วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2564

ล้างกันบ้าง

 

ล้างกันบ้าง

สถานการณ์ไวรัสโควิด -19 ยังคงรุ่มเร้าสังคมโลกอยู่ทุกวัน บางที่บางแห่งกลายพันธุ์ติดต่อง่ายขึ้น ประเทศไทยเราก็โดนเล่นงานระลอกสองอย่างสะบักสะบอม มีคนติดเชื้อมากขี้น สร้างความหวาดวิตกให้กับผู้คนอยู่ไม่น้อย ไหนจะห่วงเรื่องการงานการเงิน ไหนจะกลัวติดเชื้อ ถ้าไม่ออกจากบ้านก็ไม่มีเงินใช้จ่าย กลัวก็กลัว ก็ต้องกล้าเสี่ยง ในความคิดหลายคนเป็นเช่นนี้!!! ต่างเลยต้องพยายามรักษาตัวเองให้ปลอดภัยไร้โรคให้มากที่สุด เราจะไปโยนความผิดให้คนที่นำเชื้อมาก็ใช่ที่ ต้องคิดหาทางรักษาตัวเองให้ดี รักตัวเองเท่ากับรักผู้อื่นไปด้วย ถ้าเราช่วยกันคำนึงถึงจุดนี้ เราก็จะผ่านวันคืนที่เลวร้ายไปได้



โควิด-19 ระลอกสองของประเทศไทยนี้มาพิจารณาดูก็ทำให้คิดได้ว่า ไวรัสตัวนี้กำลังพลิกสิ่งที่ซ่อนไว้ใต้พรมขึ้นมา กำลังชะล้างสีเทาดำให้ขาวสะอาดขึ้น กำลังไล่สิ่งเลวให้ไหลออกมาและไหลออกไปให้ไกลจากสังคม วัฒนธรรมผิด ๆ ที่คิดเห็นแก่ตัวกันในทุกวงการกำลังถูกปรับเปลี่ยน จากที่เคยได้รับผลประโยช์เข้าตัว โดยไม่คำนึงถึงส่วนรวมก็ถูกลอกกคราบออกมาเพื่อให้มีสิ่งที่งดงามเข้าแทนที่ หลายสิ่งกำลังปรับเปลี่ยน วิถีวิธีแบบเก่า ๆ กำลังเลื่อนหายไป หรือว่า โควิด-19 มาเพื่อทำลายทลายบางสิ่ง มาเพื่อล้างคราบบางอย่าง เพื่อให้เรากลับคืนสู่ความเป็นคนโดยสมบูรณ์ 

เคยนั่งคุยกับเพื่อน ๆ ว่าสังคมไทยจะดีขึ้นนั้นต้องเริ่มจากการปรับเปลี่ยน “ระบบราชการ” เป็นอันดับแรก ๆ ต้องปรับให้เข้ายุคสมัย ต้องโปร่งใส และต้องรับใช้ประชาชนอย่างจริงจัง ไม่ใช่ตั้งตนเป็นเจ้านาย ที่ต้องให้ผู้คนพินอบพิเทาเวลาไปทำธุรกรรมหรือไปติดต่อ ต้องไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ที่เคยเป็นที่มาของคอร์รัปชั่น หากไม่ปรับตัว ยุคสมัยจะบังคับให้เปลี่ยนเอง ใครไม่เปลี่ยนก็จะอยู่ยาก มาวันนี้โควิด-19 กำลังกลายเป็นพลังขับเคลื่อนให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างจริง ๆ จัง ๆ อะไรที่เคยทำแบบปิด ๆ บัง ๆ กำลังถูกเปิดออก ประจวบกับวันนี้ทุกคนต่างก็ช่วยกันสอดส่อง เพื่อความปลอดเชื้อ เมื่อแจ้งไปต้นทางถ้าเรื่องเงียบ แค่ออกโซเชียลไม่นานเรื่องก็จะถูกเปิดเผย ดูเหมือนสื่อสมัยใหม่กับโควิด-19 ร่วมมือกันเพื่อล้างความไม่ดีไม่งามออกมา แต่ก็อีกนั้นแหละ ขณะที่ฟากฝั่งหนึ่งช่วยล้างสังคมโดยกว้าง อีกด้านหนึ่งมันก็ล้างใจของเราแต่ละคนไปด้วย บางคนที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์ คอยที่จะว่ากล่าวแต่คนอื่น ด้วยคำพูด ด้วยตัวอักษร ก็จะค่อย ๆ ด้อยค่าไปในที่สุด



ช่วงวันเวลาที่ผ่านมาเห็นหลายคนชอบบ่นชอบวิจารณ์ อะไรก็ไม่ดี ไม่พอใจ ไม่ได้ดั่งใจ เห็นข่าวอะไรนิดอะไรหน่อย ก็ตื่นตาโตลุกขึ้นชี้นิ้วใส่คนอื่นว่า ทำไม อะไร อย่างไร??? ไปเรื่อย ไม่ได้ใส่ใจหาความจริงก่อนที่จะโวยวาย หลายครั้ง บางเรื่องที่ได้ยินได้เห็น คือ ความจริงเพียง 10% หรือน้อยกว่าด้วยซ้ำ แต่ไปทำให้เป็นเรื่องใหญ่เกินเบอร์ ถ้าเราเป็นแบบนี้ เราต้องลองดู “ท่านนักบุญยอห์น บัปติส” ที่ช่วงหนึ่งผู้คนยกย่องมากมาย กลับมีหัวจิตหัวใจที่อ่อนโยน รู้ว่ามีคนที่ดีกว่า ยิ่งใหญ่กว่า กำลังจะมา แล้วน้อมรับ ยอมรับ ที่จะทำพิธีล้างให้พระเยซูเจ้า พระองค์เองก็เช่นกันให้ความเคารพนับถือท่านยอห์น ไม่ยกตัวข่ม ต่างคนต่างยอมรับซึ่งกันและกัน ทางสวรรค์จึงเปิดออก แล้วเรา...ทำไมไม่คิดจะเดินตามทางนี้กันเล่า? ทำไมยึดติด ยึดมั่น ในความคิดตัวเอง หลงตัวเองจนคิดว่านี่เป็นพระพรพิเศษของตัวเองคนเดียว หาใช่เป็นเช่นนี้ไม่... โคสิด-19 และสื่อสมัยใหม่ที่เกิดขึ้นอาจจะเครื่องมือหนึ่งในการชะล้างความอวดดี อวดเก่ง ของคนยุคนี้ก็เป็นไปได้ แล้วอะไร คือ สิ่งที่จะดำรงให้เราคงอยู่ได้เล่า? คำตอบ คือ ยอมรับให้คนอื่นล้างใจเราบ้าง ยอมรับฟังคนอื่น ให้เกียรติคนอื่น อย่าคิดเอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้ง แล้วทำชีวิตให้เป็นสีขาวไม่ใช่เทา ๆ ดำ ๆ อย่างที่ผ่านมา....

ไม่มีความคิดเห็น: