จึงเรียนมาเพื่อสุข
อันความสุขของใครก็ของเขา เรามักมีไม่เหมือนกัน เป็นสัจธรรมและหนทางที่จะก้าวไปหาความสุขอย่างแท้จริงของแต่ละคน
ทุกคนย่อมมีวิถีทางตามแบบของตัวเอง
เพราะความสุขไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน บางคนชอบออกกำลังกายสร้างสุขภาพกายสุขภาพใจให้แข็งแรงก็สุขได้ บางคนสุขด้วยการเข้าวัด ทำบุญสวดภาวนา ดื่มด่ำในรสพระธรรม มีบ้างบางคนสุขที่ได้ทำสวนปลูกพืชผักรดน้ำพรวนดินใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายไม่วุ่นวาย
ได้มีเวลานั่งดูความเจริญงอกงามของแหล่งกำเนิดอากาศบริสุทธิ์ ยังมีผู้ที่เป็นสุขจากการทำคุณประโยชน์ให้กับสังคม อุทิศตนให้สาธารณะกุศล อุทิศตนให้กับประเทศชาติ เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีค่า
(หาคนดี ๆ ก่อนเลือกตั้งเพื่อความสุขของชาวเราด้วยนะครับช่วงนี้) บางคนสุขยามเกษียณได้มีเวลาเลี้ยงดูแลลูกหลาน นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ภูมิใจในการเจริญเติบโตของเลือดเนื้อเชื้อไข สุขที่ได้ดูแลครอบครัว ดูแลคนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา สุขที่ได้ดูแลพ่อแม่ยามแก่ชราทำเพื่อพวกท่านก่อนสายเกินไป
สุขใครสุขมัน สุขในสิ่งที่ทำ ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน บางคนแค่เอนกาย
มีเพลงเบา ๆ หนังสือสักเล่มเพียงแค่นี้ก็สุขได้แล้ว เราไม่จำเป็นต้องเหมือนใครและเอาอย่างใคร
หลายคนสุขเพราะได้ออกไปท่องเที่ยว หาความแปลกใหม่เพื่อไม่ให้ชีวิตจำเจและแปลกแยกกับโลกนี้ไม่ตกยุคสมัย
(อันนี้คือสุขส่วนหนึ่งของผู้เขียน)
วันหนึ่งเราไปอยู่ในที่ ๆ หนึ่ง
วันนี้กลับมาอยู่ในที่เดิม ๆ
จากท่ามกลางความขาวโพลนและเย็นยะเยือก อยู่ ๆ ก็มาร่วมสูดดมละอองของผงฝุ่น
การเดินทางไปยังต่างถิ่นก็เป็นเสมือนการเรียนรู้และสัมผัสกับความแตกต่าง เรียนรู้ความสุขบนความงาม
เพื่อนำมาปรุงปรับน้อมรับความเป็นจริงของชีวิต
การได้เดินทางไปยังต่างแดนมีบ่อยครั้งหลงทิศหลงทางบ้าง แต่กลับนำมาซึ่งการจดจำที่แม่นยำในทิศทางมากกว่าเดิม
ในทุกช่วงของชีวิตทุกทิศทุกที่ทุกเวลาคือการเรียนรู้
เรียนรู้เพื่อจะนำมาซึ่งความสุข เรียนรู้เพื่อให้รู้ตัวตนคนธรรมดาที่มีวันผิดพลาด
เรียนรู้ที่จะเป็นอย่างที่เห็นและไม่ขอเป็นบางอย่างที่ได้สัมผัส เช่น
ยามเมื่อเราอยู่ในสังคมคนญี่ปุ่น ประเทศที่ผู้คนมีวินัยสูง จะขึ้นลงรถสาธารณะต้องเข้าคิวต่อแถว
เว้นที่นั่งสำหรับผู้สูงอายุ ผู้ป่วย คนท้องแม้จะยังไม่มีคนเหล่านี้อยู่บนรถ
ต่อให้แน่นเพียงใด ตรงนั้นก็ยังเว้นว่างไว้เสมอ เรื่องตรงเวลาแม้ในวันที่สถานการณ์เกินควบคุม
หิมะตกหนักและหนาทำให้ระบบการเดินรถติดขัดบ้างก็ยังคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อย
นั่งรถราง รถไฟ รถเมล์ สะดวกและเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างเที่ยงตรงและปลอดภัยเป็นที่สุด
พนักงานขับรถสุภาพบอกชื่อทุกป้าย เตือนให้ระวังในขณะที่รถเคลื่อนตัวออก
ขอบคุณทุกครั้งที่ลงรถ พลันเมื่อถึงเมืองหลวงของเรา เดินทางด้วยรถบริการสาธารณะ
เจอกับความต่างพนักงานขับรถขับไปคุยโทรศัพท์ (วันหวยออกพอดี)
ครั้นพอต่อรถแท็กซี่ก็พบเจอแต่คำบ่นและเรียกร้องตลอดทาง
นี่คือสิ่งที่เราควรเลือกว่าถ้าอยากพบความสุขเราจะเลียนแบบอย่างไหนดี ประเทศที่เจริญคนต้องมีคุณภาพ
คนต้องมีความสุขในชีวิตประจำวัน
ขอบคุณทุกประสบการณ์ที่ผ่านมา
ทำให้คิดว่าสุขอยู่ที่ใด? สุขก็อยู่ที่ใจนี่แหละ รู้ใจได้ก็สุขแล้ว หลายวันมานี้เช่นกันมีโอกาสได้คุยกับเด็ก
ๆ ที่เข้าสนามสอบวัดผลที่เรียกว่า“โอเน็ต” บางคนก็บอกว่าวิชานั้นวิชานี้ยาก มีเวลาทบทวนและย้อนหลังความทรงจำ
หลายครั้งเราก็มักมีคำถามเหมือนเด็ก ๆ เหล่านี้ว่า เราเรียนไปเพื่ออะไร
บางวิชาใช้ในชีวิตจริงได้หรือเปล่า? คำตอบที่เคยให้คือการศึกษาเล่าเรียนคือส่วนหนึ่งของการพัฒนาชีวิต
พัฒนาสมอง และพัฒนาความเป็นคน แต่วันนี้เราจะพบว่า ผู้คนในยุคนี้มีการศึกษาที่สูงขึ้น
ทว่าการศึกษานั้นไม่ได้ช่วยให้เกิดความเฉลียวฉลาดในการดำรงชีวิตแต่อย่างใดเลย แถมยิ่งมีการศึกษาสูง ยิ่งมีปัญหามากขึ้น
เพราะเกิดความต้องการมากขึ้น ต้องการเงินต้องการความสะดวกสบาย ใครที่สนใจเรื่องหาเงินจะถูกยกย่องว่าเป็นผู้รักความก้าวหน้า
ส่วนใครที่สนใจในเรื่องอื่นๆ
ที่ไม่เกี่ยวกับเงินมักถูกตั้งคำถามจากสังคมว่าเป็นคนแปลกแยก ทุกคนจึงมุ่งเป้าหมายไปที่เงินมากขึ้นทุกวัน
เพราะการปลูกฝังค่านิยมที่ผิด ที่มาพร้อมกับการเรียนการศึกษา เราเรียนมาเพื่อทราบว่าจะทำอย่างไรจึงจะหาเงินกอบโกยได้มากที่สุด
แต่ไม่ได้เรียนมาเพื่อสร้างสุขให้กับชีวิตเรา ใช่หรือไม่ คนดีคือคนน่ายกย่อง
แต่ในชีวิตจริง เรากลับเกรงใจเศรษฐีมากกว่าคนดี
ยุคสมัยนี้จึงเป็นยุคที่เราใช้การศึกษาเพื่อเพิ่มความเห็นแก่ตัว
เห็นแก่ได้ มากกว่าที่จะใช้การศึกษาเพื่อทำความรู้จักตนเอง
และนำมาซึ่งการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ รู้จักแบ่งปัน
เสียสละและทำเพื่อผู้อื่นอย่างแท้จริง มีผู้สันทัดกรณีกล่าวไว้ว่า เราเริ่มเห็นอาชีพนักธุรกิจในคราบคุณครู
เห็นพ่อค้าในคราบคุณหมอ เห็นโจรในคราบนักการเมือง เห็นหมอผีในคราบนักบวช
เห็นนักเลงในคราบนักเรียน เห็นคนขี้โกหกในคราบนักการตลาด มากมายในสังคม เรามีนักทำเป็นเก่งมากมายเกินไปแล้วเรายังขาดนักธรรมที่ดีและลึกซึ้งเรื่องจิตวิญญาณ
นั่นแหละเราต้องมาเรียนรู้กับตัวเอง เรียนให้รู้ว่า การกระทำของเราย่อมส่งผลโดยตรงต่อสังคมโดยรอบ
อยากให้สังคมเปลี่ยน เราต้องเปลี่ยนตนเองก่อน เริ่มต้นวันนี้ หยุด สำรวจ
และตั้งคำถามกับตนเองให้บ่อยครั้งว่า ชีวิตที่ถูกต้องดีงามคืออะไรกันแน่
เราเกิดมาเพื่อสิ่งใด และจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อทำสิ่งใด สิ่งที่เรียนมาทั้งภาคบังคับและการเรียนรู้โลก
เราพบกับความสุขหรือยัง จึงเรียนมาเพื่อทราบ ด้วยความเคารพ....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น