เมตตาพาดับร้อน
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น
อากาศร้อนถึงขั้นเผาผลาญความสุขของคนไทยให้ละลายหายไป ใครที่อยู่กลางแดดนาน ๆ
ได้ ผิวหนังคงไหม้เกรียม กลายเป็นคนแก่แดดไปโดยปริยาย
อากาศร้อนแรงนำพามาซึ่งความร้อนร้ายของอารมณ์ผู้คน
เราหงุดหงิดฉุนเฉียวกันง่ายขึ้น ความอดทนน้อยลง ยิ่งในวันนี้ที่สังคมมีแต่ความสับสนวุ่นวาย เอารัดเอาเปรียบ และชิงดีชิงเด่น เอาชนะคะคานกันให้ได้ดังใจ คิดถึงแต่ความเก่งของตัวเอง
คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล พระอาทิตย์เลยหมั่นไส้ แสดงตนให้โลกรู้ว่า
แท้จริงแล้วไม่มีใครยิ่งใหญ่เกินธรรมชาติไปได้หรอก หยุดความหยิ่งยโส
หยุดความอวดโอ้โม้ความรู้ความเป็นเลิศกันเสียที มาสร้างความเห็นอกเห็นใจ ให้โอกาสและให้อภัย เพื่อสร้างสังคมให้ร่มเย็นสู้กับอากาศที่ร้อนแรง
เหมือนเมื่อครั้งหนึ่งที่โลกนี้ได้จารึกเรื่องราวดีงามในนามของความเมตตาเอาไว้
ผู้กำกับชาวบราซิลชื่อดัง
“Walter Salles” กำลังค้นหาตัวนักแสดงที่เหมาะสมสำหรับภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขา “Central
do Brasil” มีผู้มาให้คัดตัวมากมาย แต่ก็ยังไม่ถูกใจเขา วันหนึ่งระหว่างออกไปทำธุระ
ผ่านสถานีรถไฟ มีเด็กผู้ชายวิ่งมาถามเขาว่า “ขัดรองเท้าไหมครับท่าน” เขามองดูรองเท้าตัวเอง
ซึ่งก็เพิ่งขัดมาไม่นาน จึงตอบปฏิเสธไป
แต่เด็กน้อยก็เดินตามเขาไป พร้อมพูดกับเขาด้วยแววตาวิงวอนว่า “วันนี้ทั้งวันยังไม่มีเม็ดข้าวตกถึงท้องเลย
อยากขอยืมเงินไปซื้อข้าวกินหน่อย
ผมสัญญาว่าจะจ่ายเงินคืนให้ภายในหนึ่งอาทิตย์ครับ” เขาเห็นว่ามันเป็นเงินเล็กน้อย
และเหตุการณ์เด็กเร่ร่อนมาขอเงินก็เกิดขึ้นบ่อย ๆ
เขาจึงควักเงินให้เด็กน้อยไป
เวลาผ่านไปครึ่งเดือน
เขาลืมเรื่องนี้ไปหมดสิ้นแล้ว
วันนั้นเขาก็ผ่านมาใช้สถานีรถไฟนั้นอีกครั้ง
มีเด็กคนหนึ่งวิ่งมาหาเขาแต่ไกลพร้อมตะโกนว่า “คุณครับ
รอแป๊ปนึง” เมื่อเด็กน้อยวิ่งมาใกล้แล้ว
เขาจึงจำหน้าเด็กที่เคยมาขอเงินคนนั้นได้
เด็กน้อยพูดอย่างกระหืดกระหอบว่า “คุณครับ ผมมารอคุณตั้งหลายวันแล้ว
ขอบคุณที่ให้เงินผมยืมครับ”
พร้อมยื่นเงินเหรียญหลายเหรียญคืนใส่มือของเขา เขามองดูเหรียญในมือ
บังเกิดความรู้สึกดี ๆ กับเด็กน้อยคนนี้
ผู้กำกับก้มมองดูหน้าเด็กน้อยอย่างพินิจพิเคราะห์
เกิดความรู้สึกว่า เด็กคนนี้ช่างเหมาะกับบุคลิก “เด็กน้อย” ในภาพยนตร์ของตนที่กำลังค้นหานักแสดงอยู่
เขาพูดกับเด็กน้อยด้วยรอยยิ้มว่า “พรุ่งนี้หนูลองมาทดสอบหน้ากล้องที่บริษัทหน่อย
อาจทำให้หนูมีโอกาสได้ดีใจครั้งใหญ่ในชีวิต”
รุ่งขึ้นตอนเช้า
พนักงานขึ้นมารายงานผู้กำกับว่า มีเด็กกลุ่มใหญ่มารออยู่หน้าประตูบริษัท
เขาออกไปดูเหตุการณ์ ก็พบเด็กน้อยวิ่งมาหาเขาด้วยความตื่นเต้นพร้อมพูดกับเขาว่า
“คุณครับ เด็กเหล่านี้ก็เป็นเด็กเร่ร่อนเหมือนผมที่ไม่มีพ่อแม่
ผมอยากขอให้พวกเขามีโอกาสได้ดีใจแบบเดียวกับผมบ้าง เลยชวนมาทั้งหมด
อยากขอโอกาสให้พวกเขาทุกคนด้วยครับ”
ผู้กำกับรู้สึกตื้นตันในน้ำใจของเด็กคนนี้ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า
จะได้เจอเด็กเร่ร่อนที่มีจิตใจเมตตาปราณีได้ดีงามถึงเพียงนี้
ในเมื่อพวกเขาก็มาพร้อมกันอยู่ที่นี่แล้ว
เขาจึงสั่งให้ลูกน้องจัดการทดสอบหน้ากล้องพร้อมทดสอบการแสดงออกของเด็กทั้งกลุ่ม
ในที่สุด เด็กหลายคนถูกคัดเลือกออกมา
พวกเขาดูมีความพร้อมและเหมาะสมกว่าเด็กน้อยคนนั้นของผู้กำกับเสียอีก
แต่สุดท้าย
ผู้กำกับก็ตัดสินใจเลือกเด็กน้อยคนเดิมไว้ เขาบรรจงเขียนข้อคิดเห็นบนข้อมูลเด็กน้อยคนนั้นว่า
“ความเมตตา ไม่ต้องผ่านการทดสอบ” เด็กน้อยที่มีอายุแค่ประมาณสิบขวบ
แม้ชีวิตจะอยู่ในภาวะขัดสน แต่กลับยอมนำเอาโอกาสดี ๆ
ของตนมาแบ่งปันกับเพื่อน ๆ นี่ช่างเป็นความเมตตาที่งดงามและยิ่งใหญ่จากมนุษย์ตัวน้อย
ๆ คนนี้ เขาแน่ใจว่า เด็กน้อยคนนี้แค่ใช้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเองแสดงออกมา
แค่นั้นก็เพียงพอโดยไม่ต้องมีการปรุงแต่งใด ๆ ทั้งสิ้น
แล้วเด็กน้อยก็สามารถตีบทแตกอย่างสุดยอดในบทบาทที่น่าประทับใจที่สุด
จากบทบาทในภาพยนตร์เรื่องนี้ส่งผลให้
Viniclus de Oliveira กลายเป็นดาราดังชั่วข้ามคืน ภาพยนตร์ได้กวาดรางวัลจากสถาบันต่าง ๆ ทั่วโลกรวม
36 รางวัล (1998-99) มีแต่เสียงชื่นชมจากทั้งผู้ชมและนักวิจารณ์
เด็กน้อยกลายเป็นนักแสดงที่ดังเป็นพลุแตกในชั่วข้ามคืน
และสามารถกลายเป็นนักแสดงยอดนิยมของประเทศบราซิล กลายเป็นนักแสดงระดับแนวหน้า
และยังเป็นประธานบริษัทในวงการภาพยนตร์ (Cr.
ขจรศักดิ์)
คนที่มีใจเมตตาปราณี
มักจะมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิตเสมอ อย่ามัวแต่เรียกร้องโหยหาความสุข
แต่ต้องนำพาความเมตตาออกมาจากชีวิต เพื่อให้ชีวิตผู้คนที่ผ่านพบได้พบกับความร่มเย็นเป็นสุข
พระเมตตาจะยิ่งใหญ่เมื่อมีผู้นำไปทำให้เกิดผล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น