คลายใจกายสบาย
หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องฝุ่นละอองเล็ก ๆ มาบ้าง จึงเกิดความตั้งใจว่าเราต้องช่วยลดมลภาวะบ้าง
เริ่มจากสิ่งที่เป็นอยู่รอบ ๆ ตัวเรา ในวันว่างวันหนึ่ง จึงตื่นมาทำความสะอาดบ้านแต่เช้า
ดูดฝุ่น เช็ดกระจก ขัดระเบียง ตอนแรกก็คิดว่าทำไม่นานคงจะเรียบร้อยหมด ทำไปทำมา
หลายอย่างมีความลำบาก ต้องยืนในที่แคบ ๆ ต้องเอื้อม ต้องโหน
มือหนึ่งยึดมือหนึ่งเช็ด กว่าจะเสร็จผ่านไปครึ่งค่อนวัน
เห็นฝุ่นผงที่ลงมากองในถังแล้วทำให้เข้าใจเลยว่า มลพิษจะลดลงได้หากเรารู้จักที่จะช่วย
ๆ กันทำในสิ่งที่เราทำได้ หลังจากอาบน้ำชำระร่างกาย
ก็รู้สึกปวดเมื่อยตามข้อต่าง ๆ กล้ามเนื้อเริ่มล้า
กันไว้ดีกว่าแก้จึงออกมาปรึกษาหมอ
ได้ยาทานและยาทาคลายกล้ามเนื้อเพื่อไม่ให้เกิดอาการอักเสบ
ด้วยเพราะการที่ไม่ค่อยได้ทำอะไรหนัก ๆ แบบนี้มานาน พอจัดทีจัดเต็มเกินกำลัง
ในขณะที่นั่งทาถู ๆ ด้วยยาคลายกล้ามเนื้อ ก็เกิดความคิดว่า “แล้วเรามียาคลายความเครียด
คลายการยึดติด คลายความกังวล คลายความโลภ คลายความดื้อร้น ความอวดเก่งบ้างไหม?”
หากมียาคลายสิ่งเหล่านี้ได้คงจะดีไม่น้อย มีสิ่งเดียวที่เป็นโอสถที่จะคลายได้คือ จิตใจที่อ่อนน้อม
จิตใจที่เอื้ออาทรและจิตใจที่พร้อมจะปรับปรุง ในโลกที่มุ่งเน้นความรวดเร็วเป็นหลัก
ผู้คนพบเจอความเครียดเป็นประจำ “ความเครียด” คือ
ภาวะทางอารมณ์และความรู้สึกที่อึดอัด ไม่สบายใจ กดดัน วิตกกังวล ไม่มีความสุข
เพราะประสบกับปัญหาที่คิดไม่ตกหรือไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งส่งผลร้ายต่อร่างกาย
จิตใจและอารมณ์ของคนเราเป็นอย่างมาก ในร่างกายของเราทุกสิ่งต่างประสานเป็นหนึ่งเดียว
กายป่วยใจป่วย เครียดจากสมองจากความคิด จิตใจย่อมหดหู่ตาม การคลายความเครียดที่ได้ผลคือการรู้จักที่จะปล่อยวาง
หยุดแบกภาระหนักอึ้ง สร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นระหว่างกายกับใจ
ชายหนุ่มคนหนึ่งรู้สึกว่าชีวิตของตนน่าเบื่อหน่าย
จึงขอพบพระอาจารย์เซ็นอู้จี้เพื่อขอคำชี้แนะว่าทำอย่างไรตนจึงจะมีความสุข พระอาจารย์ไม่กล่าวว่าอะไร
ได้แต่หยิบตะกร้าไผ่ใบหนึ่ง นำชายหนุ่มมายังริมแม่น้ำเล็ก ๆ ลมเย็นโบกพัด
พวกเขาเดินเลาะริมฝั่ง แล้วอยู่ ๆ พระอาจารย์อู๋จี้ก็บอกกับชายหนุ่มว่า
“เจ้าเห็นก้อนหินที่อยู่ตามทางนั่นไหม
นับจากนี้เมื่อเจ้าเดินก้าวหนึ่ง ก็จงหยิบขึ้นมาก้อนหนึ่ง
แล้วใส่ไว้ในตะกร้าไผ่ข้างหลัง ตกลงไหม"
ถึงแม้ชายหนุ่มจะไม่เข้าใจเจตนาของพระอาจารย์
แต่เมื่อเห็นก้อนหินรูปทรงประหลาดมากมายริมแม่น้ำ ก็พยักหน้าด้วยความยินดี
พลางเดินหยิบก้อนหินไปพลาง ไม่นานนัก เขาก็รู้สึกเหนื่อยล้า
ตะกร้าไผ่ที่สะพายอยู่ด้านหลังก็หนักอึ้งเกินกว่าจะทำให้จิตใจเบิกบานในที่สุดเขาก็เดินไปจนสุดทาง
พระอาจารย์ถามเขาว่า “รู้สึกอย่างไรบ้าง”
เขาส่ายหน้าอย่างจนใจ “ตะกร้าหนักขึ้นเรื่อย ๆ แทบจะแบกไม่ไหวแล้ว !”
พระอาจารย์กล่าวยิ้ม ๆ
ว่า “รู้ไหม เหตุใดจึงไม่เป็นสุข เพราะเจ้าแบกสิ่งของเอาไว้มากเกินไป”
จากนั้นพระอาจารย์ก็หยิบก้อนหินในตะกร้าออกมาทีละก้อนพลางพูดว่า.. “ก้อนนี้คืออำนาจ
ก้อนนี้คือเงินทอง ก้อนนี่คือหญิงงาม ก้อนนี้คือความกลัดกลุ้ม นี่คือความเหงา...”
เมื่อก้อนหินเหล่านั้นถูกโยนทิ้งไป
ชายหนุ่มสะพายตะกร้าไผ่ขึ้นมาอีกครั้ง ความรู้สึกเบาโล่ง
ทำให้เขาได้สติขึ้นในฉับพลัน แค่วางลง ก็เป็นสุขแล้ว ! ขอเพียงแค่ยอมวางลง
ความสุขก็จะล้นปรี่อยู่ทุกวัน (นิทานเซ็น)
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
ปล่อยวางตำแหน่งหัวโขนที่ทำให้กลัดกลุ้ม แต่สิ่งนี้คือสิ่งที่ทุกคนใฝ่ฝันแสวงหา
ยากนักที่จะมีใครปล่อยวางลงได้
และสิ่งหนึ่งที่มักผูกรั้งเอาไว้คือคิดว่าตนสำคัญที่สุด
ปล่อยวางการแพ้ชนะที่ชวนให้อ่อนล้า
ในโลกนี้ความปราณีต่อกันคือความอ่อนด้อย ผู้ชนะมักจะเป็นที่ชื่นชม ยกย่อง
แม้เพียงชั่วคราวแต่หลายคนก็ยินยอม
ปล่อยวางความสูญเสียครั้งหนึ่งที่ทำให้หัวใจปวดร้าว ปล่อยวางความสัมพันธ์ที่นำพาแต่ความทุกข์ ปล่อยวางความเจ็บปวดที่ค้างคาใจ คนยุคนี้ความอดทนอดกั้นมีน้อยนัก
อภัยต่อกันนั้นไม่มีวันเป็นได้ มีแต่แค้นเคือง แค้นฝังหุ่น
โกรธไร้สติหากต้องสูญเสียผลประโยชน์
ปล่อยวางความทุกข์ เศร้า เหงา ตรม จะทำชีวิตให้กลับมาเรียบง่าย
กลับมาสดใสอีกครั้งวางลง ก็คือความสุขแต่ก็นั่นแหละสิ่งที่มนุษย์โลกรู้แต่ทำไม่เคยได้
เมื่อเราปล่อยไม่ลง วางไม่ได้ ย่อมตกอยู่ในภาวะเครียด และภาวะอื่นก็จะแทรกซ้อนง่าย
สภาวะความเครียดเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่เมื่อรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในความเครียดแล้ว
เราต้องรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง
โดยการพยายามไม่ให้ตัวเองตกอยู่ในความเครียดนานจนเกินไป
เพราะความเครียดเป็นสิ่งไม่ดีที่เหมือนฝุ่นละอองเล็ก ๆ ที่นำพาเชื้อโรคร้ายทำลายทั้งสุขภาพใจและสุขภาพกายของเรา
เมื่อกายกระทบใจก็กระเทือน เราต้องย้ำเตือนตนให้รู้จักที่จะเลิกแบกภาระลงบ้าง
แล้วหันมาหาพระ ทำใจให้อ่อนโยน ทำชีวิตเราให้มีความเมตตาแม้จะทำไม่ได้ดีในทีเดียวก็หมั่นทำบ่อย
ๆ ใจคลายกายสบาย เราสุขโลกก็สันติ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น