วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ย้อนแย้ง


ย้อนแย้ง


            มีความย้อนแย้งบางประเภท ที่เกิดขึ้นในวิถีชีวิตของบางคนจนกลายเป็นนิสัยติดตัว เมื่อพบเห็นก็ได้แต่ทำใจและเรียนรู้ที่ต้องพยายามไม่กระทำในสิ่งเหล่านั้นในวันข้างหน้า เพราะนั่นมันแสดงถึงความเห็นแก่ตัวออกมา หลังจากจบภารกิจ มีเวลาพอสมควรไม่ได้รีบร้อนไปไหน จึงเดินมารอนั่งรถเมล์เพื่อเดินทางกลับบ้าน และเป็นไปดังที่คาดหมาย สาย ๆ ของวัน คนเริ่มเข้าที่เข้าทางทำกินกันหมดแล้ว บนรถบริการสาธารณะจึงมีที่ว่างพอสมควร พอให้ได้นั่งสบาย ๆ พนักงานขับรถก็ทำตัวสบาย ๆ ด้วย (เกินไปหรือเปล่าพี่) หลายป้ายควรจะจอดก็ไม่จอดรับผู้โดยสาร ที่บางคนยืนโบกให้จอดอย่างมีความหวัง ความย้อนแย้งแรกเริ่มก่อให้เกิดคำถามขึ้นในใจ เพราะในบางทีได้เห็นข่าวการไล่แย่งชิงผู้โดยสารกันถึงขั้นลงไม้ลงมือของบรรดารถเมล์ร่วมขนส่งบริการสาธารณะ แต่นี่กลับปล่อยให้ผู้คนรอแล้วรอเล่า เท่านั้นยังไม่พอ ท่านผู้ขับรถเพื่อคนส่วนรวมพูดแก้ตัวว่า “ก็ไม่โบกให้ชัดเจนใครจะรู้ว่าไปหรือไม่ไป” ครับท่าน ป้ายทุกป้ายมีไว้ให้จอดให้เข้าท่านะครับ ขับต่อมาสักระยะหนึ่ง นึกจะจอดก็จอด ลงไปซื้อเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่ไม่ได้ช่วยบำรุงจิตใจให้ดีขึ้น ปล่อยให้ผู้โดยสารนั่งรอนั่งมองด้วยความงวยงง จำยอมเพราะความจำเป็น ไม่นานตำรวจจราจรขับรถมอเตอร์ไซต์มาไล่ คนขับคนเดิมเพิ่มเติมด้วยการบ่นว่า “จอดนิดจอดหน่อยไม่เห็นจะเป็นไรเลย ปัดโธ่%*%#¥~%¥” เลยมาอีกเสี้ยววินาทีมด รถแท็กซี่ชะลอเพื่อจะเลี้ยวเข้าซอย เสียงแตรก็ลั่นขึ้นทันทีพร้อมกับคำว่า “ขับรถยังไง จอดไม่ดูคันหลังเลย” ย้อนแย้งกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นมาเสียเหลือเกิน แล้วเราเคยเป็นแบบนี้หรือเปล่า??? เคยกระทำแบบนี้ เคยว่าคนอื่นในสิ่งที่ตัวเราก็เคยกระทำบ้างหรือเปล่า???

            มีความย้อนแย้งบางชนิดที่ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยน จากที่เคยเคารพนับถือคนคนหนึ่ง จำต้องส่ายหน้าหนี เพราะความย้อนแย้งในสิ่งที่เห็น ไม่ใช่สิ่งที่เคยได้ยินมา มีบ่อยไปที่เรามักได้ยินว่าคนนั้นคนนี้เป็นคนดีบริบูรณ์ ทั้ง ๆ ที่เราก็รู้ว่าโลกนี้หาคนดีบริบูรณ์นั้นไม่มี แล้วเราก็นับถือเชื่อฟังหลงใหลได้ปลื้มกับสิ่งที่เสพผ่านมาทางคนนั้น ได้รับรู้ถึงอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ ได้รับรู้ถึงความเสียสละ และอื่น ๆ อีกมากมาย จนทำเราปรารถนาที่จะได้ร่วมงานร่วมเวลากับคนผู้นั้นแม้เพียงเสี้ยวนาทีก็ยังดี และเมื่อถึงเวลานั้น ๆ จริง ความคาดหวังก็พังทลายลง เพราะได้สัมผัส เพราะได้เห็นข้อเท็จจริงบางประการ บางคนมีอุดมการณ์เพียงปากป่าวประกาศ บางคนมีความดีเพียงคำพูดที่สวยหรู แต่การปฏิบัติกลับตรงกันข้าม หลายครั้งหลายหนพร่ำบอกผู้คนให้ทำเพื่อผู้อื่นเพียงเพื่อให้ตัวเองดูดี บอกให้คนอื่นให้ห่วงใยส่วนรวม แต่บ่อยไปที่ตัวเองไม่ยอมรับความคิดของคนส่วนใหญ่ ในสังคมที่ต่างคนต่างคิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองมีข้อมูลมากกว่าคนอื่น มีความรู้มากกว่าใคร ๆ ต่างก็เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง การรับฟังเสียงอื่น ๆ ก็เพียงให้ผ่านไป ในความเป็นจริงสิ่งที่ต้องเกิด สิ่งที่ต้องมี ต้องมาจากความคิดเห็นของตัวเองผู้เดียว เราเองก็เป็นแบบนี้ในบางครั้งบางเวลา เรามักมีอคติต่อคนอื่น มักดูถูกหยามหมิ่นความคิดเห็นของผู้คนแบบไม่แสดงออก แล้วเราก็เลือกที่จะทำตามอำเภอใจของเรา แล้วเราก็คิดว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุด แต่สำหรับผู้ที่บรรลุภาวะในทางจิตวิญญาณมาบ้าง ก็อาจจะนำสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มาไตร่ตรองก่อนนอน หรือในขณะที่มีเวลาว่าง เพื่อจะเห็นถึงภาวะของการแข็งข้อและย้อนแย้งของตัวเราเองได้
           

             ความย้อนแย้งอีกประเภทหนึ่งซึ่งพบเห็นกันเป็นประจำ จากผู้ใหญ่กว่า จากผู้ปกครอง ที่มักสั่งหรือสอนคนภายใต้การปกครอง ลูกหลาน ว่าไม่ให้ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ อย่าทำแบบนั้นแบบนี้ แต่แล้วมาวันหนึ่งเราผู้เป็นผู้ใหญ่เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองกลับมาทำในสิ่งที่เคยห้ามเคยเตือนไว้ แล้วก็มีเหตุผลรับรองนานาประการ มีข้ออ้างถึงความจำเป็น และที่ทำไปนั้นเป็นข้อยกเว้นในบางกรณี ซึ่งบางทีก็ทำให้เด็กสับสน ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ลูกจ้างคนงานเกิดความอีหลักอีเหลื่อ ต้องเผื่อใจในคำสั่งครั้งต่อไป เพราะความย้อนแย้งในชีวิตผู้นำแบบนี้ ทำให้การเป็นแบบฉบับต้องชะงักลง ในสังคมแห่งการทำงานการดิ้นรนเอาตัวรอด การย้อนแย้งอาจจะกลายเป็นอาวุธที่ย้อนมาทำลายตัวเราเองได้ ทำลายชื่อเสียงของเราอย่างไม่ทันตั้งตัวมาก่อนก็เป็นไปได้ อาจจะทำให้เสียการปกครองและความน่าเชื่อถือ เราเองจึงจำต้องระมัดระวังฟังเสียงคนรอบข้างให้บ่อย นิ่งให้เป็น ขอโทษในสิ่งที่อาจจะพลาดพลั้งในคำสั่งสอน อย่าแก้ตัวแต่ต้องแก้ไขในสิ่งผิดพลาดไป การย้อนแย้งมีขึ้นได้เสมอและมักถูกลบเลือนจางหายไปด้วยคำขอโทษ
            ยังมีความย้อนแย้งในชีวิตจริงอีกหลายประการที่ทำให้เรานั้นไขว้เขวไป ทำให้เสียหลักไป แต่หากว่าเรามีจิตใจที่มุ่งมั่น ยึดถือองค์พระคริสต์เป็นศูนย์กลาง เราก็รู้ว่าสิ่งที่เรากระทำไปนั้นต้องทำด้วยความรัก ความเข้าใจผู้คนหรือไม่ เราต้องไม่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง เพราะหาไม่แล้วเราจะกลายเป็นศูนย์ถ่วงให้กับคนรอบข้างในทันที อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง เพราะชีวิตเราเกิดมาไม่ได้มีเพื่อตัวเอง ชีวิตที่เป็นสุขคือชีวิตเพื่อผู้อื่น หากชีวิตมีแต่ความย้อนแย้งไม่ช้าไม่นานเราก็จะถูกย้อนศรด้วยความโดดเดี่ยวในคุกแห่งทุกข์ตลอดไป ชีวิตเกิดมาใช่หาทุกข์ใส่ตัว มีแต่สุขใจเท่านั้นคือจุดหมายแห่งสันติสุขในชีวิตนี้

ไม่มีความคิดเห็น: