เหมือนโดนทำร้าย
ได้รับหนังสือเกี่ยวกับงานแพร่ธรรมของมิชชันนารี ชื่อว่า 2019: ติดตามพระเจ้า เรียบเรียงโดย ราฟาแอล
จากคุณพ่อวีรยุทธ (พ่อแบงค์)
ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญที่ช่วงนี้กำลังอ่านและศึกษาความเป็นมาเป็นไปของมิสซังสยาม
เพื่อนำไปแบ่งปันให้กับเด็ก ๆ เพื่อย่อและย่อย ให้เกิดความเข้าใจในภารกิจงานแพร่ธรรมสมัยเริ่มแรกในเมืองสยามหรือในสมัยอยุธยา
ยิ่งพอได้ศึกษายิ่งเห็นถึงความยากลำบากของบรรดาพระสังฆราช คุณพ่อ
ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาตายเอาดาบหน้า
ครั้นเมื่อได้ตั้งเป็นหลักเป็นแหล่งก็มีอันที่จะต้องพบเจอปัญหา พบเจอความไม่เข้าใจ
พบเจอความระแวงสงสัยว่าจะไปเกี่ยวข้องกับการเมือง เกี่ยวข้องกับการล่าเมืองขึ้นของพวกยุโรป
นำไปสู่ความยากลำบากถึงขั้นต้องสุ่มเสี่ยง ต้องเอาชีวิตเข้าแลกในหลาย ๆ สมัย ตลอดเวลา
350 ปีเลยทีเดียว คำถามหนึ่งเกิดขึ้น???
แล้วพวกท่านเหล่านั้นยังทำไมเดินหน้าทำงานสานภารกิจแห่งการประกาศข่าวดีต่อไปอย่างไม่เคยหยุดหย่อน
หรือท้อถอยกลับไป??? เป็นเพราะความรักความเมตตาในหัวใจแห่งพระคริสต์ที่สถิตอยู่กับพวกท่านอย่างแน่นนอน
ยามเมื่อได้เห็นคนเจ็บป่วย จากโรคระบาด เมื่อเห็นความตกทุกข์ได้ยากจากภัยสงคราม
มีหรือที่จะไม่ยอมยื่นมือไปช่วยเหลือ
แม้รู้ว่าในบางครั้งบางกรณีต้องถูกทำร้ายในภายหลัง
ใช่หรือไม่ หลายครั้งหลายหนในชีวิตเราก็ต้องประสบพบเจอกับเหตุการณ์ในทำนองนี้
ทำดีต่อใครบางคนไม่ขึ้น เราทำดีด้วยความปรารถนาดีแต่แล้วถูกย้อนกลับอย่างไร้ความภักดี
มีหลายคนถึงขั้นอับจนทำให้หนทางเดินเกือบเสียศูนย์
บางคนต้องกล้ำกลืนฝืนทำไปเพราะจำยอม ยอมเพราะด้วยตำแหน่งหน้าที่ที่ต่ำกว่า ยอมเพราะยศถาบรรดาศักดิ์มันค้ำยัน
หรือยอมเพราะมีหัวใจที่ภักดีและยึดถือในการกระทำดีของตนเอง
แม้กระทั้งยอมเพราะเข้าใจในสัจธรรมในความเป็นมาเป็นไปของสรรพสิ่งสร้าง
ถึงแม้ว่าชีวิตจะโดนทำร้าย อาจจะมีบางเวลาที่ทนแทบไม่ไหว
อาจจะมีบางช่วงหมดสิ้นศรัทธาจากหัวใจ เหล่านี้ล้วนแต่มาจากความอ่อนแอของจิตใจเรา
หรือในความเป็นปุถุชน ความเป็นคนที่ต้องรู้จักที่จะปกป้องตัวเอง แต่ท้ายที่สุดแล้ว
เราต้องยอมรับในความเป็นลูกพระ ในความแตกต่างของกันและกัน
และคิดเสียว่านี่เป็นหนทางการสร้างกุศลในพสุธา
ชายคนหนึ่งบังเอิญไปเจอเหตุการณ์ที่งูตัวหนึ่งกำลังจะถูกไฟคลอกและจะต้องตายในที่สุด
เขาจึงตัดสินใจที่จะช่วยชีวิตเจ้างูตัวนี้ออกจากกองไฟที่กำลังจะลุกคลอกงูตัวนั้น
ในขณะที่เขากำลังจับลำตัวงูเพื่อนำมันออกจากกองไฟนั้น
เจ้างูตัวนั้นกลับแว้งฉกเข้าที่แขนของเขา
และพิษของเจ้างูนั้นสร้างความเจ็บปวดให้กับชายผู้นี้จนต้องโยนเจ้างูตัวนี้หล่นกลับเข้าไปอยู่ในกองไฟเช่นเดิม
แต่เขาก็ไม่ได้ลดละในการช่วยชีวิตเจ้างูตัวนี้
โดยชายผู้นี้ได้เหลือบไปเห็นท่อโลหะ
เลยใช้ท่อโลหะนั้นช่วยเหลือนำเจ้างูตัวนั้นออกจากกองไฟได้เป็นผลสำเร็จ
คนที่เห็นเหตุการณ์ที่ชายผู้นี้ช่วยเหลือชีวิตเจ้างูที่กำลังจะถูกไฟคลอกตาย
ได้ถามชายผู้นี้ว่า
“งูตัวนั้นมันฉกกัดคุณ แล้วทำไมคุณยังคิดที่จะช่วยชีวิตมันอีกหละ”
ชายผู้ช่วยชีวิตงูตอบกลับว่า “ธรรมชาติของงูนั้นจะต้องแว้งฉกกัด
เมื่อรู้สึกว่าตัวมันเองกำลังจะมีอันตรายจากสิ่งที่มันคิดว่าเป็นศัตรู
แต่สิ่งที่งูทำนั้น
มันไม่สามารถเปลี่ยนธรรมชาติของผมที่เป็นคนมีจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาและกรุณา
(รักและสงสาร) และต้องการช่วยเหลือให้มันพ้นทุกข์ได้หรอกครับ”
ในบางทีเราช่วยเหลือผู้คนเพราะต้องการเห็นความดีที่จะบังเกิดผลตามมา
จากการได้ช่วยเหลือนั้น โดยไม่ต้องการผลตอบแทนอย่างเป็นรูปธรรม
ถ้าเรามีนิสัยเป็นคนเช่นนี้
ก็อย่าได้คิดที่จะเปลี่ยนธรรมชาติความเป็นตัวตนของเราเลย
หรือคิดเปลี่ยนเพียงเพราะว่าใครบางคนมาทำร้ายเราด้วยความไร้น้ำจิตน้ำใจ
ไร้ความปราณีต่อเรา
ก็อย่าได้สูญเสียความเป็นผู้มีจิตใจดีที่เต็มเปี่ยมด้วยความเมตตา แต่ต้องเรียนรู้ที่จะระวังป้องกันภัยจากทุกสรรพสิ่งที่เราจะเข้าไปช่วยเหลือ
ใครร้ายมาไม่จำเป็นต้องร้ายตอบ
เพราะนี่ไม่ใช่ธรรมชาติตัวตนของศิษย์พระคริสต์ที่ต้องตระหนักเสมอว่า “พระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ ให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน ทรงส่งข้าพเจ้าไปประกาศการปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจำ คืนสายตาให้แก่คนตาบอด ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า”
ในวาระ 350 ปีแห่งหยาดเหงื่อและโลหิตของบรรดามิชชันนารี
เราจะต้องทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทนได้บ้าง เราต้องไม่ทำร้ายความเชื่อที่พวกท่านปลูกฝังไว้
เราต้องไม่สร้างรอยช้ำในใจให้แก่กันและกัน
ต้องเป็นประจักษ์พยานยืนยันตัวตนคนกระทำดี
นี่จึงเป็นสิ่งที่ได้ร่วมสานต่อความรักแห่งพระคริสต์
เราต้องให้ทุกคนรู้และเห็นถึงความเป็นคริสตชนนั้นต้องไม่ทำร้ายใคร
ต้องพร้อมช่วยเหลือในทุกกรณี ต้องมีใจรักและเมตตาต่อกัน ต้องอ่อนน้อมยอมรับฟังคนอื่นอย่ายืนในจุดที่เราคิดว่าเราเก่งเราถูกต้องเสมอไป
หากเราไม่คิดทำร้ายใคร ผู้ใดจะมาทำร้ายเราก็ไม่เป็นผล
ไม่ใช่เรื่องยากลำบากที่จะร่วมกันเฉลิมฉลองปีแห่งความเชื่อ 350
ปีมิสซังสยามนี้ด้วยกิจการที่เป็นรูปธรรมที่ต้องปรากฏในทุกวันเวลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น