วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2562

เมืองม่านหมอก


เมืองม่านหมอก
ด้วยว่าเกิดเป็นคนที่แพ้อากาศเป็นนิจ ชีวิตยามเช้า ๆ มักจะจามอยู่บ่อย ๆ ยิ่งเมื่อออกจากสถานที่ ที่มีความแตกต่างกันของอุณหภูมิด้วยแล้ว อาการฟึดฟัดคัดจมูกจะเกิดขึ้นทันที มีการรับรู้ของร่างกายและระบบหายใจเร็วกว่าคนอื่น และยิ่งเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมามีธุระเร่งด่วนที่จำเป็นต้องเดินทางมาแถวสีลม ในช่วงเวลาเลิกงาน ความหนาแน่นของรถบนถนนเต็มเหยียด ผู้คนเดินกันเนืองแน่น หลายคนสวมใส่หน้ากากอนามัย ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่ากรุงเทพวันนี้มีฝุ่นละอองเล็ก ๆ ที่ลอยละล่องไม่ยอมจากเมืองหลวงไปไหนอยู่เต็มไปหมด แล้วร่างกายระบบอากาศก็ส่งสัญญาณมาทันทีเริ่มแสบจมูกและคันคอ โชคดีตรงที่ใช้เวลาไม่มากนักที่จะอยู่ในบริเวณนั้น


บรรยากาศในเมืองฟ้าอมรแห่งนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาดูขมุกขมัวเหลือเกิน อันเนื่องมาจากฝุ่นละอองที่เกินค่ามาตรฐานสากล แม้กระทั่งแสงแดดยังไม่สามารถสาดส่องทะลุเจ้าฝุ่นละอองเล็ก ๆ ลงมาได้ ข่าวการซื้อหน้ากากอนามัยรุ่นที่สามารถสกัดกรองละอองนี้ได้ก็หมดเกลี้ยงจากร้านขายในเวลาอันรวดเร็ว มีหลายเสียงเริ่มบ่นหาผู้ที่จะมาแก้ไขปัญหานี้ หลายคนเริ่มโยงไปเรื่องนั้นเรื่องนี้ ตั้งสมมุติฐานตั้งตนเป็นสมมุติเทพว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ ตามมโนโซเชียลมีให้เห็นเต็มหน้าจอที่ออกมาจ้อกันอย่างมากมาย เราก็มักลืมไปว่าเราเองก็เป็นหนึ่งในการก่อมลพิษด้วยกันทั้งนั้น ต้องมีส่วนร่วมกันแก้ไขปัญหานี้ด้วยการเริ่มต้นใส่ใจในการกระทำของเรา ให้รู้จักรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างบรรยากาศแห่งรักและนึกถึงผู้อื่นให้มากขึ้น เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันโดยมิยึดโยงเอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง เพราะจะเกิดจุดโน้มถ่วงขึ้นมาได้ สร้างอากาศบริสุทธิ์ด้วยหัวใจบริสุทธิ์ต่อกัน


ในทุกเมืองที่มีการพัฒนาล้วนประสบปัญหาเช่นนี้ด้วยกันทั้งนั้น ในเมืองเรามีการก่อสร้างเยอะแยะ เราใช้รถยนต์มากมายวิ่งไปมาบนท้องถนน เครื่องจักร โรงงาน แอร์ และอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดฝุ่นเกิดมลภาวะพิษ ประจวบเหมาะกับช่วงเวลาความกดอากาศที่ต่ำเป็นตัวขวางกั้นการเลื่อนลอยกระจายสลายไปสู่ด้านบนชั้นอากาศ ช่องระบายด้านข้างก็ถูกขนาบด้วยตึกสูง คอนโดมิเนี่ยม อีกเป็นจำนวนมาก ใช่หรือไม่ เราต่างก็ปรารถนาเห็นการพัฒนาเมืองให้เจริญ ในมุมหนึ่งเรากลับไม่ค่อยที่จะเรียนรู้ถึงเรื่องการควบคุมผลเสียจากการพัฒนานั้น เราต่างไม่ใส่ใจนำพาเพียงความสะดวกสบายของเราฝ่ายเดียว เมื่อถึงเวลาหนึ่งจังหวะหนึ่ง สิ่งแวดล้อมธรรมชาติก็จะให้บทเรียนแก่พวกเรา แล้วเมื่อนั้นแหละเราจึงจะร่วมกันหามาตรการเพื่อสร้างมาตรฐานขึ้นมา เพื่อปรับสมดุลระหว่างธรรมชาติกับผู้คน


ในปัญหานี้เราได้รับบทเรียนหลายอย่าง ใช่หรือเปล่า เราเคยได้ยินมาว่าในโลกนี้คนเรามักใส่หน้ากากเข้าหากัน ไร้ความจริงใจต่อกัน มาวันนี้เราจำเป็นต้องใส่หน้ากากคุยกัน เราจำต้องสวมหน้ากากปกปิดเพื่อให้ชีวิตปลอดภัยขึ้น บางทีข้อดีของการใส่หน้ากากก็คือการคัดกรองสิ่งที่ไม่ดีไม่งามออกจากชีวิตเราได้เช่นกัน ในทุกเรื่องจึงมีสองด้านเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกที่จะนำมาเรียนรู้อย่างไร? ในความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกัน “หน้ากาก” ที่เป็นนามธรรมนั้นเราไม่ควรที่จะสวมใส่เข้าหากัน แต่เราควรที่จะใส่ใจกันอย่างจริงใจ ซื่อสัตย์ซื่อตรงต่อกัน ไม่โกหกหลอกลวง การคบหาสมาคมต้องเต็มไปด้วยหัวใจและความจริงที่จะนำไปสู่ความยั่งยืน ที่จะนำไปสู่ความรักและการให้อภัยกัน ในโลกที่แข่งขันเราก็ไม่จำเป็นต้องไปแข่งกับใครในทุกสนาม ในความเป็นจริงเราต้องสวมใส่หน้าของพระผู้ทรงธรรม พระผู้เป็นองค์แห่งความรักและความดีงามเพื่อกรองความเป็นมลพิษทางจิตวิญญาณ ที่บางสิ่งบางอย่างแม้เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ค่อย ๆ สะสมจนทำให้เกิดโรคร้ายภายในฝ่ายจิตวิญญาณได้ ความเห็นแก่ตัว ความโลภ ความโกรธ เกลียด สิ่งเหล่านี้หากเข้าไปในชีวิตเรามาก ๆ ไม่นาน เราก็จะกลายเป็นคนป่วยที่ไร้ความสุขในชีวิต
แล้วอะไรเล่าที่จะเป็นหน้ากากอนามัยคัดกรองสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ ความเอื้ออาทร ความเมตตาและการรู้จักอภัยต่อกัน การอยู่ร่วมสังคมแบบพี่แบบน้อง ฟังกันบ้าง ยอมกันบ้าง ไม่ดื้อรั้น พยายามอย่าคิดว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายถูก ฝ่ายเก่งไปเสียทุกเรื่อง ลดความฝืดเคืองในใจต่อกันลงบ้าง ใช้หน้าจริงแห่งความรักเป็นสิ่งสกัดกั้นที่ดีที่สุด จิตใจที่อ่อนโยน จิตใจที่สงบสันติ จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณงามความดี นี่แหละจะทำให้เรามีภูมิคุ้มกันที่จะไม่ให้เราเป็นโรคภูมิแพ้ต่อกลลวงของโลกนี้ได้ มลพิษฝุ่นละอองแก้ด้วยน้ำฟ้าน้ำฝน มลพิษทางจิตใจคนแก้ด้วยน้ำใจที่มีให้กัน อย่านิ่งดูดายและนั่งโทษสิ่งนั้นสิ่งนี้ สิ่งที่เราควรทำและต้องทำตลอดคือสร้างตัวตนของเราให้เป็นศิษย์พระคริสต์ออกมาให้เป็นรูปธรรมให้ได้ เพื่อทำให้เมืองนี้สดใส เป็นเมืองแมนแดนสวรรค์ แทนเมืองในม่านหมอก
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสไตร่ตรองและตั้งคำถามที่ท้าทายมาก ในสภาวะที่ภูมิอากาศของโลกผันแปรแบบเฉียบพลัน และระบบนิเวศผกผัน พระองค์จึงตั้งประเด็นว่า “โลกชนิดไหนกันที่พวกเราจะส่งมอบต่อให้กับผู้ที่จะตามมาภายหลัง ต่อลูกหลานที่กำลังเจริญเติบโต?” สมณสาส์น “ขอคำสรรเสริญจงมีแด่พระองค์” LAUDATOSII:ว่าด้วยการเอาใจใส่ดูแลบ้านส่วนรวมของเรา

ไม่มีความคิดเห็น: