หายไปเมื่อยังหายใจ
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้มีส่วนทำความฝันของเด็กสาวคนหนึ่งให้เป็นจริงขึ้นมา
นี่เป็นคุณค่าในการเรียนรู้ที่มิอาจจะใช้มูลค่าทางเศรษฐศาสตร์มาชี้วัดได้เลย
หลานสาวคนหนึ่งมีความชื่นชอบในละครเวทีเป็นอย่างมาก เมื่อหลายเดือนก่อนได้ชวนให้ไปชมการแสดง
เนื่องด้วยเหตุปัจจัยเรื่องเวลาและความอภิรมย์ส่วนตัวจึงหาคนไปเป็นเพื่อนได้ยากนัก
สุดท้ายจึงตัดสินใจไปเป็นเพื่อนโดยมีเงื่อนไขว่าค่าบัตรนั้นห้ามขอจากผู้ปกครองให้เก็บหรือหามาเอง
หลานสาวสามารถที่จะเก็บเล็กผสมน้อยได้ตามจำนวน จึงได้ซื้อบัตรเข้าชมละครเวที lady of the state ที่นำนวนิยายดังสามเรื่องมาแสดง
ที่โรงละครรัชดาลัย ถือว่าคุ้มค่าในการทำฝันและความหวังของเด็กสาวคนหนึ่งให้เป็นจริง
คำพูดของตัวละครนางเอกคนหนึ่งดังขึ้นว่า
“คนหนึ่งหายไป ในขณะที่อีกคนหนึ่งหายใจ” ทำให้นึกถึงหัวใจของหญิงสาวคนหนึ่งที่ลูกชายถูกประหารชีวิตต่อหน้าต่อตาด้วยข้อหาที่มาจากความอิจฉา
และหวงแหนอำนาจ ภาพของพระแม่มารีย์ แทบเชิงกางเขนนั้นจะทุกข์ทรมานเพียงใด
แต่....ใช่หรือไม่ เมื่อยังมีลมหายใจ จะต้องก้าวข้ามผ่านทุกข์นั้นไปให้ได้
ที่สุดเป็นแม่พระเองที่กลายเป็นศูนย์รวมของบรรดาอัครสาวก ให้กลับมารวมตัวกันก่อตั้งเป็นพระศาสนจักรจวบจนถึงวันนี้
นี่คือผู้หญิงที่รับภารกิจรักต่อมาอย่างกล้าหาญ ที่ได้แปรเปลี่ยนความทุกข์ลำบากให้กลายเป็นพลัง
นี่แหละคือการข้ามผ่านที่เราควรให้เกิดขึ้นในชีวิต ที่เราต้องเคยตกอยู่ในภาวะความทุกข์ระทมด้วยกันทุกคน
การก้าวข้ามผ่านความทุกข์ยามมีลมหายใจ ดีกว่าการจมอยู่ในทะเลทุกข์แม้ยังหายใจอยู่
การลุกขึ้นสู้ด้วยความเข้มแข็ง บ่อยครั้งมักนำมาซึ่งความยิ่งใหญ่ได้เสมอ
และอีกหนึ่งตัวอย่างในโลกเล็ก ๆ
ใบนี้ที่มีคนไม่ยอมหยุด และได้ก้าวข้ามผ่านความทุกข์ตราบที่ยังมีลมหายใจ สุภาสินีเข้าพิธีแต่งงานเมื่อเธอมีอายุเพียง
12 ปี โชคร้ายเป็นอย่างยิ่งเพราะ 12 ปีให้หลัง (ปี 1967) เธอต้องเลี้ยงลูกทั้ง 4
โดยลำพัง
เพราะสามีของเธอเสียชีวิตลงเนื่องจากความยากจนทำให้เธอไม่มีเงินเพียงพอในการรักษาพยาบาล
นับแต่วันนั้นเธอตั้งปณิธานว่า “ความจนต้องไม่ทำให้คนตาย” สุภาสินีตั้งใจทำงานเก็บเงินจากน้ำพักน้ำแรงอันน้อยนิดของเธอ
เธอไม่ได้มีการศึกษา ฉะนั้นอาชีพของเธอคือการไปรับจ้าง ไปเป็นกรรมกร
ไปเป็นคนใช้ตามบ้านต่างๆ และไปเป็นคนขายผัก
รายได้ของสุภาสินีนอกจากจะเพื่อจุนเจือบุตรทั้ง 4 คนให้ได้รับการศึกษาแล้ว
เธอยังเก็บออมเงินเป็นเวลาหลายสิบปีเพื่อทำในสิ่งที่เธอตั้งใจ
ในช่วงปี 1992
สุภาสินีนำเงินทั้งหมดที่ตนเองมี ซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้าง “โรงพยาบาลเพื่อมนุษยชาติ” (Humanity Hospital) สถานพยาบาลขนาดเล็กที่ให้บริการคนยากจนฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในหมู่บ้าน
Hanskhali ของเธอ โดยมีนายแพทย์อเจย์ บุตรชายคนโต
กลุ่มแพทย์พยาบาลอาสา และชาวบ้านในชุมชนร่วมกันบริจาคเงินสานฝันของเธอให้เป็นจริง
ปัจจุบัน
โรงพยาบาลเพื่อมนุษยชาติของเธอได้เติบโตขึ้น สุภาสินีมีโรงพยาบาลสาขาถึง 2
แห่งในรัฐเบงกอลตะวันตก เปิดให้บริการผู้ยากไร้กว่าหมื่นคนในแต่ละปี
แพทย์ที่ทำงานส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นอาสาสมัคร ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาปฏิบัติงาน
โดยได้รับเงินสนับสนุนผ่านการบริจาคของผู้ใจบุญ
ในอนาคตสุภาสินียังมีแผนที่จะเปิดวิทยาลัยพยาบาลเพื่อผลิตบุคลากรทางสาธารณสุขให้สามารถบริการสังคมอีกด้วย
จึงไม่แปลกนักที่ สุภาสินี มิสตรี สตรีวัย 74 ปี
ชาวอินเดียจะได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์ชั้นสูงปัทมศรี (PadmaShri) จากฯพณฯ ราม นาถ โกวินด์
ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินเดีย ในวันที่ 21 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา
หลังได้รับรางวัล
เธอกล่าวต่อสื่อมวลชนว่า “ฉันดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์นี้
แต่ในขณะเดียวกัน ฉันขอร้องให้โรงพยาบาลทุกแห่งในโลกนี้ อย่าปฏิเสธคนไข้ที่ต้องการการรักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วน
สามีของฉันเสียชีวิตลงเพราะเขาถูกปฏิเสธการรักษา
และฉันไม่ต้องการให้ผู้ใดต้องเสียชีวิตลงในลักษณะเช่นเดียวกัน” Cr : PiyanatSoikham
หากความฝันสำเร็จได้ด้วยความเพียรทน
คนเราก็จะผ่านความทุกข์ทนเพื่อพบกับความสุขได้ด้วยการพยายามแก้ปัญหาเช่นกัน มิใช่พอเกิดปัญหาก็ข้ามปัญหาไป
ปล่อยให้ปัญหาคงอยู่ ตราบใดเรามีลมหายใจใยต้องกลัวกับการเผชิญปัญหา
ความสุขที่แท้จริงมักจะเกิดตอนที่เราได้แก้ปัญหา
เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งในทุกวันนี้ เรามักไม่มีความกล้าหาญเพียงพอ
เรามักจะรอคอยให้ผู้อื่นมาพยุง เรามักเรียกร้องขอความช่วยเหลือโดยมิได้ออกแรงก่อน
ในขณะที่วันนี้โลกมีสิ่งที่จะคอยช่วยเหลือให้เราก้าวข้ามปัญหาได้มากมาย
แต่ทำไมผู้คนกลับดูซึมเศร้า ทุกข์โศกยิ่งนัก หรือเป็นเพราะหัวใจของเราเล็กลง
หรือเป็นเพราะยิ่งสบายยิ่งเห็นแก่ตัวมากขึ้น ปัสกาปีนี้เราควรตั้งคำถามให้ตัวเราว่า
ในขณะที่เรามีลมหายใจเข้าออกอยู่ ชีวิตเรามีค่ามีความหมายเช่นไร พระเยซูเจ้าผู้จากไปได้ฝากลมหายใจไว้กับเรา
เพื่อให้เราทำให้โลกนี้พบสันติ เราได้ทำแล้วหรือยัง โดยเฉพาะสันติในตัวเราเอง
เมื่อพบแล้วการมอบสันติให้กับคนรอบข้างก็มิใช่เรื่องยากเลย …..