ภาพ ๆ นั้น
เหตุการณ์โรคระบาด โควิด-19 เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนหวาดหวั่นพรั่นพรึง
ต่างตระหนกตกใจ เพราะการแพร่ขยายของเชื้อไวรัสร้ายตัวนี้เป็นไปอย่างงรวดเร็ว
หรือเป็นเพราะว่าเชื้อนี้อยู่ในยุค 5G ยุคสื่อสารออนไลน์ครองเมือง
จึงแพร่ไปเป็นโครงข่ายดิจิตอล ทำให้ทั่วทั้งโลกตกอยู่ในสภาวะหยุดชะงัก
โลกที่เคยวุ่นวายค่อย ๆ นิ่งสงบ เอาเข้าจริง โลกนี้ไม่เคยวุ่นวาย
ใจคนต่างหากที่วุ่นวาย
เราจึงจำต้องทำให้จิตใจเรานิ่งสงบสยบความสับสนให้ได้เสียก่อน
การรับข้อมูลข่าวสารที่มีทั้งเท็จ - จริง ยิ่งต้องเพิ่มความรอบคอบ
ยิ่งต้องพินิจพิเคราะห์ให้จงหนัก
และต้องไม่ทำตัวเป็นสื่อแพร่ขยายข่าวให้กว้างไกลออกไป
เหมือนเป็นพาหะแพร่เชื้อไวรัส ที่ใครมีเชื้อนี้ต้องกักขังตัวเองเอาไว้ก่อน
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของภาครัฐที่จะให้ความรู้ให้ข้อมูล อย่าคิดว่า “ข้ารู้ดี
ข้าเก่งเกิน” มันจะทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายไปเปล่า ๆ
เพราะในทุกเรื่องย่อมมีหลายมุมที่เราอาจจะมองไม่เห็น เราต้องกักขังความเป็นตัวตนของเราเอาไว้ก่อนจะเป็นการดีที่สุด
เมื่อพูดถึงการสื่อสารยุคที่รวดเร็วดุจสายลมพัดผ่าน
โดยมีอุปกรณ์เสริมส่งทำให้ใช้งานได้ง่ายดาย
การสร้างตัวตนให้เป็นคนสาธารณะนั้นจึงเกิดขึ้น และในอุปกรณ์มีแอพพลิเคชันที่เราใช้สื่อสารติดต่อกัน
ในทุกรูปแบบมักจะให้เราใส่ภาพเพื่อแสดงตัวตนให้คนอื่นรู้จัก ใช่หรือไม่
เราจึงมักเลือกรูป เลือกภาพที่คิดว่าเราดูดี ดูสวย ดูหล่อ ดูเท่ ดูเก๋ มาเป็นรูปปก
รูปที่บ่งบอกว่าเป็นเรา ซึ่งบางทีรูปนั้นก็ผ่านการตบแต่งมาจนไกลห่างจากตัวจริง
ก็เป็นสิทธิ์ที่เราสามารถจะทำได้ แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่ารูปภาพ ๆ นั้นก็คือ เราต้องแสดงตัวตนความดีงามให้เกิดขึ้นกับทุกความสัมพันธ์บนโลกออนไลน์
แสดงให้ทุกคนเห็นความที่เราเป็นศิษย์พระคริสต์ด้วยความรักความเมตตาที่ส่งผ่านไป
ให้ทุกข้อความมีแต่ด้านดีงาม หยุดการหยามหมิ่น สิ้นสุดการกล่าวร้าย
ทำลายกันด้วยคำหยาบ
สิ่งนี้เกิดขึ้นได้หากเราใส่ใจกับการใช้สื่อสมัยใหม่อย่างสร้างสรรค์ อย่าให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกมากกว่าการให้ความสำคัญฉายาลักษณ์ของพระเจ้าในตัวเรา
การสื่อสารยุคใหม่
สร้างโลกใบใหม่ให้กับหลายต่อหลายคน เราหลงเข้าไปในโลกที่มีภาพใหม่ ๆ ภาพแห่งความโลภ
ด้วยว่าเมื่อเห็นภาพคนอื่นที่มีนั่นมีนี่ เราก็อยากจะมีเหมือนเขาบ้าง ภาพเหล่านี้หลอกลวงให้เราหลงใหลไปกับความทันสมัยจนบ่อยครั้งเราก็ลืมความเป็นตัวตนของเราเอง
จากเป็นคนที่มองโลกมุมงามกลายเป็นมองมุมทรามมากขึ้น
จากเป็นคนที่ดำรงไว้ซึ่งความอ่อนโยนก็ก้าวร้าวหยาบโลนขึ้น จากเคยห่วงใยคนใกล้กาย
กลายเป็นไปวุ่นวายกับคนไกล ไปให้ความสนิทเป็นญาติมิตรแทน
เราหันหลังให้คนในครอบครัว เพื่อก้มหน้าให้คนอื่นมาครอบงำ
เราคุยกันน้อยลงเพราะให้เวลากับการพูดคุยแบบเงียบ ๆ ผ่านทางนิ้วสัมผัสแทนใจสัมพันธ์กันอย่างสนุกสนาน
เราสร้างภาพของความอวดดี
อวดเก่งขึ้นมา
ด้วยข้อมูลที่เราเชื่อเองว่านี่เป็นความจริงที่สุด นี่เป็นข้อมูลที่ดีที่สุด
แล้วเราก็หยุดอยู่ตรงนี้ นำไปโอ้อวดว่า “ข้ารู้ ข้าเป็นคนวงใน เชื่อข้าเถอะ” เมื่อมีคนกดถูกใจมาก
เราก็ยิ่งคิดไปเองว่านี่แหละความยิ่งใหญ่ คิดไปเองว่าถูกต้องที่สุดแล้ว
เมื่อวันหนึ่งมีข้อมูลอีกด้านหนึ่งออกมา ความจริงด้านอื่นปรากฏขึ้น
เรากลับไม่ยอมรับ กลับดื้อแพร่ง ไม่สนใจ ยังคงเกาะเกี่ยวความรู้ข้อมูลเดิมไว้
ไม่ยอมรับฟังความต่าง ความสุภาพอ่อนโยนหายไปจากหัวใจ ความผยองพองขนบนตัวตนจึงกลายเป็นเกราะกำบัง
โดยลืมไปว่าโลกนี้กว้างใหญ่เกินกว่าที่เราจะเข้าใจอะไรได้ทั้งหมด
ขนาดว่าโลกนี้มีนักวิทยาศาสตร์การแพทย์มากมายกำลังคิดค้นความเป็นอมตะของมนุษย์
สามารถที่จะปลูกถ่ายอวัยวะที่เสื่อมสภาพมาทดแทนได้ แต่แล้ว...มนุษย์กลับพ่ายแพ้ให้กับไวรัสเล็ก
ๆ ที่อุบัติขึ้นมาอย่างไม่ทราบต้นตอ เราไม่สามารถที่จะล่วงรู้ความมหัศจรรย์ของพระผู้สร้างได้เลย
เหตุไฉนเราจึงอวดเก่ง อวดใหญ่กันนักเล่า!!! แท้จริงสิ่งที่จะเป็นเกราะคุ้มกันเราได้ดีคือความสุภาพอ่อนน้อมต่อสิ่งสร้าง
อ่อนโยนต่อกัน ยอมรับซึ่งกันและกัน ให้เกียรติและความสำคัญของทุกคน เราจะเห็นความสว่าง
เราจะเห็นภาพขาวของทุกผู้คน แล้วสันติสุขจะปรากฏในหัวใจเราตลอดไป สิ่งที่เราจำต้องมีให้มากขึ้นคือให้คนรอบข้างเราเห็นความงาม
ความสว่าง ประคับประคองเสริมส่งกันให้เป็นสังคมแห่งความอาทร
และภาพเหล่านี้จะสะท้อนออกไปให้คนอื่นได้รับรู้รับไปชื่นชมทำตาม เราต้องคอยตั้งคำถามเสมอ
ๆ ว่า “วันนี้เราทำให้คนรอบกายเห็นความงามภายในบ้างหรือยัง?”
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสได้ตรัสกับฝูงชนหน้าจัตุรัสมหาวิหารนักบุญเปโตร
ถึงความทันสมัยว่า “เราต้องตัดการเชื่อมต่อจากโทรศัพท์มือถือ และเชื่อมต่อกับข่าวดีของพระคริสต์
เทศกาลมหาพรตนี้ เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะปิดโทรทัศน์และเปิดพระคัมภีร์”
ในเทศกาลมหาพรตนี้ เรากำลังตกอยู่ในภาวะที่ยากลำบาก เราจำต้องงดเว้นบางสิ่งบางอย่างของชีวิตลงบ้าง
ลดการใช้จ่ายที่มากเกินจำเป็นเพื่อสร้างภาพอวดร่ำอวดรวย ลดการทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
ลดการใช้นิ้วส่งสิ่งไม่งามเข้าไปในโลกเสมือนจริง มาใช้นิ้วสวดสายประคำให้กัน ลดการใช้อุปกรณ์สื่อสาร
มาสร้างสื่อสัมพันธ์กับคนในครอบครัว มองหน้ากันจริง ๆ จัง ๆ เพื่อเราจะได้เห็นภาพความดีงามของกันและกัน
สิ่งนี้จะช่วยให้เราผ่านพ้นความยากลำบากในวันนี้เวลานี้ไปด้วยกัน ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์
ก็อย่าลืมล้างใจด้วยพระวาจาของพระเจ้าด้วยนะครับ....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น