วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

งามล้ำ


 งามล้ำ
ในโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลใบนี้ แต่ละวันมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย เรามิอาจจะรับรู้ได้หมดทุกเรื่อง และก็ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องด้วย แล้วมันก็เป็นไม่ได้เลยที่จะเป็นเช่นนั้น เราล้วนมีขีดจำกัด ในฐานะคนธรรมดาสามัญ แต่ด้วยในยุคเทคโนโลยีครองเมือง ครองคนจนทำให้โลกกว้างไร้ขีดจำกัด ทำให้เรารู้เรื่องราวต่าง ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่โรคโควิด-19 กำลังไล่ล่าผู้คน เราจึงได้เห็นโรคในโลกอย่างรวดเร็ว เห็นมุมด้านของแต่ละชาติ เห็นอคติ ทัศนคติที่หลายคนเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เห็นความงาม เห็นความดีมีเมตตา บังเกิดขึ้นในหลาย ๆ แห่ง และที่สุดมันทำให้เรามองเห็นตัวเองมากขึ้น

     ในทุกวันเราเพียงแค่เรียนรู้หัวใจเรา เรียนรู้ที่จะรักเมตตาต่อคนรอบกายเรา ก็จะพบว่า “ไข่มุกเม็ดงาม” อยู่ตรงนี้ ยิ่งเพาะยิ่งบ่มยิ่งงามล้ำอำไพ ยิ่งแวววาว ใยต้องออกไปเสาะหาทั่วแดนเล่า? บางทีถ้าเราทำเรื่องธรรมดา ๆ เรื่องเล็ก ๆ มันก็ยิ่งใหญ่ได้ในบางสถานการณ์ อย่างเช่น ข่าวเล็ก ๆ ข่าวหนึ่ง ที่ชายหนุ่มคนหนึ่ง เขารักและผูกพันกับผู้เป็นแม่สุดหัวใจ ในช่วงที่แม่กำลังจะจากไปชั่วนิรันดร์ เวลาที่เหลืออยู่ เขาจึงได้ทำบางอย่างโดยมิได้หวั่นกลัวในอันตราย เพื่อให้เห็นหน้าแม่ในวาระสุดท้าย ด้วยโรคระบาดโควิด -19 ทำให้การเฝ้าไข้ดูแลแม่เป็นเรื่องลำบาก มีข้อจำกัด ต้องรักษาระยะห่าง
จีฮัด อัล ซูไวติ ชาวปาเลสไตน์วัย 30 ปี ปีนกำแพงโรงพยาบาลเฮบรอน ในเขตยึดครองเขตเวสต์แบงค์ ที่แม่ของเขารักษาอาการป่วยโรคมะเร็งและโควิด-19 อยู่เป็นประจำทุกวัน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล กล่าวว่า หนุ่มรายนี้ปีนท่อน้ำขึ้นไปนั่งบนขอบหน้าต่าง จุดที่มองเห็นแม่ในห้องคนไข้แผนกไอซียูบนชั้นสองจากด้านนอก และจะลงมาต่อเมื่อมั่นใจว่าแม่หลับแล้ว แม้ว่าอัล ซูไวติ ได้รับการเตือนว่าไม่ควรปีนกำแพงแบบนั้นเพราะอาจพลัดตกลงมาได้ แต่เขาไม่ฟัง ยังคงปีนขึ้นไปนั่งดูแม่วัย 73 ปีทุกวัน
รายงานระบุว่า นางรัสมี ซูไวติ แม่ของเขา ป่วยเป็นลูคีเมีย ก่อนติดไวรัสโรคโควิด-19 เมื่อสองสามสัปดาห์ที่แล้ว พี่ชายของอัล ซูไวติ กล่าวว่า น้องชายใกล้ชิดกับแม่มาก โดยเฉพาะตั้งแต่พ่อจากไปเมื่อ 15 ปีก่อน เคยพยายามจะเข้าไปในรพ.เมื่อรู้ว่าแม่อาการทรุดลงแต่ไม่ได้รับอนุญาต ( cr. เพจ :คมชัดลึก)
บางทีโควิด-19 ก็ให้บทเรียนกับเราในเรื่องของการอยู่กับคนที่เรารัก มีเวลาให้กัน มีเวลาดูแลกัน มีเวลาใส่ใจกันและกัน โลกนี้กว้างเกินกว่าที่เราจะไขว่คว้าอะไรต่อมิอะไรได้ แต่วิถีธรรรมดาบนโลกนี้ยิ่งใหญ่เกินสิ่งใด ถ้าเรารู้จักที่จะรักและค้นพบให้เจอ ในชีวิตจริง บ่อยครั้งเราก็พยายามออกตามหาความสำเร็จในรูปแบบต่าง ๆ จากสิ่งนั้นไปสู่สิ่งนี้ไม่หยุดหย่อน ไม่ผ่อนคลาย ตะเกียกตะกายตามหาคำสรรเสริญเยินยอ อยากเป็นที่รักของทุกคน แต่ไม่เคยมอบรักแท้ให้กับคนใกล้ตัว เห็นความสำคัญกับคนนั้นคนนี่ แต่คนที่ทำให้เราแทบเป็นแทบตายกลับไร้ค่า หรือมีบ่อยไปที่เราไม่เคยจะชื่นชมคนทำงานด้วยกัน เอาแต่กล่าวว่าบ่นจนเสียกำลังใจ เพราะมัวแต่ไปยกย่องชื่นชมคนที่เพียงผ่านมาพูดมากล่าวให้ฟังด้วยถ้อยคำที่สวยหรูจนเคลิ้มตาม ประสบการณ์แบบนี้เราเห็นกันอยู่ทั่วไป 
เอาเข้าจริง ในยามที่ลำบาก เวลาที่ทุกข์ยาก จะเหลือคนสักกี่มากน้อยที่อยู่เคียงข้างเรา และคนที่ไม่ทิ้งห่างจากเรา คนเหล่านี้แหละที่ห่วงใยเราจริง และพร้อมจะอยู่กับเราในทุกสถานการณ์ นี่คือสมบัติล้ำค่าที่สุดที่เราควรดูแลรักษาไว้ เรามีไข่มุกเม็ดงามในหัวใจเราและสมบัติล้ำค่าที่มากับคนร่วมทุกข์-สุขกับเราอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่สวรรค์มอบมาให้เรา เพียงแต่เราได้เห็นค่ากับสิ่งงามล้ำอันนี้หรือเปล่า    ภาพหนุ่มน้อยนั่งเฝ้าแม่ตรงหน้าต่างโรงพยาบาลนั้น คือ บทสอนของความรักที่ธรรรมดาแต่แสนจะยิ่งใหญ่เกินคำบรรยาย ที่เราหลายคนอาจจะมองข้ามผ่านไป คุณค่าของชีวิตอยู่ตรงที่มีความรัก มิได้อยู่ที่มีเงินทองทรัพย์สมบัติ

ไม่มีความคิดเห็น: