วันศุกร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2561

บนบ่าหนักนัก

บนบ่าหนักนัก
การเดินทางไปยังที่ต่างๆ ของคนเราย่อมมีเหตุปัจจัยหลากหลายที่ต่างกันออกไป บางคนไปด้วยหน้าที่การงาน มีไม่น้อยไปเพราะอยากพบเจอสิ่งใหม่ๆ ไปเพื่อปลดเปลี่ยนบรรยากาศที่จำเจ ไปเพื่อเพิ่มเติมพลัง ถนนสายเดียวกัน บางคนค่อย ๆ เดิน บางคนวิ่ง บางคนขับรถ วิธีการที่ไม่เหมือนกัน ผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกันไป ชีวิตคนเราก็เป็นเช่นนี้ การดำเนินตามวิถีทางแห่งตนก็เป็นศิลปะแบบหนึ่ง ขึ้นอยู่กับใครจะพบความงามได้มากกว่ากัน



นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราเดินทางเพื่อเพิ่มเติมพลังและเรียนรู้มุมมองใหม่ โดยเลือกที่จะไปอยู่ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ เหมือนชีวิตต้องการคลอโรฟีลล์ ต้องการสีเขียวเพื่อความสงบสุขภายในใจ จึงตัดสินใจเดินทางไปยังจังหวัดน่าน ที่หลายเสียงพูดว่าเหมาะกับการใช้วิถีชีวิตที่ค่อย ๆ เป็นค่อย  ๆ ไป เริ่มต้นเดินทางด้วยรถทัวร์ยามค่ำคืนเพื่อให้ตื่นเช้ายังดินแดนที่น่าน ด้วยว่าเป็นครั้งแรกจึงต้องศึกษาว่ามีอะไร? ที่ไหน? อย่างไร? ที่น่าจะไปสัมผัส แต่เอาเข้าจริงพอได้มาอยู่ที่นี่ สิ่งที่เป็นก็คือเราเลือกตามวิถีของเราเองดีกว่า วันแรกเมื่อไปถึงพร้อมกับดวงตะวันในวันใหม่ กระเป๋าเสื้อผ้านำไปเก็บฝากไว้ยังที่พัก คุณยายเจ้าของที่พักผู้ใจดีแนะนำให้ปั่นจักรยานเที่ยว พร้อมให้หยิบยืม และบอกว่าปั่นตรงไปอย่างเดียว ที่เทียวมากมี เป็นจริงดังว่า การเที่ยวที่ประหยัดเงินคือการท่องไปด้วยสองขาปั่น ในเมืองน่านขึ้นชื่อว่าเหมาะกับการท่องเที่ยวแบบนี้ ไม่มีเงินมากมายก็หาความสุขสงบร่มเย็นได้

ใช่หรือไม่ บางทีเราก็ใช้ชีวิตหมดไปเพียงเพื่อแบกถุงเงินถุงทองจนล้นบ่า และหนักจนทับตัวตายโดยมิได้พบความงามของการมีชีวิตอยู่เลยช่างน่าเสียดาย! การมีเงินมีทองที่หามาได้แท้จริงก็เพื่อเป็นสื่อสิ่งกลางการแลกเปลี่ยนเพื่อส่งเสริมการมีชีวิตที่สะดวกสบาย หาใช่การเก็บสะสม แต่ละคนย่อมต้องมีหนทางและทัศนะคติต่อการใช้เงินไม่ได้อยู่ที่ต้องมีมากหรือน้อย สุดท้ายสิ่งที่ทุกคนต้องการก็เพื่อให้วิถีชีวิตก้าวหน้าไปในสันติสุขนั่นเอง มีบ้างบางครั้งที่เราหลงไปแบกใส่ไว้จนล้นบ่า จนล้าและทุกข์ท้อ แต่ขออย่าให้ต้องล้มละลายทางด้านจิตใจกันเลย


เหล่าลิ่ว เป็นคนยากจนตลอดชีวิต ได้เห็นการอพยพของผู้คนที่หนีความอดอยากหิวโหยยิ่งทียิ่งมากขึ้น ที่สุดเหล่าลิ่วแบกสมบัติทั้งหมดที่มี คือ มันเทศกระสอบหนึ่ง เข้าร่วมในกลุ่มคนอพยพที่หนีความอดอยากด้วย ระหว่างทาง เหล่าลิ่วพบเห็นพ่อลูกคู่หนึ่งที่หิวจนเหลือแต่ลมหายใจเฮือกหนึ่ง บนหลังของผู้เป็นพ่อก็แบกของ ถุง ๆ หนึ่งที่ดูท่าหนักอึ้ง เมื่อเขาเห็นเหล่าลิ่วแบกมันเทศไว้มากมาย จึงขอเหล่าลิ่วหัวหนึ่งเพื่อให้เด็กกิน เหล่าลิ่วไม่ยินยอม
คนผู้นั้นจึงพูดว่า เจ้าขายให้ข้าได้หรือไม่ ?
พูดจบก็นำเงินที่แบกไว้กลางหลัง เทลงบนพื้นทั้งหมด เหล่าลิ่วเห็นเงินแล้วถึงกับตาค้าง เพราะว่าเขายากจนมาทั้งชีวิต แม้แต่ในฝันก็ไม่เคยฝันเห็นเงินมากมายขนาดนี้ จึงตัดสินใจขายมันเทศทั้งหมดแลกกับเงินมากมายกองนั้น
เหล่าลิ่ว แบกถุงเงินเริ่มเดินทาง เขากลัวว่าสองพ่อลูกคู่นั้นจะเปลี่ยนใจกลับคำพูด จึงรีบเร่งเพิ่มความเร็วของฝีเท้ารุดเดินไปข้างหน้า หลายวันต่อมา เหล่าลิ่วเดินไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เพราะตลอดทาง เขาหาซื้อของกินไม่ได้เลย สองพ่อลูกที่ซื้อมันเทศจากเขา ก็เดินตามมาทันเขา เหล่าลิ่วมองดูมันเทศที่อยู่กลางหลังของผู้ชาย เขาเริ่มเสียใจ เขาเดินตามไป คิดที่จะซื้อมันเทศกลับคืนมา ทว่า ผู้ชายคนนั้นอย่างไรก็ไม่ยอมขาย เหล่าลิ่วนั่งลงบนพื้นด้วยความผิดหวังโอบกอดเงินของเขาไว้ แล้วตายลงท่ามกลางความหิวโหย...


เงินในสภาวะหนึ่งย่อมมีค่ามหาศาล แต่อีกในสภาวะหนึ่งก็คือสิ่งถ่วงรั้งให้เกิดความทุกข์ขึ้นมาได้ ตลอด 2-3 วัน ที่น่าน เงินไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่สุด เพราะค่าใช้จ่ายในการกินอยู่ไม่ได้แพงมากมาย คนที่นี่ไม่ได้คิดเอาเปรียบคนจากถิ่นอื่น แต่ตรงกันข้ามมักมีคำแนะนำที่มีค่าสำหรับการพักผ่อน หรืออาจจะเป็นเพราะในน่านมีวัดมากมายในทุกมุมเมือง และแต่ละวัดล้วนงดงาม วัดที่เป็นเสมือนแก่นกลางที่ยึดโยงจิตใจผู้คนให้สงบร่มเย็น แน่ล่ะ อาจจะมีคนย้อนขึ้นมาว่า เราไปน่านเพียงไม่กี่วัน แล้วเอาอะไรมาวัดว่าคนที่นั่นมีความสุข ใช่ ในแต่ละที่ย่อมมีทั้งสุขและทุกข์ เราไปเรียนรู้ความสุขจากที่ที่เราไปเพื่อให้ใจเรามีสันติเพิ่มขึ้น



ใช่หรือไม่ เรามิอาจจะหลีกเลี่ยงกับการหาเงินแบบเอาเป็นเอาตายในสังคมเมืองได้ แต่เราเลือกที่จะหยุดพักและก้าวเดินออกจากเส้นทางนั้น ให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกายและสุขลักษณะทางจิตใจบ้าง และแน่นอนแต่ละคนแต่ละความคิดย่อมแตกต่าง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ขอให้เส้นทางเหล่านั้นเกิดความงาม อย่าให้เกินอย่าให้ขาด ลดความโลภเพื่อความรัก ลดการแข่งขันมาแบ่งปัน ลดความเห็นแก่ตัวมาเห็นแก่กันและกัน เท่านี้ชีวิตก็สดใสไร้กังวลปล่อยวางของบนบ่าลงบ้าง นั่งชมริมทาง ไตร่ตรองว่าอะไรควรทิ้งไว้กลางทาง แล้วค่อยเดินหน้าต่อ ชีวิตที่ไม่หนักเกินไปย่อมมีความสุขในการก้าวเดิน..

ไม่มีความคิดเห็น: