คืนสู่ที่ใจ
ตั้งแต่วันอาทิตย์นี้เป็นต้นไปวัดคาทอลิกต่าง
ๆ ได้เริ่มทำการเปิดวัดเพื่อให้สัตบุรุษสามารถร่วมพิธีมิสซาได้ตามปกติในรูปแบบที่ไม่ปกติ
นั่นคือ มีมาตรการต่าง ๆ ทั้งการจำกัดที่นั่ง ลงทะเบียน สวมหน้ากาก วัดอุณหภูมิและอื่น
ๆ เพื่อร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการควบคุมโรคไวรัสโควิด-19
อย่างที่เราพอจะรับทราบกันมาบ้างแล้ว วัดแต่ละแห่ง แต่ละที่ก็มีการจัดการเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ของตน
หลังจากที่เราห่างหายจากวัดเพื่อร่วมพิธีกรรมต่าง ๆ มาราว ๆ สองเดือนกว่า ทำให้เราโหยหาการมาหาพระเจ้าในทุกวันอาทิตย์
แต่ที่จริงแล้วพระก็อยู่ในใจเรานั่นแหละ การได้มาวัดก็เป็นสิ่งที่เราจะแสดงออกถึงการขอบพระคุณพระ
สำหรับสิ่งต่าง ๆ ร่วมกัน ร่วมกันสวด ขับบทเพลง ทำให้มีชีวิตชีวา มีกำลัง เสริมพลังให้เดินหน้าต่อในวิถีชีวิตประจำวัน
แล้วเมื่อกลับมาครั้งนี้ยิ่งเพิ่มความร้อนรนยิ่งขึ้นไปอีก
เปรียบเสมือนว่าเรากำลังจะกลับคืนสู่บ้านอันอบอุ่นที่จากมานานแสนนาน
การเริ่มกลับคืนมาครั้งนี้ ก็ไม่เหมือนเดิมอย่างแน่นอน
แต่เราต้องอย่าเอาความยุ่งยากลำบากใจมาแบกใส่ไว้ เราต้องปรับเปลี่ยนในหลายเรื่อง
เช่น ต้องมีวินัยในตัวเองมากขึ้น เราต้องปรับใจและยอมรับกติกาสากล เราต้องลดอคติลง
เราต้องลดความเก่งความกร่างลง น้อมรับในสิ่งที่อาจจะขัดใจลงบ้าง
นี่เป็นการแสดงความรักที่มีอยู่ในหัวใจเราทุกคน โควิด19
ไม่ได้ทำร้ายทางกายเท่านั้น บางทีอาจจะทำร้ายจิตใจเราลงด้วย แต่ถ้าเราเอาความรักความเมตตานำหน้า
โควิดก็มิอาจจะทำอะไรจิตใจของเราได้ หนำซ้ำยังเพิ่มพูนจิตวิญญาณให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก
ในสถานการณ์โรคร้ายครองโลกเช่นนี้ ทำให้เรามองเห็นว่า แท้จริงแล้ว มนุษย์เราหลงทางไปกับสิ่งภายนอกมาอย่างยาวนาน
ทำให้ความเชื่อความศรัทธาของเราเป็นเพียงรูปแบบทางพิธีกรรมเท่านั้น
จนวันหนึ่งที่เราต้องสูญเสีย ถูกปิดกั้น
เราจึงเริ่มตระหนักถึงความลุ่มลึกทางจิตวิญญาณ โดยมีพิธีกรรมเป็นเพียงสิ่งเสริมส่ง
เมื่อต้องร่วมพิธีกรรมทางออนไลน์ หลายคนกลับซึมซับกับพระวาจาในแต่ละวันได้อย่างลึกซึ้ง
และนำไปปฏิบัติตามอย่างไม่ขัดเขิน
นอกจากเรื่องความเชื่อความศรัทธาแล้ว
ในชีวิตก่อนหน้าโควิด-19 จะมาเยี่ยมเยียน
เราต่างคนต่างก็ยึดติดในวิถีชีวิตวัตถุนิยมกันอย่างบ้าคลั่ง บูชาเทิดทูนความร่ำรวย
ทั้งวันคืนหมดไปกับการแสวงหาเปลือก ละทิ้งความสงบให้สยบยอมจมอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ
เรายึดติดตัวตนบนพื้นฐานที่ต้องเด่นต้องเลิศกว่าใคร ๆ และแสดงออกทางสิ่งของแบรนด์เนม
เรายึดติดกับความคิด อุดมคติ ของตัวเองอย่างไม่ลืมหูลืมตา ยึดเอาเป็นหลัก โดยละเลยการแสวงหาความจริงแท้
เรายึดติดถึงขั้นเสพติดความสำเร็จของตัวเอง จนยากที่จะกลับคืน
และเมื่อโลกต้องหยุดชะงักลงด้วยไวรัสตัวเล็ก ๆ ที่มองไม่เห็น เป็นพลังที่มาชำระการยึดมั่นถือมั่นลงอย่างราบคาบ
ทำให้ทุกคนเห็นไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน มีเงินทองมากมายแค่ไหน
ถ้าได้ติดเชื้อเข้าไปก็ไม่อาจะใช้มันมาร้องขอชีวิตได้เลย ทำให้จิตใจหลายคนเปลี่ยนไป
และพร้อมที่จะลดราวาศอกลง เพื่อร่วมกันสร้างสังคมในรูปแบบใหม่ บางทีการสูญเสียครั้งนี้ก็อาจจะนำความร่มเย็นกลับคืนมาสังคมโลกก็เป็นไปได้ยิ่งดื้อยิ่งรั้นยิ่งระบาด
หากว่าร่วมมือร่วมใจกันด้วยหัวใจเสียสละ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกลับคืนสู่หัวใจดวงเดิม
ที่มีรักเมตตา มีอาทรเกื้อกูลเป็นรากฐานอยู่แล้ว หนทางใหม่จะงอกงามอย่างงดงาม
การจากลามักนำพาความหวังในการพบกันใหม่
การจากไปของใครคนหนึ่งนำความคิดถึงมาให้เสมอ
และการกลับใจย่อมนำมาซึ่งสันติสุขตลอดไปเช่นกัน เราเคยอยู่ในสังคมที่แข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน
เราอยู่ในสังคมที่จมปรักกับกับดักทางความคิดและอำนาจนิยมกันมากเกินไป อย่าใช้อำนาจ
ใช้หัวใจบงการในการขับเคลื่อนทุกกิจการ คือสิ่งที่เราต้องมีในวันข้างหน้า ชีวิตนี้สั้นนัก
ตระหนักเรื่องนี้ เพื่อว่าเราจะได้กลับคืนสู่ตัวตน เป็นคนที่ให้คนอื่นจดจำมิใช่จดเจ็บ
จนกลายเป็นสิ่งซากชำรุดทางประวัติศาสตร์ไป ที่สุดแล้ว การคืนสู่ที่ที่เรามา เราเป็น
นั่นแหละที่จะทำให้โลกนี้รับรู้ถึงความดีงาม พระเยซูเจ้าเสด็จคืนสู่สวรรค์เพื่อให้ทุกคนได้มีพลังกล้าก้าวออกไปทั่วโลก
การกลับมาสู่วัด สู่การร่วมมิสซาในรูปแบบใหม่ก็จะทำให้เราก้าวสู้กับโรคภัยและโรคร้ายทางจิตวิญญาณได้เช่นกัน
และเมื่อเราพร้อมแล้วก็จะนำพลังรักพลังใจมอบต่อกันในทุกที่ที่ก้าวผ่าน
ทำวันเวลาให้มีค่า ไม่นานเราจะพาลพบกับความสุขอย่างแท้จริง....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น