วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2561

พร้อมที่จะให้ ไม่ใช่ให้เมื่อพร้อม


พร้อมที่จะให้ ไม่ใช่ให้เมื่อพร้อม
การขับรถตามเส้นทางระหว่างภูเขาลูกหนึ่งไปอีกลูกหนึ่งจากเชียงใหม่ไปเชียงราย ระหว่างเส้นทางถ้ำเขาหลวง ผ่านดอยผาหมี ดอยผาฮี้ มาทะลุดอยตุง จวบจนเส้นทางขึ้นแม่กำปอง และจากอำเภอแม่วางขึ้นดอยอินทนนท์ เส้นทางเหล่านี้เต็มไปด้วยถนนที่คดโค้ง เลี้ยวไปเลี้ยวมา บางโค้งหักศอกบางที่บางแห่งสูงชัน ถนนแคบ ๆ ต้องระมัดระวังประคับประคองพวงมาลัยให้นิ่ง ต้องให้ทาง ต้องหยุด รู้ผ่อน รู้เร่ง เพื่อความปลอดภัยของเราและผู้ร่วมเดินทาง โดยมีความหวังว่าเราจะได้ไปพบกับความสวยงาม ความสดชื่นที่รอเราอยู่ ณ เป้าหมายปลายทาง การขึ้นไปสุดยอดดอย ได้สูดอากาศบริสุทธิ์สดชื่น ได้สัมผัสความเย็นในฤดูปลายฝนต้นหนาว แม้ในบางจังหวะมีสายฝนโปรยปรายลงมาบ้าง เส้นทางชีวิตเราก็เป็นเช่นนี้มีสุขมีทุกข์ มีราบเรียบมีคดโค้ง มีร้อนมีหนาว คละเคล้ากันไป เพียงแต่อยู่ที่ว่า เราจะเดินไปอย่างมีสติ ก้าวหน้าต่อไปอย่างรู้เนื้อรู้ตัวมากน้อยเช่นไร เพื่อให้ตัวเองและผู้อื่นรอบข้างเราเดินไปด้วยกันอย่างปลอดภัย


 ได้มีเวลานั่งดื่มด่ำรสชาติกาแฟสด ชาอุ่น ๆ ในช่วงหยุดพักระหว่างทาง มองเห็นความเขียวขจีบนยอดเขา มองเห็นเมฆหมอกหยอกล้อกับยอดไม้บนดอยภู ยิ่งดูยิ่งเพลิน ยิ่งเนิ่นนานยิ่งชื่นบานในหัวใจยิ่งนัก ใยธรรมชาติช่างสร้างสมดุล เกื้อกูลกันได้เช่นนี้หนอ ต่างกับผู้คนที่นับวันยิ่งต้องการความยิ่งใหญ่แบบไม่ต้องลงทุนลงแรง แข่งขันช่วงชิงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมีได้ ละเลยความสุขที่แท้ ละเว้นความสงบ และไม่ใช้หัวใจที่จะช่วยเหลือเอื้ออาทรต่อกัน เราสามารถสร้างสมดุลในสังคมที่เราอยู่ได้ด้วยการรู้จักให้ ยิ่งให้เรายิ่งมีมากขึ้น

การได้ขึ้นไปเชียงรายครั้งนี้ยังได้พบเจอกับคุณพ่อบัญชา อภิชาติวรกุล (คุณพ่อเคยมาช่วยทำมิสซาวันอาทิตย์ให้กับวัดเซนต์หลุยส์ของเรา และคำเทศน์สอนของคุณพ่อก็เป็นที่ชื่นชอบของหลายคน) คุณพ่อได้อาสาพาไปเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ ตามตารางเวลาที่คุณพ่อพอจะว่าง ได้เห็นถึงงานอภิบาลในดินแดนที่ห่างไกล ได้เห็นถึงวิถีชีวิตผู้คนบนภู ความรักความเมตตาของพระเจ้าปรากฏให้เราเห็นในกิจการที่ผ่านการ “ให้” โดยที่ไม่มีมิติของเวลา ฐานะ โดยที่ไม่มีคำอ้างเอ่ยว่ารอให้พร้อมก่อน ทำให้นึกย้อนถึงเรื่องราวหนึ่งที่ได้อ่านผ่านตาจำใส่ใจไว้ เป็นเรื่องที่ให้ข้อคิดเกี่ยวกับเรื่องของการให้ได้ดีทีเดียว
ต้นไม้แก่ขอฝนจากเมฆก้อนน้อย เมฆก้อนน้อยตอบเพียงว่า น้ำฝนมีอยู่น้อย กลัวว่ามันคงจะไม่พอให้ต้นไม้แก่ได้ชื่นใจ วันต่อมาเมฆก้อนน้อยก็ยังคงบอกเช่นเดิม มันน้อยไป จึงไม่พร้อมที่จะให้...!!!
เมฆก้อนน้อยจึงเดินทางและพยายามสะสมฝนเพื่อที่จะให้มันมากพอ...!!! และพอที่จะทำให้ต้นไม้แก่ได้ชื่นใจ เมื่อมีปริมาณมากพอเมฆน้อยจึงกลับมา แต่สิ่งที่พบข้างหน้ามีเพียงซากต้นไม้แก่ที่ตายแล้ว เมฆน้อยได้แต่ร้องไห้แล้วถามว่า ทำไม? ความพยายามของฉันไม่มีค่าเลยเหรอ...!?! 
ชายหนุ่มที่นั่งใต้ต้นไม้จึงได้แหงนหน้า แล้วบอกเมฆน้อยไปว่า การที่เราจะให้อะไร? แก่ใครสักคนที่เรารักนั้นมันไม่ต้องรอให้มากพอ หรือรอความพร้อมอะไรหรอก ให้เท่าที่มี ก็ทำให้คนรับชื่นหัวใจได้ ความพยายามเป็นสิ่งที่ดี แต่มันก็มีเวลาเป็นเงื่อนไข !!!
อย่าไปรอให้รวย !!! ถึงจะทำอะไรให้คนที่เรารัก
อย่าไปรอให้พร้อม !!! ถึงจะทำอะไรให้คนที่เรารัก
เพราะคนที่เรารัก อาจไม่มีเวลามากพอที่จะรอเรา !!!
แล้วก่อนที่ต้นไม้แก่จะจากไป เขาฝากบอกเธอไว้ว่า ถ้าเห็นเธอผ่านมา ให้บอกเธอว่า เขารักเธอ เมฆน้อยได้แต่หลั่งน้ำตา ออกมาเป็นเม็ดฝนอย่างไม่ขาดสายให้กับต้นไม้ที่ไม่มีวันแตกใบให้ได้เห็นอีกต่อไปตลอดกาล !!! (บทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดัง เขาเขียนขึ้นในวันที่ 11 กันยายน 2001 ตึกเวิรด์เทรดถล่ม หลังจากที่ทราบว่าภรรยาของเขาเสียชีวิตในตึกนั้นด้วย)



ในเส้นทางชีวิตของเราแต่ละคนไม่มากก็น้อยจะต้องพบพานกับความรู้สึกที่ว่า สายไปแล้วเพราะเรามักจะรอให้พร้อมทุกสิ่งทุกอย่างก่อนที่จะเริ่มลงมือทำ และก็ไม่เคยรู้สึกถึงความพร้อมสักที จนกระทั่งในวันที่เราต้องสูญเสียสิ่งที่รักไป เราจึงเกิดความเสียดายที่ยังไม่ได้ให้ความรักและความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และคิดไปเองว่า สิ่งที่เราพยายามให้พร้อมนั้นจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด ไม่มีความพร้อมใดจะยิ่งใหญ่เท่ากับใจที่พร้อม การให้ไม่จำเป็นต้องรอให้มี รอให้พร้อม การให้ต้องไม่หวังว่าจะได้นั่งในตำแหน่ง ไม่หวังว่าจะได้รับการชื่นชมสรรเสริญ ให้ด้วยใจ ย่อมสุขใจ หากให้ด้วยเปลือกคงได้แค่เปลือก แล้วสิ่งใดเล่า? ที่เราปรารถนาจะมีความสุขอย่างแท้จริง อย่ารอเวลาเพราะทุกเวลาคือพระพรที่จะมอบให้กันและกัน...


ไม่มีความคิดเห็น: