ยิ่งใหญ่ยิ่งต้องถ่อมตน
>>>
คนที่มีอำนาจ แล้วใช้ไม่เป็นเที่ยวบังคับ ข่มขู่ ห้ามขัดใจ เรียกว่า
“เหลิง”
คนที่ชอบอวดตัว
อวดเก่งไม่ฟังใคร เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้ง เรียกว่า “หลง”
คนที่ได้ดี
และไม่สนใจคนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา เรียกว่า “ลืม”
คนที่เอาแต่สร้างภาพไปวัน
ๆ โชว์ตัวเองให้ดูดีดูเด่น เราเรียกว่า “หลอก”
<<<
สัปดาห์สุดท้ายของเดือนสิงหาคม ผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็ว ฉลองวัดของเราเวียนมาอีกรอบ เป็นปีที่ 64 ทุกอย่างรอบวัดเปลี่ยนไปจากอดีตอย่างสิ้นเชิง ผู้คนผ่านเปลี่ยนหมุนเวียนไปมา วัดก็ยังมั่นคงดำรงอยู่ หันกลับมาที่ตัวเรา ยังมั่นคงในสิ่งใดบ้าง หรือเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสรอบตัว ยิ่งในภาวะที่โลกเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ทำให้ผู้คนหลงลืม เหลิง หลอกลวงกัน เพราะอะไรเล่า??? เพราะจิตใจเราไม่มั่นคง จิตวิญญาณเราไม่เข้มแข็งพอ มีแต่ความเห็นแก่ตัว
สมัยนี้มีคนสร้างภาพกันมากมาย
เพียงเพื่อให้คนที่ไม่รู้จักมาสรรเสริญ เยินยอ เป็นสังคม ขี้อวด พยายามอวดว่าชีวิต
สมบูรณ์พร้อม ทั้ง ๆ ทีทุกวันต้องหมกมุ่นหาสิ่งปลอม ๆ มาแต่งเติมให้ชีวิตดูเหมือนว่าดี
สร้างภาพความดีเพื่อสร้างสุขชั่วคราว บางทีการมีชีวิตเรียบง่าย พอดี
อยู่แบบสบายใจไม่ต้องพยายามยกระดับตนเอง เพื่อหลอกตาใคร คือ ชีวิต “ดีงาม” มีความสุขที่แท้จริง!เราอยากมีชีวิตที่เรียบง่ายหรือต้องพยายามสร้างภาพหลอกคนอื่นตลอดเวลา
ต้องหมั่นตาใจเราดู สุขอยู่ที่ใจ เมื่อใจสุขร่างกายย่อมสดชื่น
เมื่อใจน้อมรับในความเป็นเรา ไม่เป็นอย่างคนอื่น เราจะมีใบหน้าที่แท้จริง
ที่ยิ้มแย้ม ไม่เคร่งเครียดจนหน้าดำหน้าแดงตลอดเวลา
เราต้องสำนึกถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนให้มาก
ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใหญ่โตเพียงใดก็ตาม ใช่หรือไม่ ตำแหน่งนั้นมันก็อยู่กับเราไม่นาน
แต่โลกจะยังดำรงอยู่ พระศาสนจักรก็ยังมั่นคง ต่อไป แม้เราจะมลายร่างหายไป อย่าไปคิดว่าทุกสิ่งอยู่ในกำมือเรา
หากเราได้มีตำแหน่งที่สูง แต่ควรต้องนำมาเป็นหนทางช่วยเหลือผู้อื่น
เป็นหนทางที่จะนำรักนำความเมตตาสู่สังคมได้ง่ายขึ้น ใช้ให้เป็นพระพร
เหมือนกษัตริย์หลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศส ที่มีตำแหน่งเหนือใครต่อใคร
แต่ไม่เคยทำตัวให้สูงเด่น แต่กลับโน้มตัว ย่อตัวลง น้อมรับนำพระเมตตา
ความเที่ยงธรรม สู่ปวงชนจนทำให้ท่านกลายเป็นนักบุญและเป็นองค์อุปถัมภ์วัดของเรา
ลองศึกษาช่วงหนึ่งของชีวิตท่าน แล้วมาไตร่ตรองร่วมกันในวันฉลองวัดปีนี้
นักบุญหลุยส์ในช่วงจัหวะชีวิตการเป็นกษัตริย์ ทรงให้ความรักแก่คนยากจนและผู้เจ็บป่วย ทำแผลดูแลผู้ป่วยด้วยพระองค์เอง ทรงรับประทานอาหารร่วมกับผู้ยากไร้ และคนตาบอด เพราะทรงแลเห็นพวกเขาเป็นพระคริสตเจ้าที่กำลังทนทุกข์ทรมาน การให้เวลาเพื่อช่วยผู้ที่ตกอยู่ในความลำบากต่าง ๆ นั้น มิได้เป็นอุปสรรคใด ๆ ต่อการปกครองพระราชอาณาจักรของพระองค์ พระองค์ทรงปกครองด้วยความเสมอภาค ทรงโปรดให้สร้างที่พักสำหรับนักศึกษาและคนยากจน และทรงหาวิธีช่วยเหลือให้ประชากรของพระองค์มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเสมอ พระนามของพระองค์เป็นที่ลือเลื่องไปทั่ว ทรงได้รับเชิญให้เป็นผู้ตัดสินคดีความระหว่างประเทศ พระองค์ตรัสเสมอว่า “การใช้กำลังต่อสู้ มิใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดี”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น