับซากช้างนั้นอย่างมีความสุข นานวันเข้ากระแสน้ำก็ไหลออกสู่ทะเล ซากช้างก็พลอยไกลฝั่งออกไปเรื่อย ๆ จนถึงกลางมหาสมุทร พอซากช้างเปื่อยเน่าสิ้นไป กาก็มองไม่เห็นฝั่งเสียแล้ว ถึงจะพยายามบินกลับ อย่างไรก็ไม่สามารถพ้นจากมหาสมุทรได้ จึงหมดแรงจมน้ำตายในที่สุด


การที่เราจะมีความสุขได้นั้นอีกประการหนึ่งดังคำขึ้นต้นบทความ เราต้องเป็นผู้ให้ด้วย เพราะในโลกที่เราเกิดมาเราได้รับอย่างมากมายจากผู้คนบนโลกนี้แล้ว อะไรทำเพื่อคนอื่นได้ก็จงทำ ยิ่งเราไขว่คว้าเพื่อตัวเองเท่าไรความสุขก็ยิ่งห่างไกลเรามากเท่านั้น ไอสไตน์ นักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง ผู้ค้นพบทฤษฎีต่าง ๆ มากมาย สุดท้ายยังบันทึกทฤษฎีแห่งความสุขไวว่า “ชีวิตที่เรียบง่ายและเงียบสงบ จะนำความสุขมาให้ยิ่งกว่าการไล่ล่าความสำเร็จที่มักจะนำความกังวลติดมากับมันด้วยเสมอ”


ไม่มีความคิดเห็น: