วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

เก็บเกี่ยวความรู้สึก


เก็บเกี่ยวความรู้สึก
ในขณะที่เดินทางเพื่อทำกิจวัตรในทุกเช้า หลายครั้งเริ่มเห็นคนหน้าตาเดิม ๆ เดินทางร่วมกันบนเส้นทางเดียวกัน บางคนเดินสวนกัน แต่เราไม่เคยพูดคุยกัน นี่คือวิถีคนเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมี ที่พ้นผ่านไปโดยมิได้รู้สึกรู้สาต่อกัน จนกลายเป็นนิสัยที่เรามักไม่ค่อยจะใยดีต่อผู้คนรอบข้าง เรามักจะอยู่ในโลกของเรา ขึ้นรถได้ก็เอามือถือมาถูไถ เอาหูฟังมาสวมใส่ ตาก็จ้องมองดูโลกกว้างบนจอเล็ก ๆ ต่างคนต่างไม่เคยมองหน้ากลัวจะมีเรื่อง นานวันเข้าเราก็เริ่มที่จะไร้ความรู้สึกต่อคนที่อยู่ตรงหน้า ไปให้ค่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกเสมือนจริง พูดคุยได้แสดงความรู้สึกแบบฉาบฉวยได้อย่างไม่เคอะเขินในที่แห่งหนนั้นบนอากาศ นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเราต่างคนต่างทิ้งขว้างความเมตตา ทิ้งขว้างน้ำใจดีต่อกัน เกิดความระแวงว่าคนนั้นจะคิดไม่ดีต่อเรา มองเราในแง่ไม่ดี จนบางครั้งต้องทำตัวอย่าไปแคร์คนอื่น ช่างเขาเถอะ เพื่อความสบายใจ กระแสสังคมกดดันให้เราต้องต่างคนต่างอยู่ อย่าไปวุ่นวายต่อกัน(บางกรณีถือเป็นเรื่องที่ควรทำ) แต่วันนี้เราเป็นแบบนี้กันทุกครั้งทุกกรณีไปจนหัวใจไร้ความรักไร้รากแห่งเมตตาไปเสียแล้ว



ในสายตาคนอื่นมองว่าเรา บางคนอาจจะเข้าใจผิดคิดร้ายต่อเรา ที่เห็นเราทำบางสิ่งบางอย่างไม่ได้อย่างใจเขา บางคนก็กลัวเราจะได้ดีกว่าเขาก็มี จึงใช้สายตาแห่งความริษยามองมา แล้วเราจะทำเช่นไร??? เพื่อว่าเมื่อคนอื่นมองเห็นเรา เขาจะได้เห็นความงาม ทั้งนี้ไม่ใช่ให้คนอื่นเห็นความงามของตัวตนเราและยกย่องเรา แต่เราต้องตระหนักว่าคนอื่นจะได้มองเห็นองค์แห่งความดีงามในตัวเราต่างหาก ส่วนใครจะมองเห็นเช่นไร ก็มิใช่เราอีกนั่นแหละที่จะไปเที่ยวกำหนดกฎเกณฑ์ เราทำดีให้ดีที่สุด และเชื่อมั่นว่าความดีนั้นอยู่ในสายพระเนตรของพระเจ้าเสมอ การดำเนินชีวิตยุคปัจจุบันไม่ง่ายนัก เราโชคดีที่มีผู้สืบสานคำสอนของพระคริสต์เพื่อให้ชีวิตของเรามุ่งสู่ความงามเสมอมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเคยให้สัมภาษณ์พิเศษกับสื่อคาทอลิกภายใต้การดูแลของสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งอิตาลี โดยมีเนื้อหาสำคัญได้นำมาแบ่งปัน เพื่อให้เรานำไปปฏิบัติในชีวิตจริง แบบอย่างที่ง่าย ๆ ที่จะนำสันติมาสู่สังคมโลก


พระองค์กล่าวถึงสังคมปัจจุบันว่า“ศัตรูที่น่ากลัวสุดของพระเจ้าคือเงิน ถ้าคุณคิดสักนิด พระเยซูตรัสไว้แล้วว่า เราจะรับใช้พระเจ้าและเงินพร้อมกันไม่ได้ พระเยซูให้สถานะเงินเป็นเจ้านายเช่นกัน เจ้านายสองคนคือพระเจ้าและเงิน เราต้องเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความจริงก็คือปีศาจมักจะเข้ามาทางกระเป๋าสตางค์ของเรา มันเหมือนเป็นเส้นทางที่ปีศาจชอบมาก ๆ จึงจำเป็นที่เราต้องสร้างพระศาสนจักรที่ยึดความยากจนเพื่อผู้ยากไร้ การประจญล่อลวงเจอแน่นอน! สิ่งที่พ่อเจอก็ไม่ต่างจากคนอื่นหรอก ปีศาจมักจะมาเจาะจุดอ่อนของเรา นั่นคือ ความไม่อดทน ความเห็นแก่ตัว และความขี้เกียจ”
“การเป็นคนอารมณ์ดีถือว่าเราได้รับพระหรรษทานจากพระเจ้า พ่อสวดขอพระเจ้าทุกวันให้พ่อเป็นคนอารมณ์ดี พ่อสวดบทภาวนาของนักบุญโทมัส มอร์ ด้วยนะที่สวดว่า “โปรดประทานให้ลูกเป็นคนขำขันอารมณ์ดี” พ่อสวดขอพระเจ้าโปรดช่วยให้พ่อหัวเราะบ่อย ๆ เวลามีคนมาเล่าเรื่องตลกให้ฟัง เพราะการเป็นคนอารมณ์ดีคือคติในการดำเนินชีวิตของพ่อด้วย”

พ่อเป็นภูมิแพ้พวกประจบสอพลอ มันเป็นโดยธรรมชาติเลยนะ! การประจบไม่ใช่เรื่องดี การประจบคนอื่นคือการใช้คนอื่นเพื่อปกปิดความต้องการแท้จริงของเราในการได้รับอะไรบางอย่าง น่าละอายมาก ... ส่วนเรื่องการพูดจาให้ร้ายตัวพ่อหน่ะหรือ พ่อรับได้ เพราะพ่อเป็นคนบาป พ่อรู้ตัว เวลาคนใส่ร้ายหรือนินทาพ่อ มันไม่ทำให้พ่อกังวลหรอกนะ”
“คำว่า “โรคหัวใจไร้ความรู้สึก” พ่อเรียนรู้จากพระสงฆ์อาวุโสท่านหนึ่งที่พ่อไปเยี่ยม ท่านสอนคำนี้ให้พ่อ นี่คือโรคที่เกิดกับคนยุคนี้ พ่อคิดว่าความเมตตาคือยารักษาโรคนี้ได้ บ่อเกิดของโรคนี้คือวัฒนธรรมทิ้งขว้าง คนที่ชอบพูดว่า “เราไม่ต้องการคนชรา เราส่งพวกเขาไปอยู่บ้านคนชราจะดีกว่า ส่งไปแล้วไม่ต้องเอากลับมานะ” คนพวกนี้แหละคือพวกหัวใจไร้ความรู้สึก คนอีกจำพวกที่หัวใจไร้ความรู้สึกก็คือพวกที่ชอบทำสงคราม”
เคล็ดลับในการรักษาการอุทิศตนอย่างไม่มีวันจบสิ้น “พ่อก็ไม่รู้นะว่าพ่อบริหารจัดการเรื่องนี้ได้อย่างไร แต่คิดว่าน่าจะมาจากการสวดภาวนา สิ่งนี้ช่วยพ่อได้มากเลย เพราะการสวดทำให้พ่อได้คุยกับพระเจ้า ไม่ว่าจะถวายมิสซา สวดทำวัตร หรือสวดสายประคำ ช่วยได้หมด การภาวนายังช่วยให้พ่อหลับลึกและหลับสนิทด้วย บางทีนี่อาจเป็นพระหรรษทานจากพระเจ้า พ่อนอนหลับเป็นตายเหมือนท่อนไม้เลย พ่อหลับสนิทนาน 6 ชั่วโมงทุกคืน บางทีนี่อาจเป็นเคล็ดลับทำให้พ่อสุขภาพดีก็ได้” (บางส่วนจากคำสัมภาษณ์พระสันตะปาปา แปลโดย Pope Report)
ในวันนี้เราจะตอบคำถามต่อตัวเราเองเสมอว่า เราได้ยิ้ม เราสงสาร เราสนทนา เราเห็นใจต่อผู้คนที่อยู่ข้าง ๆ บ้างหรือยัง??? อย่าไร้ความรู้สึกที่มีต่อกัน เพราะเราล้วนเป็นสิ่งสร้างที่แสนจะงดงามที่ถูกเลือกสรรมาอยู่บนโลกนี้ ทุกคนล้วนมีคุณค่าในแบบเฉพาะตัว อย่าไปดูถูก อย่าไปกดดัน อย่าไปข่มเหง จนทำให้ทั้งเราและเขาไร้ความรู้สึกที่ดีต่อกัน สร้างรอยยิ้มและมีเมตตาต่อกัน เพื่อเราจะได้เป็นส่วนหนึ่งแห่งความงามในวันแห่งประวัติศาสตร์ วันที่พ่อจะเดินทางมาพบลูก ๆ เราจะได้ระลึกถึงความรู้สึกในช่วงเวลาที่ดี ๆ ด้วยกันตลอดไป

ไม่มีความคิดเห็น: