วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2563

ถึงที่สุดก็ต้องเริ่มต้น


ถึงที่สุดก็ต้องเริ่มต้น
ไวรัสโควิด-19 ยังคงทำให้โลกใบนี้ต้องตกอยู่ในวิกฤตต่อไปอย่างที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะถึงจุดสิ้นสุด? มาตรการเดียวที่ถือว่าใช้ได้ผล คือ การให้ทุกคนอยู่ในบ้าน ไม่ออกมาพบปะสังสรรค์กันเหมือนเคย ไม่ต้องออกมาดิ้นรนค้นหาเงินทอง ไม่มีการแข่งขัน กีฬาทุกชนิดต้องหยุดลงอย่างสิ้นเชิง และดูเหมือนว่าสังคมมนุนุษย์ถูกปรับให้นิ่งลง หลายคนไม่ชิน หลายคนไม่เคย จึงเริ่มบ่นเริ่มกระวนกระวาย อยากจะมีชีวิตที่เหมือนเดิม ทำอะไรก็ได้ ติดต่อพบปะผู้คน ในช่วงเวลาหนึ่งเราต่างก็เรียกร้องให้มีวันหยุดยาว ๆ อยากจะมีชีวิตอิสระไม่ขึ้นกับเงินกับงาน อยากจะนอนนิ่ง ๆ นั่งอ่านหนังสือจิบกาแฟ ภาพความฝันเหล่านี้เป็นจริง แต่พอเอาเข้าจริง เรากลับรู้สึกว่า ทำไมมันน่าเบื่อเช่นนี้ เจ้าไวรัสน้อยคงบอกว่า เรากำลังทำให้พวกมนุษย์ได้รับบทเรียน และต้องเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในหลาย ๆ เรื่อง อย่าเอาแต่ตัวเอง เอาฝันของตัวเองเป็นที่ตั้งมากไปนัก
Stay at home awareness social media campaign and Vector Image
ดูเหมือนว่าเราต่างได้รับบทเรียนกันทั่วหน้า อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้เรามีวินัยในการรักษาความสะอาด รักษาสิ่งแวดล้อม มีวินัยที่จะใช้จ่ายอย่างรอบคอบ จากแต่ก่อนใช้จ่ายเพื่อของที่ต้องมี มาตอนนี้ต้องคิดแล้วคิดอีกของที่มีนั้นต้องจำเป็นอย่างยิ่งในการใช้สอยและการดำรงชีวิต พูดถึงเรื่องความมีวินัย ประเทศไหนที่ประชากรที่มีวินัย มีการประพฤติปฎิบัติตนเพื่อส่วนรวม มักจะได้รับผลน้อย หรือเมื่อเกิดการระบาดก็สามารถระงับยับยั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่างกับประเทศที่มีเสรี ต่างคิดต่างคน ต่างไม่สนใจฟังใคร ข้าจะไปของข้าแบบนี้ เมื่อเกิดการระบาดจึงควบคุมได้ยากตามภูมิความอวดเก่งของคนในสังคมนั้น ๆ
การเกิดสงครามโรคระบาดในครั้งนี้ เราสูญเสียด้วยกันทั้งนั้น แต่ในความสูญเสียเรากลับได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีงามในหลาย ๆ ด้าน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนไปในทุกมิติ หลายครั้งเคยเขียน เคยกล่าวไว้ว่า “โลกจะเปลี่ยนแปลงโดยที่เราไม่รู้เลยว่ามันเปลี่ยนไป” นี่กระมัง!!! ที่มาทำให้โลกเปลี่ยนไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แท้จริง...หลายสิ่งที่มีมาแล้วนั้นก็เพื่อรองรับโรคอุบัติใหม่ในครั้งนี้ เรามีเครื่องสื่อสารสมัยใหม่ ที่ทำให้เราอยู่กับที่แต่ก็ยังสามารถทำงานได้ โดยไม่ต้องไปรวมกลุ่มกันมากนัก บางทียิ่งเราไปรวมกลุ่มทำงานด้วยกันก็มักจะก่อให้เกิดความเครียด มีความกดดัน ต้องแข่งขันเอาเป็นเอาตาย ปัดแข้งปัดขากัน เมื่อต่างกันต่างทำงานในที่ ๆ ของตน ย่อมลดความกดดันลงไปได้ งานเสร็จก็นัดมาเจอ มาพบมาสังสรรค์กันเป็นบางเวลา เพื่อมิตรภาพที่แนบแน่น การใช้เงินทองไม่จำเป็นต้องเห็นมากองอยู่ตรงหน้า ทำให้เราลดความโลภได้ในระดับหนึ่ง ขอแค่มีกินมีใช้จ่าย ใช้ชีวิตให้มีความสุขรื่นรมย์กับสิ่งสร้าง ปั้นแต่งงานศิลปะจรรโลมปลอบใจกัน นี่น่าจะเป็นสิ่งหนึ่งในสังคมวันข้างหน้า แต่เราก็ไม่สามารถจะรู้ในอนาคตหลังจากจบและการจากไปของไวรัสโคโรน่าโควิด-19 ว่าจะเป็นเช่นนี้หรือไม่อย่างไร? เป็นเราเองที่จะสร้างสังคมใหม่หรือจะกลับไปสู่รูปแบบเดิม ๆ
จส. 100
ใช่หรือไม่ ในทุกจุดสิ้นสุดเมื่อถึงที่สุดแล้ว ย่อมมาพร้อมกับการเริ่มต้นใหม่เสมอ การได้ชัยชนะในทุกการแข่งขันที่ผ่านมา ก็มักมาพร้อมกับการที่ต้องเริ่มต้นฤดูกาลแข่งขันใหม่ หรือเมื่อเราเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางแล้ว เราก็มักจะคิดถึงแผนการเดินทางกลับหรือเดินทางในครั้งต่อไปเสมอ ในทุกมิติชีวิตมักเป็นเช่นนั้น การผ่านความทุกข์ยากลำบากเมื่อถึงที่สุดก็มักมาพร้อมกับความสุขเสมอ และเมื่อเราผ่านวันเวลานี้ไปได้ เราย่อมต้องเริ่มต้นกันใหม่ และเป็นการเริ่มต้นที่ดีโดยมีความทุกข์ยากครั้งนี้เป็นภูมิคุ้มกัน หากจะสังเกตกันดี ๆ เราเห็นการเริ่มต้นใหม่ที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจน หลายคนที่เคยละทิ้งความเชื่อ ละทิ้งศรัทธา หันหลังให้กับศาสนา เริ่มกลับมาฟังมิซา สวดภาวนาในรูปแบบใหม่ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ผ่านทางโทรทัศน์อินเตอร์เน็ต พระวาจา พระธรรม ยังคงเป็นแบบเดิมและเป็นความจริงนิรันดร์ แต่กำลังถูกส่งผ่านทางในรูปแบบใหม่ การแพร่ธรรมเกิดในฟากฟ้า ทุกหลังคาเรือน ได้ยินได้ฟัง ค่อย ๆ ขัดเกลาจิตวิญญาณ พระเจ้าสถิตในทุกแห่งทุกกาลเวลาอย่างแท้จริง ปัสกาปีนี้จึงอาจจะเป็นปีที่มีผู้คนกลับใจมาหาศาสนามากกว่าทุกครั้ง กลับมาโหยหาพระเจ้ามากกว่าทุก ๆ ปี เรากำลังจะก้าวผ่านความทุกข์และเริ่มต้นใหม่กับจิตวิญญาณใหม่ไปด้วยกัน


แม้ว่าจะเป็นปัสกาที่ยากลำบาก แต่ก็ทำให้เรามีความหวัง มีความเชื่อไว้วางใจในพระเจ้ามากขึ้นและทำให้เราได้ไตร่ตรองด้วยว่า ปัสกาครั้งนี้เราได้ให้อะไรกับใครบ้าง ในท่ามกลางวิกฤติโรคโควิด-19 เรามัวแต่วิตกกังวลแต่ตัวเองมากเกินไปไหม? เราเสียสละให้กันพอหรือยัง? ไม่ต้องอื่นไกลกับคนตรงหน้าเรา คนในบ้านที่เราต้องเก็บกักตัวอยู่ด้วยกัน เราได้ให้เวลากันมากขึ้น พูดคุยรับฟังกันมากขึ้นหรือเปล่า ดูแลกันช่วยเหลือกัน ทำให้ครอบครัวสะอาดขึ้นทั้งภายนอกภายในมากน้อยเพียงใด บางทีเราอาจจะมาถึงที่สุดของคำว่า “เห็นแก่ตัว” ด้วยกันแล้วทุกคน เรากำลังจะเริ่มต้นใหม่ด้วยหัวใจแห่ง “รักและแบ่งปัน” ที่มีให้กันและกันในทุกวันใหม่ ปัสกาครั้งนี้มีความหมายยิ่งนัก.....อัลเลลูยา

ไม่มีความคิดเห็น: