วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

วินาทีแห่งความเป็นมนุษย์


วินาทีแห่งความเป็นมนุษย์
ในทุกวันนี้เรากำลังถูกเครื่องมือสมัยใหม่เข้าครอบงำวิถีชีวิต ทำอะไรก็ต้องมีตัวช่วย จนบางครั้งทำอะไรกันไม่เป็นเลย เราคิดถึงแต่ตัวเอง ไม่เหลียวแล แต่เรียกร้อง ไม่ใส่ใจ แต่สะใจ ไม่มีเมตตา แต่มีอัตตา การเสด็จมาของสมเด็จพระสันตะปาปา บิดาที่รักยิ่งของเราได้นำแบบอย่างมาให้ซึ่งสำคัญมากกว่าการได้เห็นพระองค์ได้สัมผัสพระองค์เสียอีก ก่อนหน้าที่พระองค์จะเริ่มเดินทางเพียงวันเดียว (18 พ.ย.2019) พระองค์ทรงเลี้ยงอาหารกลางวันแก่คนยากจนและคนไร้บ้าน 1,500 คน ซึ่งเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2017 พระองค์ประกาศให้เป็นวันความยากจนโลก อาหารดี ๆ ถูกนำมาเสิร์ฟในห้องประชุมขนาดใหญ่ของวาติกัน นอกจากนี้ยังมีอาสาสมัครจากองค์กรการกุศลต่าง ๆ มาช่วยงานอีกด้วย ก่อนหน้านี้มีการตั้งคลินิกเคลื่อนที่ในบริเวณจัตุรัสมหาวิหารนักบุญเปโตร เพื่อตรวจสุขภาพแก่คนยากจนและคนไร้บ้านโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ถวายมิสซาบูชาขอบพระคุณ พร้อมทรงขอร้องให้คริสตชนช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พระองค์เคยตรัสไว้เมื่อหลายปีก่อนว่า


“การจะรักคนอื่นเหมือนที่พระเยซูเจ้ารักและสอน เราต้องทำตามแบบอย่างของพระองค์ นั่นคือ เราต้องเดินบนหนทางของการกำจัดความเห็นแก่ตัวออกไปจากตัวเอง เมื่อกำจัดมันออกไปแล้ว เราก็ต้องออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เพราะความรักแบบคริสตชนคือความรักที่จับต้องได้ ไม่ใช่ความรักที่เลื่อนลอย
อย่างไรก็ตาม เราต้องระวังคนที่นำเสนอความรักที่หลุดไปจากหลักคำสอนเรื่องพระวจนาตถ์มารับสภาพมนุษย์(การออกจากความเห็นแก่ตัวและก้าวไปรับใช้เพื่อนมนุษย์) เพราะพวกเขากำลังสอนความรักที่ไม่ได้ยึดหลักในพระเจ้า พวกนี้เป็นมโนคติที่ตั้งอยู่บนความรักและนำการที่พระคริสตเจ้าทรงรับสภาพมนุษย์ออกไปจากพระศาสนจักร มโนคติเหล่านี้จะสอนให้เราพูดว่า ใช่ ฉันเป็นคาทอลิก ฉันรักโลกใบนี้ แต่มันดูเป็นคำพูดที่บอบเบามาก เพราะความรักแท้จริงต้องจับต้องได้ สัมผัสได้ และต้องไม่ก้าวออกจากหลักคำสอนเรื่องพระวจนาตถ์มารับสภาพมนุษย์ พ่อจึงขอเตือนว่า ใครก็ตามที่ไม่ต้องการรักคนอื่นเหมือนที่พระคริสตเจ้ารักพระศาสนจักรด้วยการรับใช้และอุทิศชีวิตเพื่อคนอื่น เขาก็เป็นแค่รักแบบมโนคติ ความรักแบบทฤษฎีเท่านั้น” (PopeReport)


ความรักและความเมตตานั้นเครื่องมือทันสมัยต่าง ๆ ก็ทำแทนไม่ได้ บางทีแค่เพียงวินาทีเดียวที่เรามีความรักที่ปราศจากความเห็นแก่ตัวนั้นสามารถช่วยผู้คนได้มากมาย ดังเช่นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันที่ 15 มกราคม​ 2009 เที่ยวบิน​ 1549 ของสายการบิน​ US Airway เครื่อง​ Airbus​ A320 มีผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด​ 155 คน​ บินจากสนามบินลากาเดียร์ในนิวยอร์ก​มุ่งหน้าไปเมืองชาร์ล็อตต์ในรัฐนอร์ธแคโรไลน่า​ โดยมีกัปตันซัลลี่ (Chesley) เป็นกัปตันผู้ควบคุมเครื่อง หลังขึ้นบินไปได้เพียง​ 3​ นาที​ ที่ความสูง​ 2800 ฟุต​ 1549​ ถูกฝูงนกพุ่งเข้าชนจนเครื่องยนต์​ทั้งสองเสียการทำงาน​ วินาทีนั้นกัปตันซัลลี่มีทางเลือกไม่มากนัก​ ทางแรกคือนำเครื่องวนกลับไปสนามบินลากาเดียร์ อีกทางคือไปลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินทีเทอร์โบโร่​ แต่สุดท้ายซัลลี่เลือกที่จะนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินกลางแม่น้ำฮัดสัน


ที่น่าเหลือเชื่อคือเขานำเครื่องลงจอดได้อย่างปลอดภัยกลางแม่น้ำ 155​ คน​ ไม่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่คนเดียว​ กัปตันซัลลี่ได้รับการยกย่องว่าเป็นฮีโร่​ แต่หลังจากนั้นไม่นานเหตุการณ์​พลิกกลับ กัปตันซัลลี่ถูก​ ntsb ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการรักษาความปลอดภัยในการขนส่งของสหรั​ฐอเมริกา​ตั้งข้อกล่าวหาว่าตัดสินใจผิดพลาดในการเลือกที่จะนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินกลางแม่น้ำ​ แทนที่จะนำเครื่องวนกลับไปสนามบิน ntsb​ ใช้เครื่องจำลองการบินทดสอบว่าจริง ๆ แล้ว​ซัลลี่สามารถนำเครื่องไปลงจอดที่สนามบินทั้งสองได้อย่างปลอดภัย จากฮีโร่ผู้ช่วยชีวิต​ 155​ คน​ กลายมาเป็นกัปตันที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา​ และถ้าซัลลี่ผิดจริงเขาจะต้องถูกยึดใบอนุญาต​ ถูกไล่ออกโดยที่ไม่ได้รับสวัสดิการใด ๆ เลย


แต่สุดท้ายกัปตันซัลลี่พ้นข้อกล่าวหา​ เขาแก้ต่างว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับเขาที่เอาคอมพิวเตอร์​หรือหุ่นยนต์​ปัญญา​ประดิษฐ์​ (AI) มาเทียบเคียง​ เพราะเขาเป็นมนุษย์​ เครื่องจำลองการบินนั้นหันเครื่องกลับทันทีหลังจากเครื่องยนต์​ถูกนกบินชนจนพัง​ เหมือนรู้ไว้ล่วงหน้า​ ถูกโปรแกรมไว้ก่อนแล้ว แต่ตัวเขาไม่ใช่​ เขาไม่รู้ล่วงหน้า​เหมือนเครื่องจำลองการบิน​ เขาเป็นมนุษ​ย์ เขาต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับสถานการณ์​ตรงหน้า​ เขาขอเวลา​ 30 วินาทีสำหรับความเป็นมนุษย์ของเขา​ หลังจากนั้น​ ntsb ใช้เครื่องจำลองการบินทำการทดสอบอีกครั้ง​ โดยหันเครื่องกลับสนามบิน​ 30​ วินาทีหลังจากเครื่องยนต์​ดับ​ และผลจากการทดสอบคือเครื่องบินไม่สามารถบินไปถึงสนามบินได้นี่คือ​ 30​ วินาทีแห่งความเป็นมนุษย์ที่ช่วยให้อีกหลายคนได้รอดชีวิต (cr.ฝันเฟื่องเรื่องบอลเด็ก)
เราล้วนมีความเป็นมนุษย์​ เราอาจทำผิดพลาด​ เรามีอารมณ์​ ความรู้สึกเพราะเราไม่ใช่หุ่นยนต์​เราเป็นมนุษ​ย์ถึงแม้ว่าวันนี้โลกเราร่ำรวยขึ้น แต่ก็ยังมีผู้คนที่เป็นมนุษย์เหมือนเรายากไร้อีกมากมาย ถึงแม้ว่าเราร่ำรวยทรัพย์สิน แล้วน้ำใจเล่า เราร่ำรวยเพิ่มขึ้นหรือไม่ ทุกวินาทีที่มีลมหายใจ นั่นคือ เรายังเป็นมนุษย์ที่มีหัวใจแห่งรักและเป็นลูกของพระเหมือน ๆ กัน ...

ไม่มีความคิดเห็น: