เพราะใกล้เกินไป
>>>บางทีสิ่งที่อยู่ใกล้เกินไปก็มองไม่เห็น
บางทีเพราะใกล้เกินไปจนเคยชิน
บางทีเพราะใกล้ตาใจเลยห่างไกล<<<
ระหว่างขับรถกลับบ้านในช่วงนี้
หนีไม่พ้นที่จะต้องเจอฝนที่ตกลงมาเกือบจะทุกวัน และด้วยความที่ไม่ได้คิดว่านี่เข้าฤดูฝนแล้วหนิ
จึงละเลยที่จะเช็คที่ปัดน้ำฝนหน้ารถ เมื่อเจอฝนก็เปิดปัด ยิ่งปัดยิ่งเปรอะ
ดีนะที่ระยะทางไม่ไกลนัก ทำให้ถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย จึงจำต้องรีบหามาเปลี่ยนโดยด่วน
และวันถัดมาก็เช่นเดิมฝนมาตามนัด ที่ปัดอันใหม่ได้ทำหน้าที่โดยพลัน
ความใสในหนทางบังเกิดขึ้น แม้ฝนจะลงหนักกว่าเมื่อวาน ทำให้อุ่นใจขึ้นเยอะในการมองทางข้างหน้า
ใช่หรือไม่ เรื่องใกล้ตัวที่เราใช้เป็นประจำแทบทุกวัน บางครั้งเราก็มิได้สนใจ
จวบจนเมื่ออยู่ในความลำบากนั่นแหละ สิ่งที่ใกล้ตัวจึงมีความหมาย มีความสำคัญอย่างที่สุด
ความสุขจากสิ่งรอบ ๆ
ตัวเรา มักถูกมองข้าม มองผ่านไปเช่นกัน
ในโลกที่เราเห็นอะไรต่อมิอะไรได้อย่างสะดวกรวดเร็วและกว้างไกล มันก็ทำให้ใจเราหลุดลอยไปเสาะหาสิ่งอื่น
ๆ อยู่ร่ำไป สิ่งที่มีอยู่แล้วถูกปล่อยวางลง ไร้การเหลียวแล เรามักตื่นตาตื่นใจ
ตื่นเต้นไปกับสิ่งเร้าอันใหม่เสมอ แล้วก็สะสมความอยากความปรารถนา อยากจะมี อยากจะเป็นเหมือนคนนั้นคนนี้
เห็นเขาโชว์รถหรู โชว์รวย ใจก็โลภ ต้องทำเหมือนเขา ใครจะไปรู้ล่ะว่า นั่นมันใช่รถเขาจริงมั๊ย!!! โลกสมัยนี้
คือ โลกที่มีแต่มายา ขี้อวด ชอบโชว์ จึงมีคนคิดและทำแอพพลิชันอันหนึ่งขิ้นมา
เราอยากจะเป็นเหมือนคนดังคนไหน อยากจะทำอาชีพอะไร เพียงใส่ใบหน้าเราเข้าไป กดแอพฯ
เปลี่ยนเราให้เป็นเช่นคนที่เราฝันใฝ่ในบัดดล อาจจะดูสนุก ดูแบบขำขำ หากเราถูกครอบงำด้วยสิ่งนี้ไปเรื่อย
ๆ เราก็จะหลงลืมตัว หลงลืมความสุขที่อยู่ข้างตัวเรา และบ่อยเข้า เมื่อเราต้องอยู่กับตัวตนคนเดียว
เราก็จะอยู่ไม่ได้ อยู่ไม่เป็นสุข และไม่สามรถรู้เลยว่า มีชีวิตไปเพื่ออะไรกัน?
เด็กหนุ่มคนหนึ่งอยากจะใช้ชีวิตด้วยความสงบ จึงมาสมัครช่วยเหลือคุณพ่อที่วัด อ่านบทอ่านช่วยมิสซา ทำความสะอาดวัด ไม่นานก็รู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจทำ เพราะชีวิตในวัดไม่ได้มีรสชาติเอาเสียเลย!
“มันน่าเบื่อสิ้นดี”
เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณพ่อ
“ความจริงของชีวิตมันน่าเบื่ออย่างนี้หรือครับ
คุณพ่อ?” เด็กหนุ่มถามต่อ
คุณพ่อหยิบถ้วยใบหนึ่งแล้วก็รองน้ำขึ้นมาจากเครื่องกรองน้ำ
“ถ้วยที่มีน้ำนี้
เธอเห็นอะไรอยู่ในนี้บ้าง?”
“ไม่เห็นอะไรเลยครับ!นอกจากน้ำ”
เด็กหนุ่มตอบไปแบบงง ๆ
“ในถ้วยใบนี้
พ่อมองเห็นความใสของน้ำที่เป็นดั่งกระจกส่องท้องฟ้าที่สดใส พ่อยังเห็นลานวัดที่เขียวขจีไปด้วยสุมทุมพุ่มไม้
มันกำลังร่ายรำไปตามแรงลม พ่อยังเห็นถึงความหอมหวานของน้ำในถ้วยใบนี้ เธอรู้ไหม
คนในสมัยนี้ไม่ค่อยมีโอกาสได้ดื่มน้ำเปล่ากันมากนัก เขาดื่มแต่น้ำอัดลม
ดื่มแต่กาแฟแพง ๆ ดื่มชาราคาเป็นร้อย พ่อยังเห็นใบหน้าของพระเยซู แม่พระ
ที่ส่งยิ้มมาทุกครั้ง น้ำเปล่าจากเครื่องกรองเป็นน้ำที่เต็มไปด้วยพลังชีวิต
เพราะผ่านการกลั่นกรองมาอย่างดี พ่อจะบอกอะไรให้
เธอจะต้องรู้จักหาความสุขจากสิ่งรอบตัว หากเธออยากมีความสุข ลองใช้ใจมองทุกสิ่งดูบ้าง
อย่าเพียงใช้แค่ตาเห็น!”
เด็กหนุ่มได้แต่พยักหน้าไปมาอย่างเข้าใจ
เราลองเปิดใจของเราเพื่อให้เห็นสิ่งดีงามรอบตัวเรา
หาความสุขจากสิ่งใกล้ตัว ความสุขเกิดได้ในทุกวินาทีแห่งชีวิต แล้วเราจะพบความอัศจรรย์เกิดขึ้นทุกวัน
เราจะเห็นว่า คนคนนี้ทำสิ่งใดก็ดีทั้งนั้น
คนคนนั้นอยู่ใกล้ตัวเรานี่เอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น