วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ใครทำให้วัยใสหายไป


ใครทำให้วัยใสหายไป
ได้รับหนังสือเล่มใหญ่จากคุณพ่อโกสเตที่เคารพนับถือ คุณพ่อเคยเล่าถึงหนังสือเล่มนี้หลายครั้งหลายหน ปรารถนาจะทำเป็นหนังสือภาษไทยให้คนได้อ่าน หนังสือเล่มนี้ขายดีมากในประเทศสเปน ต่อมามีการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ผ่านมาหลายปีกว่างานเล่มนี้จะออกมาเป็นรูปเป็นร่างในภาคภาษาไทย ด้วยการผลักดันของคุณพ่อ ในวันที่สุขภาพของคุณพ่อก็ไม่สมบูรณ์เหมือนแต่ก่อน ในวันที่หนังสือไม่ค่อยมีคนอ่านจากรูปเล่ม จะมีสักกี่คนที่จะได้รับรู้เรื่องราวของพระเยซูเจ้าในมุมมองทางประวัติศาสตร์ แม้แต่ตัวผู้เขียนเองเมื่อเห็นความหนาความใหญ่ มีแต่ตัวอักษรของหนังสือเล่มนี้แล้วยังคิดในใจว่า จะอ่านไหวอ่านจบหรือเปล่า ครั้นเมื่อได้นั่งลงอ่าน ก็อ่านได้เรื่อย ๆ ไม่สนุกแต่มีมนต์บางอย่างที่ต้องอ่านต่อไปและต่อไป แม้จะหยุดคั่นด้วยภารกิจบางอย่าง หนังสือเล่มนี้ชื่อว่า “พระเยซูเจ้า ในประวัติศาสตร์” เขียนโดยคุณพ่อ อันโตนิโอ ปาโกลา แปลเป็นภาษาไทยโดย เซอร์มารีย์ หลุยส์ พรฤกษ์งาม จัดพิมพ์โดย คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระสงฆ์ ผ่านทางคุณพ่อวรยุทธ กิจบำรุง และสำคัญสุดคือคุณพ่อโกสเต ผู้ที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้หนังสือเล่มนี้ออกมาให้ได้ ด้วยความสุภาพคุณพ่อยังหวังว่าคนไทยควรจะได้อ่าน...

ในขณะที่อ่านในบทที่ 2 ชาวนาซาเร็ธ ที่กล่าวไว้ว่า “ เช่นเดียวกับเด็ก ๆ ชาวนาซาเร็ธทุกคนพระเยซูเจ้าทรงใช้เวลา 7 หรือ 8 ปีแรกของชีวิตในความดูแลของมารดาและสตรีในเครือญาติของพระองค์ในหมู่บ้านกาลิลี เด็ก ๆ เป็นกลุ่มที่อ่อนแอ พวกเขาเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบจากความหิวโหย การขาดอาหาร และโรคภัยจำนวนเด็กเสียชีวิตมีสูงมาก นอกจากนี้ผู้ที่เข้าสู่วัยรุ่นก็มักสูญเสียพ่อหรือแม่ไป แน่นอนว่าเด็ก ๆ แม้แต่เด็กกำพร้าจะได้รับความรัก แต่ชีวิตของพวกเขาต้องประสบความยากลำบากมาก เมื่อเด็กผู้ชายอายุได้ 8 ขวบ เขาจะเข้าสู่โลกแห่งอำนาจของบุรุษอย่างไร้รอยต่อ พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะแสดงความเข้มแข็ง ได้รับการปลูกฝังความกล้าหาญ ความก้าวร้าวทางเพศและเล่ห์เหลี่ยม ภายหลังพระเยซูเจ้าทรงปฏิบัติต่อเด็ก ๆ ด้วยท่าทีที่ผิดธรรมดา ในสังคมเช่นนี้เป็นเรื่องผิดปกติ ที่บุรุษมีเกียรติคนหนึ่งจะให้ความสนใจเด็ก ๆ และรับฟังพวกเขา ท่าทีนี้ปรากฏในพระวาจาที่ว่า จงปล่อยเด็ก ๆ มาหาเราเถิด อย่าห้ามเขาเลย เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของผู้ที่เหมือนเด็ก ๆ เหล่านี้ (หน้าที่ 49) ทำให้เราเห็นภาพว่า ทำไมพระองค์จึงเชิดชูเด็ก ๆ มากถึงเพียงนี้ เพราะความซื่อ ความสดใสในวัยของพวกเขาสูญเสียไปกับการแย่งชิงอำนาจ จนทำให้หัวใจของเด็ก ๆ หลุดหายไป ในกระแสกระหายหาอำนาจ พระองค์ปรารถนาให้ความใสซื่อคืออาณาจักรพระเจ้าในชีวิตของทุกผู้คน

เมื่อเห็นภาพเด็ก ๆ ในสมัยนั้นที่ต้องสูญเสียความน่ารักสดใสไปกับความทุกข์ยากจากการช่วงชิงอำนาจ หันกลับมามองเด็ก ๆ ในวันนี้ เด็กหลายคนก็ต้องสูญสิ้นความสดใสแห่งวัยไปกับค่านิยมสมัยใหม่เช่นกัน ค่านิยมที่เห็นแต่เปลือก จนทำให้เด็กโตเกินวัย โตด้วยความฟุ้งเฟ้อ โตด้วยความอยากมีอยากเด่นอยากดัง จากบทความเรื่อง ยิ้มเปลี่ยนโลก ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่านิยมติดดอกไม้มุราคามิ ไอเทมสุดฮิตฮอตที่วัยรุ่นยกเป็น "ของมันต้องมี" (แต่ไม่จำเป็นต้องใช้) ซื้อมาติดกันในราคาที่แสนแพง กระทั่งมีการสำรวจการแต่งตัวของเด็กวัยรุ่นแถวสยาม ราคาเสื้อผ้าที่ใส่มาเดินเที่ยว ตั้งแต่หัวจรดเท้า ว่าแต่ละชิ้นเป็นของยี่ห้ออะไรและมีราคาเท่าไรบ้าง ซึ่งเด็ก ๆ ส่วนใหญ่จะสวมใส่ของแบรนด์เนมมากันทั้งนั้น  ที่มีราคาหลักพันไปจนถึงหลักหมื่น รวมถึงแบรนด์ที่หรูหรา ก็มีใช้กันอย่างเป็นปกติ เสื้อผ้าทั้งตัวร่วมแสน สูงสุดที่ 4 แสนบาท มีหลายคนตั้งคำถามว่าพวกเขาใช้เงินจากไหนมาซื้อ จากพ่อแม่ที่ร่ำรวยเลี้ยงลูกด้วยเงินหรือ จากการกู้ยืมเงินอนาคตมาใช้หรือ หรือว่าพวกเขามีความสามารถทางธุรกิจการค้าขายมากกว่าคนสมัยก่อนจึงมีเงินจับจ่ายใช้สอย และโตเร็วได้ถึงเพียงนี้ 

https://mpics.mgronline.com/pics/Images/561000009961401.JPEG


วัยใสซื่อวัยสดใส ของเด็กมีอยู่ในช่วงอายุเท่าไร ทางการแพทย์และจิตวิทยาพัฒนาการ บอกว่าน่าจะอยู่ในช่วง 10-22 ปี เริ่มที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์และร่างกายเป็นอย่างมาก แต่ก่อนหน้านั้นคือวัยที่น่ารัก เป็นวัยที่เราควรจะปลุกฝังความดีงามลงในจิตใจ ในพฤติกรรมและทัศนคติต่อการดำเนินชีวิตมากที่สุด ถ้าหลุดจากนี้แล้ว จะไม่มีเกราะป้องกันตัวจากสิ่งรอบข้างซึ่งจะเป็นฝ่ายชักจูงไป เด็กคนไหนที่มั่นคง พื้นฐานครอบครัวแข็งแกร่งจะสามารถรอดพ้นจากกระแสนิยมได้ สงสารเด็กบางคนที่ตกอยู่ในภาวะจำยอม หรือมีบ้างหลายคนยอมตกลงไปในกระแส โดยที่เหล่าบรรดาผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ผู้ที่ทำร้ายวัยอันน่ารักของเด็ก ๆ ไปอย่างไม่รู้ตัว ที่สุดแล้ว เราก็ควรที่จะฝึกจิตฝึกใจให้กลับมามีความซื่อใส พร้อมรับนำวิถีทางแห่งรักเมตตาของพระคริสต์พระอาจารย์ของเราไปดำเนินชีวิตให้เกิดผลแห่งสันติสุขให้ได้...
ปล.หาซื้อหนังสือเล่มนี้ได้ที่ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระสงฆ์ 122/1 ซอยนาคสุวรรณ ช่องนนทรี ยานนาวา กรุงเทพฯ 10120 โทร. 0-2681-3900 ต่อ 1410 E-mail: thaipriest@cbct.net 

ไม่มีความคิดเห็น: