กลั่นน้ำใจปันน้ำจิต
หลังจากการปิดเมืองปิดประเทศค่อนโลกจากสถานการณ์โรคร้ายโควิด-19
ทำให้เกิดภาวะที่หลายคนไม่เคยคิดเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อน จากเคยหาเช้ากินค่ำ
ตอนนี้แทบไม่เหลืออะไรจะกิน เริ่มเกิดความทุกข์จากการขาดแคลนปัจจัยอาหาร เราอาจจะคุ้นชินกับการที่ต้องทำงานแลกเงิน
หลงลืมวิถีชีวิตแบบโบราณกาล ที่ใครมีอะไรก็มาแบ่งมาแลกกันกิน สังคมที่เอื้ออาทรห่างหายจนกลายเป็นตำนานในตำราไปเสียนานแล้ว
ในความทุกข์ยากลำบาก ท่ามกลางความเลวร้าย ก็มักจะเกิดสิ่งดีงามตามมาเสมอ
ในวันนี้เราเริ่มเห็นคนไทยในหลายภาคส่วนไม่ได้นิ่งดูดาย ไม่ได้เก็บตัวเงียบ ๆ
แบบตัวใครตัวมัน เห็นหลายคนที่เคยมี เคยร่ำรวย เริ่มนำเอาสิ่งจำเป็นออกมาแจกจ่าย
เริ่มมีการนำอาหารหยูกยา เครื่องอำนวยความสะดวก ที่พอจะใช้ประทังชีวิตยามวิกฤติ
ออกมาให้คนที่ยากไร้ เหมือนกับว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องแบ่งปันทรัพยากรให้กัน
เพราะทุกสิ่งบนโลกเป็นของทุกคน
หลายคนแม้ไม่มีกำลังเงิน กำลังทรัพย์เพียงพอ
ก็รับเป็นอาสาสมัครออกมาทำประโยชน์เพื่อสังคม ทำสิ่งเล็ก ๆ ในมุมเงียบ ๆ
ใช่หรือไม่ บางทีเราเองก็สามารถที่จะช่วยเหลือกันและกันเพื่อให้ทุกคนมีชีวิตต่อไปได้ในวันข้างหน้า
สิ่งไหนเราทำเพื่อช่วยลด ช่วยเหลือคนอื่นได้ เราก็ควรจะทำ อย่าใช้เวลาที่ว่าง ๆ
ให้สูญเปล่าไปกับการนั่งวิจารณ์ ไปกับการบ่นว่าชะตาฟ้าดิน
อย่าเพียงแต่นั่งรอขอวิงวอนสวรรค์
บางทีการทำสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องได้เงินก็มีความสุขใจ หาไม่แล้ว หลังจากผ่านโควิดชีวิตเราจะกลับสู่มุมเดิม
แต่โลกและสังคมจะเปลี่ยนไปเป็นมุมใหม่ แล้วเราจะอยู่กันกับผู้อื่นได้หรือ? เราสร้างวิถีของเราในวันนี้ได้ด้วยน้ำใจ
มีตัวอย่างเล็ก ๆ ของคนที่เราก็ไม่คาดคิดว่าจะออกมาทำอะไรให้ใครได้ในช่วงยามนี้
เพื่อย้ำว่าเราทุกคนมีคุณค่าด้วยกันทั้งนั้น
ในห้วงยามแห่งวิบัติภัยโควิด ขณะที่คนจำนวนหนึ่งบ่น ด่า สร้างภาพ
และฉวยโอกาสหาผลประโยชน์ส่วนตน คนอีกจำนวนหนึ่งเสียสละตนเอง
และกระทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้สังคมเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งแนวหน้าและแนวหลัง
ร้อยเอกทอม มัวร์ แห่งประเทศอังกฤษเป็นหนึ่งในแนวหลัง เขาเป็นนายทหารเกษียณแล้ว
ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา
เขาเริ่มต้นโครงการขอรับเงินบริจาคเพื่อหาทุนเข้าโรงพยาบาล
แลกกับการเดินรอบสวนของเขาหนึ่งร้อยรอบ ตั้งเป้าเงินบริจาคแค่หนึ่งพันปอนด์
นี่ย่อมเป็นงานที่ง่ายดายสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับร้อยเอกทอมผู้เพิ่งผ่านการรักษามะเร็งและเปลี่ยนกระดูกสะโพกไม่ใช่เรื่องง่ายและยิ่งยากขึ้นไปอีก
99 เท่า เนื่องจากเขามีอายุ 99 ปีแล้ว
แล้วเขาก็เริ่มต้นเดิน ใช้เวลาหลายวัน
ด้วยหน้าอกที่ประดับเหรียญแห่งสงคราม เขาเริ่มต้นโดยใช้ไม้เท้าช่วย
เดินลากเท้าไปเรื่อย ๆ อย่างอดทน ผ่านไปอีกหลายวันก็ต้องใช้เก้าอี้ล้อเลื่อนช่วยประคอง
ข่าวทหารผ่านศึกชราเดินกระย่องกระแย่งเพื่อช่วยคนป่วยโควิดกระจายไปทั่วประเทศ
คนหลายแสนคนส่งเงินบริจาคสมทบ เงินบริจาคไต่สูงถึง 15 ล้านปอนด์
แต่ที่สำคัญกว่าเงินคือ มันแตะและเชื่อมหัวใจผู้คน เมื่อเดินครบรอบที่หนึ่งร้อย
เหล่าทหารแห่ง 1st Battalion Yorkshire Regiment ก็ทำความเคารพทหารชราอย่างสูงสุด
หลังการเดินจบสิ้น เขากล่าวว่า “ถึงประชาชนที่กำลังรู้สึกยากลำบากอยู่
ณ ขณะนี้ ตะวันจะขึ้นอีกครั้ง และเมฆดำจะหายไป”
ทันใดนั้นทหารผ่านศึกชราก็รวมใจคนในประเทศที่กำลังแตกสลายเพราะโควิด-19 เข้าด้วยกันอีกครั้ง
ในสงครามรักษาชาติ เขาร่วมรบในแนวหน้าโดยไม่อิดออด
ในสงครามต่อกรกับเชื้อโรค เขาร่วมรบในแนวหลังโดยไม่ลังเล สร้างกำลังใจให้ผู้คน
เพราะสำหรับคนรักชาติที่แท้จริง การรักษาส่วนรวมเป็นหน้าที่อันเต็มใจ (จากเพจ
วินทร์ เลียววาริณ)
หยาดหยดน้ำใจสำคัญกว่าน้ำลายในห้วงยามนี้
เราถูกให้หยุดพูดด้วยหน้ากากอนามัยปิดกั้น แต่มิมีสิ่งใดจะปิดกั้นน้ำใจได้เลย
นอกจากอคติ ลดมันลง เริ่มปลดปล่อยความเป็นตัวตนลง และมาคิดดูว่า
ในวันนี้เราทำอะไรเพื่อบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์นี้ได้หรือไม่
มีสิ่งดีงามเกิดขึ้นในหัวใจเราแล้วบ้างหรือเปล่า วิกฤตโควิดนำพาชีวิตเราให้ดีขึ้น
คิดถึงผู้อื่นมากน้อยเพียงใด เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆช่วยเหลือดูแลคนรอบข้าง
คนในครอบครัว ให้มีสุขภาพกายและใจที่ดี
เติมรอยยิ้มเพิ่มความสุขให้กันวันละนิดวันละหน่อย
อย่าปล่อยให้ระยะห่างมาพรากจิตสนิทมิตรภาพจากไป แล้ววันเวลาเหล่านี้จะผ่านไปอย่างมีคุณค่าและช่างน่าจดจำ
หยาดหยดน้ำใจสร้างโลกวันใหม่ให้สดใสได้เสมอ มันผุดขึ้นมาจากมุมเดิม ๆ
ของเรานั่นแหละ มาร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยน้ำใจด้วยกัน...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น