วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2564

ให้โลกจำ

 

ให้โลกจำ

การระบาดของโควิด-19 ในประเทศเราเริ่มที่จะควบคุมได้บ้างแล้ว สถานการณ์เริ่มผ่อนคลาย และคงเริ่มปลดล็อกในหลาย ๆ กิจกรรมให้สามารถดำเนินชีวิตได้ง่ายขึ้นบ้าง ทั้งเรื่องการงาน การเดินทาง ที่สำคัญ คือ การร่วมพิธีกรรมทางศาสนา เราก็ยังไม่อาจจะคาดเดาต่อไปได้เลยว่า จะมีระลอกใหม่ ๆ ตามมาอีกหรือไม่? สิ่งที่ต้องทำให้เป็นนิสัย คือ การรักษาตัวเราให้สะอาด มือสะอาด ปากสะอาด ที่สุด ใจสะอาด เราก็จะปราศจากการติดเชื้อโรคร้ายได้ในที่สุด...


เมื่อพูดถึงการทำตัวให้สะอาดทั้งกายใจ มันก็มีหลากหลายวิธีที่เราจะเลือกปฎิบัติ ยิ่งในวันนี้วันที่ยุคสมัยล้ำหน้าด้วยระบบการสื่อสารที่รวดเร็วทันใจ ให้สามารถเราเลือกใช้ เลือกทำ ได้ตามคำแนะนำของผู้รู้อย่างทั่วถึวและเท่าทัน การใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์สูงสุดก็จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยให้การระบาดของโรคร้ายลดลง แต่...หลายครั้ง เท่าที่เห็น เท่าที่ติดตาม หลายคน แทนที่จะใช้เครื่องมือเหล่านี้ให้ก่อเกิดสาระในชีวิต กลับกลายเป็นแหล่งผลิตความกักขฬะ หยาบ ดิบ เถื่อน ถ่อย มีกระแสการสร้างตัวตนให้โลกจำ ทำอย่างไรก็ได้ให้เป็นที่กล่าวขานถึงอย่างรวดเร็ว วิธีหนึ่งที่ทำกันอยู่ในทุกวันนี้ คือ การใช้ความหยาบคายจากคำพูด ท่าทางการแสดงออก ด้วยความเถื่อน ๆ ดิบ ๆ ร้ายให้โลกจำ หรือไม่ก็แสร้งสร้างให้ดูถึงความจริงใจ ทั้งหลายทั้งปวงทำไปก็เพื่อต่อยอดให้ขายสินค้าได้กำไรมาก ๆ พอยิ่งมีคนติดตามในสื่อเยอะยิ่งชอบใจ และคิดกันว่า วิธีนี้นี่แหละ ทะลุสู่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างดี ไม่แปลกเลยที่เรากำลังปลูกฝังความหยาบลงในหัวใจกันแบบไม่รู้ตัว เช่นนี้แล้ว...ใจเราจะสะอาดได้อย่างไร? คงมีแต่ความอ่อนแอ เปราะบาง ไร้ความอ่อนโยนในโลกออนไลน์ การใช้คำพูดคำจาที่ตรงไปตรงมานั้นต่างกับการพูดจาแบบหยาบคาย แต่วันนี้เราแยกแยะกันไม่ค่อยออก เหมารวมเอาว่ายิ่งหยาบคายยิ่งแสดงว่าเป็นคนตรงไปตรงมา หาได้เป็นเช่นนั้นไม่... ความอ่อนโยน ความสุภาพ มั่นคงทางอารมณ์ต่างหาก คือ ความความเที่ยงตรงที่แท้จริง


จำได้ว่าสมัยหนึ่งยุคหนังไทยเฟื่องฟู เมื่อเข้าไปดูไปชมก็พบกับคำพูดหยาบ ด่าทอ มีสัตว์สารพัดวิ่งเพ่นพ่านไปเสียแทบทุกเรื่อง ในใจก็เคยคิดว่า นี่เป็นการแสดงศิลปะที่แท้จริงหรือ วันเวลาผ่านไปในรายการทางโทรทัศน์ก็เริ่มคำหยาบคายบ้าง แต่ก่อนหน้านั้นยังมีการเซนเซอร์ ดูดคำพูดไม่เหมาะสมออก เดี๋ยวนี้น้อยนักที่จะปฎิบัติเช่นนั้น เพราะมันไม่เร้าใจ ยิ่งหยาบ ๆ คนยิ่งชอบ จึงไม่แปลกอีกเช่นกันที่วันนี้ วันที่เราสื่อสารกันง่าย เราต่างเป็นคนผลิตสื่อตามใจเราปรารถนาได้ง่าย ไลฟ์สดได้ในชั่วพริบตา ไม่มีใครมาควบคุมกลั่นกรอง ความกักขฬะจึงเต็มบ้านเต็มเมือง เลยเถิดไปถึงขั้นชวนเชื่อหลอกลวง ขายความโลภ พบเห็นกันอยู่ทุกวี่วัน สิ่งมีสาระจึงถูกกลบ ถูกลบเลื่อน ถูกเบียดบังออกจากหน้าจอ ความจริง ความงามหาได้น้อย มีแต่ความโลภความลวงความกลวงอยู่เต็มหน้าโทรศัพท์ 

ในวันนี้ถ้ามีคนมาบอกว่า วางเครื่องมือเหล่านี้ลงบ้าง แล้วออกมาสร้างชีวิตจริงให้ดีงาม จะมีใครกล้าพอที่จะทำไหม? มีใครกล้าที่จะออกจากที่เดิม ๆ สิ่งเดิม ๆ ที่คุ้นชินได้บ้างหรือเปล่า? และถ้าออกมาไม่ได้เราจะหาสาระ เราจะสร้างเสริมชีวิตให้งดงามได้อย่างไรบ้าง? แล้วที่สุด เราจะทำเพียงให้โลกจำหรือจะทำให้สวรรค์เกิดในชีวิตเราล่ะ อย่าปล่อยให้ถึงเวลานั้น เวลาที่โรคร้ายทางจิตวิญญาณติดเชื้อแล้วจึงค่อยหาวัคซีนมาฉีด เริ่มทำให้ความดีงามเกิดขึ้นในชีวิตตั้งแต่วันนี้ ทำให้ชีวิตมีความสุภาพ มีความอ่อนโยน สร้างโลกให้สวยงามคงทน ไม่ใช่ต้องทำให้โลกจำที่นำไปสู่ความกลวง ให้โลกจำความดีที่กระทำดีกว่าให้โลกจำความตัวตนที่โอ้อวดเพียงอย่างเดียว

ไม่มีความคิดเห็น: