วินาทีแห่งความเป็นมนุษย์
ในทุกวันนี้เรากำลังถูกเครื่องมือสมัยใหม่เข้าครอบงำวิถีชีวิต
ทำอะไรก็ต้องมีตัวช่วย จนบางครั้งทำอะไรกันไม่เป็นเลย เราคิดถึงแต่ตัวเอง ไม่เหลียวแล
แต่เรียกร้อง ไม่ใส่ใจ แต่สะใจ ไม่มีเมตตา แต่มีอัตตา การเสด็จมาของสมเด็จพระสันตะปาปา
บิดาที่รักยิ่งของเราได้นำแบบอย่างมาให้ซึ่งสำคัญมากกว่าการได้เห็นพระองค์ได้สัมผัสพระองค์เสียอีก
ก่อนหน้าที่พระองค์จะเริ่มเดินทางเพียงวันเดียว (18 พ.ย.2019) พระองค์ทรงเลี้ยงอาหารกลางวันแก่คนยากจนและคนไร้บ้าน
1,500 คน ซึ่งเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2017 พระองค์ประกาศให้เป็นวันความยากจนโลก
อาหารดี ๆ ถูกนำมาเสิร์ฟในห้องประชุมขนาดใหญ่ของวาติกัน นอกจากนี้ยังมีอาสาสมัครจากองค์กรการกุศลต่าง
ๆ มาช่วยงานอีกด้วย ก่อนหน้านี้มีการตั้งคลินิกเคลื่อนที่ในบริเวณจัตุรัสมหาวิหารนักบุญเปโตร
เพื่อตรวจสุขภาพแก่คนยากจนและคนไร้บ้านโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
สมเด็จพระสันตะปาปา ถวายมิสซาบูชาขอบพระคุณ พร้อมทรงขอร้องให้คริสตชนช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
พระองค์เคยตรัสไว้เมื่อหลายปีก่อนว่า
“การจะรักคนอื่นเหมือนที่พระเยซูเจ้ารักและสอน
เราต้องทำตามแบบอย่างของพระองค์ นั่นคือ เราต้องเดินบนหนทางของการกำจัดความเห็นแก่ตัวออกไปจากตัวเอง
เมื่อกำจัดมันออกไปแล้ว เราก็ต้องออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เพราะความรักแบบคริสตชนคือความรักที่จับต้องได้
ไม่ใช่ความรักที่เลื่อนลอย
อย่างไรก็ตาม
เราต้องระวังคนที่นำเสนอความรักที่หลุดไปจากหลักคำสอนเรื่องพระวจนาตถ์มารับสภาพมนุษย์(การออกจากความเห็นแก่ตัวและก้าวไปรับใช้เพื่อนมนุษย์)
เพราะพวกเขากำลังสอนความรักที่ไม่ได้ยึดหลักในพระเจ้า
พวกนี้เป็นมโนคติที่ตั้งอยู่บนความรักและนำการที่พระคริสตเจ้าทรงรับสภาพมนุษย์ออกไปจากพระศาสนจักร
มโนคติเหล่านี้จะสอนให้เราพูดว่า “ใช่ ฉันเป็นคาทอลิก ฉันรักโลกใบนี้”
แต่มันดูเป็นคำพูดที่บอบเบามาก เพราะความรักแท้จริงต้องจับต้องได้ สัมผัสได้
และต้องไม่ก้าวออกจากหลักคำสอนเรื่องพระวจนาตถ์มารับสภาพมนุษย์ พ่อจึงขอเตือนว่า
ใครก็ตามที่ไม่ต้องการรักคนอื่นเหมือนที่พระคริสตเจ้ารักพระศาสนจักรด้วยการรับใช้และอุทิศชีวิตเพื่อคนอื่น
เขาก็เป็นแค่รักแบบมโนคติ ความรักแบบทฤษฎีเท่านั้น” (PopeReport)
ความรักและความเมตตานั้นเครื่องมือทันสมัยต่าง
ๆ ก็ทำแทนไม่ได้ บางทีแค่เพียงวินาทีเดียวที่เรามีความรักที่ปราศจากความเห็นแก่ตัวนั้นสามารถช่วยผู้คนได้มากมาย
ดังเช่นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันที่ 15 มกราคม 2009 เที่ยวบิน 1549
ของสายการบิน US
Airway เครื่อง Airbus A320 มีผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด
155 คน บินจากสนามบินลากาเดียร์ในนิวยอร์กมุ่งหน้าไปเมืองชาร์ล็อตต์ในรัฐนอร์ธแคโรไลน่า
โดยมีกัปตันซัลลี่ (Chesley) เป็นกัปตันผู้ควบคุมเครื่อง หลังขึ้นบินไปได้เพียง
3 นาที ที่ความสูง 2800 ฟุต 1549
ถูกฝูงนกพุ่งเข้าชนจนเครื่องยนต์ทั้งสองเสียการทำงาน วินาทีนั้นกัปตันซัลลี่มีทางเลือกไม่มากนัก
ทางแรกคือนำเครื่องวนกลับไปสนามบินลากาเดียร์
อีกทางคือไปลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินทีเทอร์โบโร่
แต่สุดท้ายซัลลี่เลือกที่จะนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินกลางแม่น้ำฮัดสัน
ที่น่าเหลือเชื่อคือเขานำเครื่องลงจอดได้อย่างปลอดภัยกลางแม่น้ำ 155 คน
ไม่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่คนเดียว กัปตันซัลลี่ได้รับการยกย่องว่าเป็นฮีโร่ แต่หลังจากนั้นไม่นานเหตุการณ์พลิกกลับ
กัปตันซัลลี่ถูก ntsb ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการรักษาความปลอดภัยในการขนส่งของสหรัฐอเมริกาตั้งข้อกล่าวหาว่าตัดสินใจผิดพลาดในการเลือกที่จะนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินกลางแม่น้ำ
แทนที่จะนำเครื่องวนกลับไปสนามบิน ntsb
ใช้เครื่องจำลองการบินทดสอบว่าจริง ๆ แล้วซัลลี่สามารถนำเครื่องไปลงจอดที่สนามบินทั้งสองได้อย่างปลอดภัย
จากฮีโร่ผู้ช่วยชีวิต 155 คน
กลายมาเป็นกัปตันที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา
และถ้าซัลลี่ผิดจริงเขาจะต้องถูกยึดใบอนุญาต ถูกไล่ออกโดยที่ไม่ได้รับสวัสดิการใด
ๆ เลย
แต่สุดท้ายกัปตันซัลลี่พ้นข้อกล่าวหา
เขาแก้ต่างว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับเขาที่เอาคอมพิวเตอร์หรือหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์
(AI) มาเทียบเคียง เพราะเขาเป็นมนุษย์ เครื่องจำลองการบินนั้นหันเครื่องกลับทันทีหลังจากเครื่องยนต์ถูกนกบินชนจนพัง
เหมือนรู้ไว้ล่วงหน้า ถูกโปรแกรมไว้ก่อนแล้ว แต่ตัวเขาไม่ใช่
เขาไม่รู้ล่วงหน้าเหมือนเครื่องจำลองการบิน เขาเป็นมนุษย์
เขาต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับสถานการณ์ตรงหน้า เขาขอเวลา 30
วินาทีสำหรับความเป็นมนุษย์ของเขา หลังจากนั้น ntsb ใช้เครื่องจำลองการบินทำการทดสอบอีกครั้ง
โดยหันเครื่องกลับสนามบิน 30
วินาทีหลังจากเครื่องยนต์ดับ
และผลจากการทดสอบคือเครื่องบินไม่สามารถบินไปถึงสนามบินได้นี่คือ 30 วินาทีแห่งความเป็นมนุษย์ที่ช่วยให้อีกหลายคนได้รอดชีวิต (cr.ฝันเฟื่องเรื่องบอลเด็ก)
เราล้วนมีความเป็นมนุษย์
เราอาจทำผิดพลาด เรามีอารมณ์ ความรู้สึกเพราะเราไม่ใช่หุ่นยนต์เราเป็นมนุษย์ถึงแม้ว่าวันนี้โลกเราร่ำรวยขึ้น
แต่ก็ยังมีผู้คนที่เป็นมนุษย์เหมือนเรายากไร้อีกมากมาย ถึงแม้ว่าเราร่ำรวยทรัพย์สิน
แล้วน้ำใจเล่า เราร่ำรวยเพิ่มขึ้นหรือไม่ ทุกวินาทีที่มีลมหายใจ นั่นคือ
เรายังเป็นมนุษย์ที่มีหัวใจแห่งรักและเป็นลูกของพระเหมือน ๆ กัน ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น