วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2564

จำอวด

 

จำอวด

>>> อย่าปล่อยให้หัวโขนเปลือกนอกพันธนาการชีวิต

ความดีต่างหากที่จะทำให้คนอื่นเขาเคารพชื่นชมเรา

เข้าใจ จะทำให้ใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงของโลก

รู้จักพอ จะทำให้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริง <<<

 

ในสมัยก่อนนั้นเราเรียกคนที่มีอาชีพเรียกเสียงหัวเราะก่อนเริ่มการแสดงหลักว่า “จำอวด” ที่ไปจำมุกมาแสดงต่อ ๆ กัน เอามาโชว์ สร้างความบันเทิง ขบขันกันไปทั่วหน้า คนที่มีความจำดีหน่อยก็มักได้เปรียบ เพราะมีเรื่องเล่นเรื่องเล่าเอามาอวดได้อย่างสนุกสนาน จวบจนเมื่อยุคสมัยเปลี่ยน แต่เราก็ยังคงเห็นพฤติกรรมของคนหลายคนมีลักษณะ “จำอวด” เปลี่ยนเพียงรูปแบบ  เนื้อหาวิถีชิวตก็ยังวนเวียน จำข้อมูลคนนั้นคนนี้แล้วนำมาอวดออกหน้าสื่อ ออกหน้าจอกันเป็นว่าเล่น สร้างชื่อ สร้างภาพ สร้างตัวตน จำแล้วเอามาอวดรู้ สังคมวันนี้จึงเต็มไปด้วยคนอวดเก่ง โชว์รู้ จนเสพติดความเก่งของตัวเอง และอิ่มเอมเปรมปรีดิ์กับยอดไลค์ ยอดแชร์ เป็นความสำเร็จแบบตลก  เป็นการเสพสุขแบบมิได้ทุ่มเท มันน่าภูมิใจหรือกับหัวโขนจอมปลอมแบบนี้


อย่าเสพเพียงแค่ความสุขสบาย เพราะทางไปสู่ความสวรรค์นั้น บางทีต้องฝ่าฟันอุปสรรค อย่าปล่อยให้คนอื่นมาบ่งการ มาควบคุมชีวิตเรามากนัก อย่าตกเป็นทาสของเงินตรา เพราะคำว่าอิสระทางการเงินที่แท้จริงได้มาจากการรู้จักพอใจ พอเพียง อย่าปล่อยให้ความโกรธ ความแค้นเป็นมะเร็งกัดกร่อนชีวิต เพราะความสุขของชีวิตเกิดขึ้นในทันทีที่รู้จักปล่อยวาง อย่าบ้าอำนาจหลงใหลในตำแหน่ง เพราะมันคงอยู่กับเราไม่นาน อย่าอวดรู้ อย่าสู่รู้ เพราะแท้จริงไม่มีใครบนโลกรู้มากเกินปลายจมูกของตัวเอง คนจะได้รับเกียรติก็ไม่จำเป็นต้องอยู่เหนือผู้อื่น

สิงโตตัวหนึ่งเห็นหมาบ้า เดินใกล้เข้ามา มันจึงรีบเดินเลี่ยงไปทางอื่น ลูกสิงโตเห็นจึงพูดกับพ่อว่า 

เจอเสือตัวใหญ่ ๆ พ่อยังกล้าสู้กับมัน แต่นี่เจอหมาบ้าตัวเดียว พ่อกลับเดินหลบ ช่างขายหน้าเสียจริง ๆ

พ่อได้ยินดังนั้นจึงบอกกับลูกว่า

ลูกพ่อ การเอาชนะหมาบ้าตัวหนึ่งนั้น เป็นเรื่องมีเกียรตินักหรือ

ลูกสิงโตส่ายหัว 

หากโดนหมาบ้ากัด จะมิยิ่งซวยกว่าหรือ” 

ลูกสิงโตพยักหน้า 

จำไว้นะลูก มิใช่ว่าใครทั้งหมดล้วนคู่ควรที่เราจะต่อกรด้วย


ใช่หรือไม่ ผู้คนในสังคมทุกวันนี้ ล้วนตกอยู่ในสภาวะที่เครียด กลัดกลุ้ม ไม่ว่าจะเรื่องปากท้อง เรื่องครอบครัว เรื่องคู่ครอง ทุกคนต่างมีความโลภโกรธ หลง กันทั้งนั้น ไม่พอ เรายังยึดมั่น ถือมั่นในตัวเอง ไม่สนใจโนแคร์คนรอบข้าง แต่เมื่อผิดหูขัดใจเมื่อไรจะต้องจัดการให้มันรู้กันไปว่าใครเป็นใคร ทำให้กลายเป็นคนไร้ปัญญาที่อวดเก่ง สำหรับผู้มีปัญญาเราจะไม่ไปทะเลาะเพื่อเอาชนะคนแบบนั้นแน่นอน

หัวใจของความเป็นเด็กเล็กในผู้คนวันนี้ไม่มีเสียแล้ว แม้แต่เด็กเล็ก ๆ เราก็ฝังข้อมูล ฝังหัวให้โตไปเพื่อตัวเอง จึงทำให้เราไม่ค่อยเข้าใจผู้อื่น ไม่ไว้วางใจกัน ไม่เชื่อในความดี ไม่ยึดถือในความอดทนซื่อสัตย์ คิดเพียงว่าปลอดภัยไว้ก่อน จะให้ดีถ้ามีบารมีชื่อเสียง เงินทอง ยิ่งจะทำให้คนอื่นยำเกรง ลองสำรวจดูกันว่าชีวิตแบบนี้หรือที่จะมีความสุข เราก็เห็นแล้ว วันนี้ที่ต่างคนต่างก็กลัวการติดเชื้อโควิด-19 ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่แล้ว คือ ผู้ใหญ่ เด็ก ๆ เสียชีวิตน้อยมาก เพราะจิตใจที่ใสบริสุทธิ์ต่างหากที่จะนำพาให้เราพบสันติและปลอดภัยอย่างแท้จริง ความซื่อ ความเรียบง่าย ไม่มีพิศวง ไร้มายา คือหนทางนำไปสู่สวรรค์ เพราะสวรรค์คงไม่ต้องการคนที่อวดรู้….

ไม่มีความคิดเห็น: