ย้อนแย้ง
มีความย้อนแย้งบางประเภท ที่เกิดขึ้นในวิถีชีวิตของบางคนจนกลายเป็นนิสัยติดตัว
เมื่อพบเห็นก็ได้แต่ทำใจและเรียนรู้ที่ต้องพยายามไม่กระทำในสิ่งเหล่านั้นในวันข้างหน้า
เพราะนั่นมันแสดงถึงความเห็นแก่ตัวออกมา หลังจากจบภารกิจ มีเวลาพอสมควรไม่ได้รีบร้อนไปไหน
จึงเดินมารอนั่งรถเมล์เพื่อเดินทางกลับบ้าน และเป็นไปดังที่คาดหมาย สาย ๆ ของวัน คนเริ่มเข้าที่เข้าทางทำกินกันหมดแล้ว
บนรถบริการสาธารณะจึงมีที่ว่างพอสมควร พอให้ได้นั่งสบาย ๆ พนักงานขับรถก็ทำตัวสบาย
ๆ ด้วย (เกินไปหรือเปล่าพี่) หลายป้ายควรจะจอดก็ไม่จอดรับผู้โดยสาร ที่บางคนยืนโบกให้จอดอย่างมีความหวัง
ความย้อนแย้งแรกเริ่มก่อให้เกิดคำถามขึ้นในใจ
เพราะในบางทีได้เห็นข่าวการไล่แย่งชิงผู้โดยสารกันถึงขั้นลงไม้ลงมือของบรรดารถเมล์ร่วมขนส่งบริการสาธารณะ
แต่นี่กลับปล่อยให้ผู้คนรอแล้วรอเล่า เท่านั้นยังไม่พอ ท่านผู้ขับรถเพื่อคนส่วนรวมพูดแก้ตัวว่า
“ก็ไม่โบกให้ชัดเจนใครจะรู้ว่าไปหรือไม่ไป” ครับท่าน
ป้ายทุกป้ายมีไว้ให้จอดให้เข้าท่านะครับ ขับต่อมาสักระยะหนึ่ง นึกจะจอดก็จอด ลงไปซื้อเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่ไม่ได้ช่วยบำรุงจิตใจให้ดีขึ้น
ปล่อยให้ผู้โดยสารนั่งรอนั่งมองด้วยความงวยงง จำยอมเพราะความจำเป็น
ไม่นานตำรวจจราจรขับรถมอเตอร์ไซต์มาไล่ คนขับคนเดิมเพิ่มเติมด้วยการบ่นว่า
“จอดนิดจอดหน่อยไม่เห็นจะเป็นไรเลย ปัดโธ่%*%#¥~%¥” เลยมาอีกเสี้ยววินาทีมด
รถแท็กซี่ชะลอเพื่อจะเลี้ยวเข้าซอย เสียงแตรก็ลั่นขึ้นทันทีพร้อมกับคำว่า “ขับรถยังไง
จอดไม่ดูคันหลังเลย” ย้อนแย้งกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นมาเสียเหลือเกิน
แล้วเราเคยเป็นแบบนี้หรือเปล่า??? เคยกระทำแบบนี้
เคยว่าคนอื่นในสิ่งที่ตัวเราก็เคยกระทำบ้างหรือเปล่า???
มีความย้อนแย้งบางชนิดที่ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยน จากที่เคยเคารพนับถือคนคนหนึ่ง จำต้องส่ายหน้าหนี
เพราะความย้อนแย้งในสิ่งที่เห็น ไม่ใช่สิ่งที่เคยได้ยินมา
มีบ่อยไปที่เรามักได้ยินว่าคนนั้นคนนี้เป็นคนดีบริบูรณ์ ทั้ง ๆ
ที่เราก็รู้ว่าโลกนี้หาคนดีบริบูรณ์นั้นไม่มี
แล้วเราก็นับถือเชื่อฟังหลงใหลได้ปลื้มกับสิ่งที่เสพผ่านมาทางคนนั้น ได้รับรู้ถึงอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่
ได้รับรู้ถึงความเสียสละ และอื่น ๆ อีกมากมาย
จนทำเราปรารถนาที่จะได้ร่วมงานร่วมเวลากับคนผู้นั้นแม้เพียงเสี้ยวนาทีก็ยังดี
และเมื่อถึงเวลานั้น ๆ จริง ความคาดหวังก็พังทลายลง เพราะได้สัมผัส
เพราะได้เห็นข้อเท็จจริงบางประการ บางคนมีอุดมการณ์เพียงปากป่าวประกาศ
บางคนมีความดีเพียงคำพูดที่สวยหรู แต่การปฏิบัติกลับตรงกันข้าม
หลายครั้งหลายหนพร่ำบอกผู้คนให้ทำเพื่อผู้อื่นเพียงเพื่อให้ตัวเองดูดี บอกให้คนอื่นให้ห่วงใยส่วนรวม
แต่บ่อยไปที่ตัวเองไม่ยอมรับความคิดของคนส่วนใหญ่ ในสังคมที่ต่างคนต่างคิดว่าตัวเองเก่ง
ตัวเองมีข้อมูลมากกว่าคนอื่น มีความรู้มากกว่าใคร ๆ ต่างก็เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง การรับฟังเสียงอื่น
ๆ ก็เพียงให้ผ่านไป ในความเป็นจริงสิ่งที่ต้องเกิด สิ่งที่ต้องมี ต้องมาจากความคิดเห็นของตัวเองผู้เดียว
เราเองก็เป็นแบบนี้ในบางครั้งบางเวลา เรามักมีอคติต่อคนอื่น
มักดูถูกหยามหมิ่นความคิดเห็นของผู้คนแบบไม่แสดงออก
แล้วเราก็เลือกที่จะทำตามอำเภอใจของเรา แล้วเราก็คิดว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุด
แต่สำหรับผู้ที่บรรลุภาวะในทางจิตวิญญาณมาบ้าง
ก็อาจจะนำสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มาไตร่ตรองก่อนนอน หรือในขณะที่มีเวลาว่าง เพื่อจะเห็นถึงภาวะของการแข็งข้อและย้อนแย้งของตัวเราเองได้
ยังมีความย้อนแย้งในชีวิตจริงอีกหลายประการที่ทำให้เรานั้นไขว้เขวไป ทำให้เสียหลักไป แต่หากว่าเรามีจิตใจที่มุ่งมั่น
ยึดถือองค์พระคริสต์เป็นศูนย์กลาง
เราก็รู้ว่าสิ่งที่เรากระทำไปนั้นต้องทำด้วยความรัก ความเข้าใจผู้คนหรือไม่
เราต้องไม่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง เพราะหาไม่แล้วเราจะกลายเป็นศูนย์ถ่วงให้กับคนรอบข้างในทันที
อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง เพราะชีวิตเราเกิดมาไม่ได้มีเพื่อตัวเอง ชีวิตที่เป็นสุขคือชีวิตเพื่อผู้อื่น
หากชีวิตมีแต่ความย้อนแย้งไม่ช้าไม่นานเราก็จะถูกย้อนศรด้วยความโดดเดี่ยวในคุกแห่งทุกข์ตลอดไป
ชีวิตเกิดมาใช่หาทุกข์ใส่ตัว มีแต่สุขใจเท่านั้นคือจุดหมายแห่งสันติสุขในชีวิตนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น