กระหาย
สถานการณ์โรคระบาดทำให้โลกเริ่มระบม ไวรัสร้ายโควิด
กำลังเป็นโคไล่ขวิดใส่ประเทศนั้นประเทศนี้ไปเรื่อย ลามไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว จนทำให้ประเทศอิตาลีจำต้องประกาศปิดประเทศเพื่อจะได้สามารถควบคุมการแพร่กระจายให้อยู่ในวงจำกัด
ศูนย์กลางของพระศาสนจักรที่วาติกัน ในกรุงโรม อิตาลี ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน วาติกันประกาศปิดลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร
และภายในมหาวิหาร ไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ตั้งแต่วันนี้ - 3 เมษายน
เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 นอกจากนี้ ที่ทำการไปรษณีย์วาติกัน
และศูนย์หนังสือวาติกันก็ปิดบริการด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจอิตาลีกำลังนำแผงเหล็กกั้นมาปิดทางเข้าหน้าลานมหาวิหารนักบุญเปโตร
ซึ่งนาน ๆ ทีเราจะเห็นภาพวาติกันไม่มีคนเดินเลย
ได้มีการปรับเปลี่ยนพิธีกรรมให้มีพิธีมิสซาออนไลน์ เพราะวัดจำต้องปิด
และงดมิสซาทั่วประเทศจนถึงวันที่ 3 เมษายนเช่นกัน เนื่องจากวันที่ 5 เมษายนเป็นวันอาทิตย์ใบลาน
ซึ่งเมื่อถึง ณ เวลานั้นก็ยังไม่แน่ใจว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร และล่าสุดในวันนี้
(พุธที่ 11 มีนาคม) สมณสภาเพื่อส่งเสริมการประกาศข่าวดีใหม่ ผู้รับผิดชอบการจัดงาน
24ชั่วโมงเพื่อพระเจ้า (งานเฝ้าศีล 24 ชั่วโมง) ที่จัดทุกปี
ปีนี้จะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 20 มีนาคมในมหาวิหารนักบุญเปโตร
วาติกันได้ประกาศยกเลิกงานแล้ว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้แล้วแต่ศาสนจักรคาทอลิกท้องถิ่นไหนจะยกเลิกการจัดงานก็ได้
บรรดาคริสตชนสามารถร่วมพิธีแบบง่าย ๆ ด้วยการรำพึงและภาวนาหน้าไม้กางเขน (ข้อมูล
จากเพจ #Pope Report )
โลกกำลังให้บทเรียนที่เจ็บปวดกับเราทุกคน
ในระยะแรกไวรัสร้ายนี้เริ่มระบาดขึ้นในประเทศจีนประเทศเดียว ในยุคสมัยที่ผู้คนทั่วโลกเชื่อมโยงไปมาหาสู่
ทำธุรกิจค้าขายกันได้อย่างเสรี จึงทำให้เกิดการแพร่กระจายไปทั่วโลก
เราต่างก็กระหายหาที่จะกอบโกยความสำเร็จจากปฏิสัมพันธ์นั้น บางคนเห็นบ่อใหญ่ก็คิดว่าคงมีน้ำให้ตักตวงในต่างแดนได้เต็มที่
บางคนรีบกระโดดลงไปในบ่อนั้นอย่างไม่ทันระมัดระวัง อย่างไม่ยั้งคิดถึงความลึกของบ่อน้ำ
โลกแห่งโลภทำให้ผู้คนกระหายด้วยความเห็นแก่ตัว ต่างหวังผลประโยชน์ส่วนตน หวังผลกับประเทศตัวเองอย่างเดียว
ตั้งข้อกำหนดกฎเกณฑ์เพื่อหวังผล มนุษย์โลกดำเนินการลักษณะนี้มาเนิ่นนาน
จนกลายเป็นความเคยชิน ทุกความสัมพันธ์คือผลกำไร
ทุกการติดต่อต้องได้มาซึ่งข้อได้เปรียบ เราต่างกดขี่กันและกันอย่างเงียบงัน
เราต่างก็ไม่เคยระมัดระวังว่าบางทีการกระโดดเข้าหาบ่อน้ำข้างหน้า ก็อาจจะนำมาซึ่งความล้มเหลวในบ้านเมืองของตัวเอง
เราแต่ละคนก็เป็นเช่นนั้น เราต่างคนต่างมุ่งหวังผลกำไร
ผลประโยชน์เพียงเพื่อชีวิตตนคนเดียว
เรามุ่งหน้ากระหายหาความสำเร็จรูปอย่างเอาเป็นเอาตาย เวลาทั้งหมดคือการออกไปหาน้ำกลางทะเลทราย
ที่เติมลงไปไม่มีวันเต็ม แล้วก็พร่ำบ่นกระหายน้ำตลอดเวลา
ใครผ่านไปผ่านมาขอน้ำดับกระหายเราก็ปฏิเสธเพราะกลัวว่าจะไม่มีเพียงพอเพื่อกักตุน
เราถูกปลูกฝังทางอ้อมด้วยระบบใหญ่
จนในความคิดความรู้สึกเราถือว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้อง
เป็นข้ออ้างที่ทำให้ชีวิตมีเป้าหมาย โลกที่มีเพียงเราเท่านั้นที่มีค่าที่สุด
โลกนี้เท่านั้นที่ยกย่องบูชาเงินตรา พระเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงสิ่งที่มีไว้เพื่อขอให้มีมากยิ่งขึ้น
พิธีกรรมมีไว้เพื่อสะสมสถิติที่ไม่ผิดต่อข้อกำหนด ใครที่ไม่ทำตามก็จะถูกหยามหมิ่น
ใครไม่ประสบความสำเร็จก็ละทิ้งความเชื่อ ใครไม่ได้ดังหวังก็หันหลังไปพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามต้นไม้ใหญ่
ตามหนองน้ำ ตามเสาไฟฟ้าบ้าง เรามิได้มอบคุณค่าความเป็นมนุษย์ให้อยู่ที่จิตวิญญาณอันงดงามปล่อยให้จิตใจแห้งแล้ง
และถูกรุกรานได้อย่างง่ายดาย
เรากระหายหาชื่อเสียง
เราพยายามที่จะสร้างตัวตนคนอย่างเรา ให้โดนเด่น ให้เป็นที่รู้จักด้วยความหยิ่งผยอง ด้วยความคิดของตนเอง
มิได้ใคร่ตรองความคิดเห็นของคนอื่นมาพัฒนา มาใช้เพื่อความเติบโตของสังคมไปด้วยกัน เราต่างกระหายหาการสรรเสริญเยินยอในสิ่งที่ทำ
มากกว่าสิ่งที่เป็นธรรม เราต่างหวังเพียงตำแหน่งที่สูงขึ้น
และก้าวไกลสู่การเป็นคนจัดการบริหารทุกสิ่งสรรพด้วยตัวเอง หวังมีอำนาจเหนือทุกคน หวังครอบครองเพื่อบัญชามากกว่าครอบคลุมหุ้มห่อด้วยความรักอาทรต่อคนอื่น
เราต่างก็พยายามทำตามใจกระหายมากกว่าใจที่แสวงตามหาความจริงความงามของชีวิต
บางทีถึงเวลาแล้วที่เราต้องกลับมาหยุด
ด้วยเพราะโลกบังคับให้ต้องหยุด เราจะได้มีเวลาเพื่อฟื้นฟูกู้คืนจิตวิญญาณให้กลับมางดงาม
หันหน้าเข้าหากัน ลดความเป็นตัวตนลง ตักน้ำหยิบยื่นเยียวยากันและกัน เป็นช่วงที่เราจะเรียนรู้ความมีคุณค่าของชีวิตที่แท้จริง
หันมาตักเติมน้ำจิตน้ำใจให้กันและกัน กลับมาสู่ความเป็นหนึ่งเดียวในสังคมเล็ก ๆ
มาเป็นครอบครัวอยู่กันในบ้านเดียวกัน กลับคืนสู่ความเป็นสามัญ กินอยู่เท่าที่จำเป็น
ไม่ต้องแสวงหาตามความกระหาย ให้ความห่วงใยดูแลคนใกล้ตัวให้มาก
เพื่อที่เราจะก้าวผ่านเวลาแห่งความลำบากนี้ไปด้วยกัน
สวดภาวนาพร้อมกันในบ้านเพื่อกันและกัน สร้างภูมิต้านโรคให้แข็งแกร่ง เพื่อวันหนึ่งเราจะได้มีพลังกาย
พลังใจ ออกมาสู่สังคมโลกด้วยความกระตือรือร้นในนามของความรักความเมตตา
และพร้อมที่จะมอบให้กับทุกคนที่ผ่านมาอย่างมีมิตรจิตมิตรใจ ด้วยมิต้องหวังสิ่งใดตอบแทน
เพราะเราเรียนรู้แล้วว่า “น้ำแห่งชีวิต” ที่แท้จริงนั้นคือน้ำใจของเราแต่ละคน
ที่จะช่วยดับกระหายของสังคมนี้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น