วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

พร พระ

 

พร พระ

หากวันนี้เราสามารถที่จะขอพรจากสวรรค์เบื้องบนได้สักข้อหนึ่ง เราจะขอพรอันใด หลายคนคงขอให้ร่ำรวย มีเงินทองใช้ตลอดชีวิต และในช่วงเวลาโลกถูกโรคระบาดรุมเร้า หลายคนอาจจะคิดขอให้ตนเองมีสุขภาพที่ดี ไร้ป่วยไข้ ไร้โควิด และดูทรงแล้วพรที่เราขอกลับขอเพียงเพื่อตัวเองซะเป็นส่วนใหญ่ ทุกคนคงคิดว่าในเมื่อพรนั้นเป็นของเราย่อมต้องขอให้ตัวเองเป็นที่ตั้ง จะให้คนอื่นทำไม เสียของเปล่า ๆ ใช่หรือไม่ จะมีสักกี่คน ที่พอบอกว่าขอพรวิเศษได้หนึ่งข้อ จะคิดถึงคนอื่นขึ้นทันที อาจจะมีบ้างแต่น้อยนักที่จะคิดและเป็นเช่นนั้น



มีชายคนหนึ่งแต่งกายคล้ายนักบวช เที่ยวเดินบอกใครต่อใครว่า เขาเป็นผู้วิเศษ ที่สามารถจะบันดาลพรอันศักดิ์สิทธิ์ให้กับใครก็ได้ที่จะขอพรนั้น โดยมีข้อแม้เพียงสองข้อ คือหนึ่ง พรนั้นจะต้องไม่ขอให้ตนเองและสองพรนั้น จะต้องขอให้กับคนที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน

แต่เมื่อฝูงชนผู้กระหายหิวในพรศักดิ์สิทธิ์ ได้ยินข้อแม้ที่ชายผู้นั้นกล่าว ก็แทบจะเดินหันหลังกลับไปในทันที บ้างก็ตะโกนต่อว่าชายแปลกหน้าอย่างไม่เกรงใจ หลายคนแสดงอาการหยาบคาย ถุยน้ำลายลงพื้นดิน เป็นการเหยียดหยามคนแปลกหน้า..

            แต่ชายที่แต่งกายคล้ายนักบวช แม้จะได้รับคำสบถด่าทอแต่ก็ไม่ได้เสียอาการสำรวมแต่อย่างใด กลับยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก ก่อนเอ่ยวาจาว่า

“หยุดก่อนเถิดท่านผู้เจริญทั้งหลาย หากข้าพเจ้ารับรองแข็งขันว่า คำกล่าวของข้าพเจ้า มีผลจริง เป็นไปได้จริง หาใช่เรื่องมุสาไม่ จะยังมีใครอยากจะรับพรอันวิเศษของข้าพเจ้าอีกหรือไม่ ?

“จะมีประโยขน์อันใดเล่า หากพรอันเลิศของท่านหาได้ยังประโยขน์แก่ตัวพวกข้าพเจ้า”  หนึ่งในประชาชนที่มามุงดู ตะโกนตอบกลับ

ชายแปลกหน้ากล่าวต่อ  “ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ผลประโยชน์อันใด เลิศแค่ไหน รสเยี่ยมเพียงใด ประเสริฐเพียงใด หากแม้นมันเป็นของผู้อื่นแล้ว ไม่ใช่ของตนแล้ว ไม่ยังประโยชน์แก่ตนแล้ว สิ่งนั้นย่อมไร้ค่าไร้ความหมายกับตน ดุจโคผู้ขยัน ทำงานเก่งมีพละกำลังมหาศาล ทำงานให้แก่ผู้เป็นเจ้าของอย่างทะมัดทะแมงเลี้ยงง่าย เชื่องประดุจลูกในใส้ ทวีความมั่งคั่งร่ำรวย ให้แก่ผู้เป็นเจ้าของเพียงไหน”

“หากไม่ใช่ของเรา ก็หาได้มีความยินดีในสิ่งเหล่านั้นไม่ นั่นเป็นเพราะมันก็เป็นแค่ของผู้อื่น สมบัติผู้อื่น เราล้วนแต่ไม่ยินดีในความเจริญของผู้อื่น มีใจฝักใฝ่แต่ในเรื่องของตน โชคพรของตนเท่านั้น หากเป็นของคนอื่น หากไม่รู้จักกันด้วยแล้ว ก็ยิ่งกลายเป็นเรื่องไม่พึงแสวงหา ไม่แจกจ่าย แม้ของเหล่านั้นจะได้มาโดยง่าย กลับทำไม่เป็น หาใช่ธุระของตนไม่ พรอันประเสริฐของข้าพเจ้า คงต้องเก็บเอาไว้อีกนาน เพราะเป็นพรที่ไม่มีใครเต็มใจจะขอ จนกว่าจะมีผู้ที่มีใจเสียสละ ไม่เห็นแก่ตน ไม่มองเพียงประโยชน์ของตน มีใจแจกจ่าย ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่น แม้เขาจะเป็นคนที่เราไม่รู้จักไม่เคยเห็นหน้า ยินดีปล่อยของที่มีค่าที่ตนไม่มีสิทธิ์ใช้ ไปให้แก่ผู้ที่อาจยังประโยชน์แก่ตนเองได้  แม้เราไม่ได้ลิ้มรสอันหอมหวานของพรนั้น ผู้ที่คิดเช่นนี้ ย่อมได้รับความหอมหวานแก่ใจตน อันเป็นรสอันเยี่ยม ผ่องถ่ายความเห็นแก่ตัวเหนียวแน่น กลายเป็นผู้รับรสธรรมอันประเสิรฐ ยิ่งกว่าพรวิเศษใด ๆ” กล่าวเสร็จแล้วชายแปลกหน้าผู้นั้นก็เดินแหวกฝูงชนจากไปโดยอาการสงบ



แท้จริง เราล้วนมีพรอยู่ในตัวด้วยกันทั้งนั้นนั่นแหละ และเป็นพรของพระที่มอบให้เรา เป็นพระพรเพื่อผู้อื่น หากแต่เราจะใช้พระพรนั้นเพื่อสิ่งใดกันเล่า? ใยเราต้องไปแสวงหาพรวิเศษเพียงตัวเองกันอีก พรในตัวเราจะมีประโยชน์ย่อมต้องเป็นพรเพื่อผู้อื่น พรนั้นอาจจะเป็นสิ่งธรรมดาสำหรับเรา แต่อาจจะเป็นพรวิเศษสำหรับคนอื่นก็ได้ แล้ววันนี้เราได้ทำตัวเองเป็นพระพรที่มีค่าอันใดบ้างหรือยัง!!! หรือเป็นเพียงพรลอยตามลม ตามกระแส ไม่แยแสต่อความทุกข์ระทมของสังคมโลก เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง พระพรของเราล้วนมีต่างกัน ถึงเวลาแล้วนำพรของพระออกมากองร่วมกัน เพื่อเป็นกองพระพรที่จะช่วยหยุดยั้งโรคระบาด โรคแห่งยุคสมัยนี้เสียที

ไม่มีความคิดเห็น: