วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

สุขในทุกข์


สุขในทุกข์
ณ สถานีรถไฟเมืองซัปโปโร เวลาประมาณห้าโมงเย็น ผู้คนกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาเป็นระลอก ๆ ต่างมุ่งไปยังเส้นทางเป้าหมายของตน ที่มีหลากหลายเส้นทาง ทุกคนกำลังไปในที่ ๆ ของตน มีบ้างบางคนอาจจะไปยังอีกที่หนึ่งเพื่อทำธุระปะปัง ต่างมุ่งสู่วิถีทางแห่งตนหลังเลิกจากการงาน ที่อาจจะมีทั้งทุกข์สุขปะปนกัน ยิ่งในวันที่หิมะตกหนัก การสัญจรลำบาก ดูเหมือนมีแต่ความทุกข์ แต่หลายคนก็อาจกำลังมีความสุขอยู่ก็ได้ เพราะในทุกความทุกข์ย่อมปรากฏร่องรอยแห่งความสุขได้เสมอ เคยได้ยินมาว่า “ความทุกข์สร้างสิ่งมหัศจรรย์ ชีวิตที่พบความทุกข์ เป็นชีวิตที่แท้ ไม่มีความทุกข์ก็ไม่มีการเติบโต ความทุกข์เป็นพลังขับเคลื่อนให้หลายอย่างเกิด ถ้าความทุกข์ไม่เข้ามาหา ก็จะไม่รู้ว่า ความสุขที่แท้เป็นอย่างไร ไม่มีความทุกข์ ก็ไม่รู้จักความสุข เพราะความทุกข์พิสูจน์ความเป็นคนอ่อนแอ หรือเข้มแข็ง”


ในวันนี้วันที่สังคมโลกเต็มล้นไปด้วยการ “พ่ายแพ้” ไม่เป็น เห็นคนอื่นมีความสุขมากกว่าตัวเองไม่ได้ เราจึงเห็นกลเกมที่ใช้เชือดเฉือนกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำทุกอย่างให้ได้ดังใจหมาย ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกลด้วยคาถา ด้วยวิธีการอันแยบยล ไม่ยอมรับต่อความคิดเห็นต่างของส่วนรวม หรือบางคนแค่แกล้งยอมรับแล้วหาทางที่จะทำให้ได้อย่างที่คิดด้วยกลวิธี เราเห็นคนประเภทนี้มากขึ้นเรื่อย ๆหลายคนยิ้มเยาะเพราะได้ทำอย่างที่ตัวเองคิดอย่างที่ตัวเองต้องการได้โดยไม่สนใจเลยว่าคนส่วนใหญ่เขาคิดอย่างไร นี่คือความสุขหรือ นี่คือชัยชนะหรือ นี่คือความรักหรือ ??? ใช่หรือไม่ ความสุขมวลรวมของสังคมวันนี้มีค่าติดลบ เพราะความพยายามที่เราทุกคนต่างมุ่งหวังจะเป็นผู้ชนะเหนือผู้อื่น หวังจะครอบครองผู้อื่นด้วยสร้างมโนทัศน์ของเราเข้าครอบงำ หวังสร้างสุขตัวตนบนความทุกข์และความขัดข้องใจของผู้คน ถ้าใจคนเราไม่นิ่งเพียงพอต่อให้นั่งในวิหารอันศักดิ์สิทธิ์เราก็ไม่พบกับคำว่าสันติสุขที่แท้จริง มีตัวอย่างเล็ก ๆ ที่สามารถสร้างความสุขมวลรวมได้แบบไม่ยากนัก
ณ บริษัทธรรมดาๆ แห่งหนึ่ง วันหนึ่ง หัวหน้าแผนกก็ประกาศกฎออกมาให้ทุกวันอังคาร และศุกร์ ทุกคนต้องมาทานข้าวร่วมกันโดยนำกับข้าวมาคนละหนึ่งอย่าง ทุกคนในแผนกต่างตกใจและสงสัยเป็นอย่างมาก ต่างคนต่างรู้สึกว่ามันวุ่นวายและน่ารำคาญ 
“ฉันไม่สนิทกับคนนั้นเลย จะกินข้าวร่วมโต๊ะกันได้เหรอ?” “ทำกับข้าวไม่เป็น จะเอาที่ไหนมาแบ่งล่ะ?” “หัวหน้าหางานให้อีกละ ต้องมานั่งล้างจานกันอีก” “ฉันแทบไม่เคยคุยกับหัวหน้าเลยนั่งด้วยกันเกร็งตายเลย” เหตุผลมากมายหลุดออกมา
และแล้วเที่ยงวันอังคารก็มาถึง ผู้ชายในออฟฟิตก็ช่วยกันยกโต๊ะมาต่อกัน ส่วนพวกผู้หญิงจัดเตรียมกับข้าวใส่จาน บนโต๊ะมีกับข้าวต่าง ๆ มากมาย ทั้งน้ำพริกปลาทู ยำวุ้นเส้น พะแนงไก่ ผัดผัก ไก่ทอด ไข่ต้ม ฯลฯ และเมื่อกับข้าววางบนโต๊ะ ทุกอย่างดูละลานตาน่ากินไปหมด ทุกคนก็ไม่รอช้ารีบลงมือทันที 
“น้ำพริกปลาทูของใครครับ อร่อยมากเลย” “ของคนนั้น คนที่แกไม่สนิทด้วย” “อ้าวหรอ เออ เขาทำอร่อยเนอะ เธอๆ น้ำพริกอร่อยมากเลย ทำมาบ่อย ๆ นะ” “ขอบคุณค่ะ ไว้จะทำมาให้กินอีกนะคะ” “ไก่ทอดน้ำจิ้มรสเริ่ดมาก ร้านไหนเนี้ย” “ร้านซอยตรงข้ามนี่เอง” “วันหลังพาไปซื้อมั้งดิ” “ได้ค่ะจัดไป” “หัวหน้าชอบทานพะแนงเหรอคะ เหมือนฉันเลยค่ะ” “จริงหรอ ผมชอบมากเลย ชามนี้อร่อยมากเลย ของคุณรึเปล่า” “ของผมเองครับ ภรรยาผมทำให้” “โฮวววววววว” “มีคนอวดเมีย”ฮ่า ๆๆๆๆ

ภาพ : อินเตอร์เน็ค

บทสนทนามากมายเรื่องอาหารหลั่งไหลเข้ามากันไม่ขาดสาย เสียงหัวเราะดังตลอดการสนทนา ตอนล้างจานพวกสาว ๆ ก็เม้าส์มอยกันเรื่องเครื่องสำอางตัวใหม่ ส่วนหนุ่ม ๆ พูดคุยกันเรื่องผลบอลเมื่อคืน แล้วการกินอาหารร่วมกันครั้งต่อไปก็กลายเป็นวันที่รอคอยของทุกคน แต่ละสัปดาห์ผ่านไป มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนเริ่มสังเกตเห็นบนโต๊ะอาหาร  ทุก ๆ มื้ออาหารจะมี “ไข่ต้ม” เป็นหนึ่งในกับข้าวด้วยเสมอ และเมื่อทุกคนเริ่มหาที่มาของไข่ต้ม ก็พบว่า ทุกวันคนที่นำไข่ต้มมาร่วมโต๊ะอาหารคือพี่คนหนึ่งที่กำลังมีปัญหาเรื่องการเงิน ทำให้เขาไม่มีเงินกินอะไรนอกจากไข่ต้ม ถึงตรงนี้เองทุกคนก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมหัวหน้าของพวกเราถึงคิดนโยบายเรื่องการกินข้าวร่วมกันทุกสัปดาห์ออกมา เพราะอยากให้พี่คนนี้ได้กินอะไรนอกจาก “ไข่ต้ม” โดยไม่รู้สึกอายนั้นเอง ต่อจากนั้นทุกคนในทีมก็ขอให้หัวหน้าประกาศวันกินข้าวร่วมกันเพิ่มขึ้น จาก 2 วัน เป็น 3 วัน จาก 3 วันเป็น 4 วัน และสุดท้ายก็กลายเป็นกินข้าวร่วมกันทุกวัน ออฟฟิตนี้จึงกลายเป็นหนึ่งในออฟฟิตที่มีความสุขที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศนี้(บทความจาก The Working Insight)
วิธีที่จะสร้างความสุขให้เกิดขึ้นได้ในขณะที่มีความทุกข์นั้นควรเป็นสิ่งที่เราทุกคนน่าจะช่วยกันทำ อย่ามัวแต่สร้างสุขเพียงลำพัง เพราะนั้นอาจจะก่อให้เกิดความทุกข์ต่อคนรอบข้าง เราควรที่จะช่วยกันเพิ่มความสุขให้กันและกันเพื่อลดความทุกข์สาธารณะลงบ้าง เพียงแค่ยอมที่จะพ่ายแพ้บ้างในบางครั้ง เพียงแค่มีใจที่อ่อนน้อม เพียงแค่มีใจที่ยากจน มีใจบริสุทธิ์ นี่ก็จะสามารถชนะความทุกข์ได้อย่างมีความสุขแล้วและอย่าลืมว่าการได้รับชัยชนะคนเดียวนั่นมันเหงา ต้องร่วมกันชนะจึงจะเบิกบานมีความสุขอย่างแท้จริง

ไม่มีความคิดเห็น: