ต่างที่มาในที่เดียวกัน
เสียงลมพัดอื้ออึงอยู่ข้างหู
เสียงเต็นท์กระพือ ความหนาวเย็นจากปลายเท้าค่อย ๆ เข้าครอบงำ ยิ่งดึกยิ่งหนาว
มือเท้าเริ่มเย็น แต่ความง่วงและเพลียจากการเดินทางทั้งวันก็ช่วยทำให้หลับลงได้
จวบจนตีสี่ที่ความสว่างยังคงถูกความมืดครอบครอง ตื่นขึ้นมาจึงรับรู้ความหนาวจับใจ
หวนให้คิดถึงเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่ต้องนอนกลางสนามแข่งม้า ไม่มีเต็นท์
มีเพียงถุงนอนที่ห่อหุ้ม ในงานเยาวชนโลกวันสุดท้ายเพื่อรอรับสมเด็จพระสันตะปาปา
ความหนาวเย็นยะเยือกมากกว่านี้ แต่ทุกคนก็พร้อมใจกันมานอน
เพื่อจะร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในพิธีมิสซา สำหรับครั้งนี้จุดเป้าหมายต่างกัน
ที่ต้องมานอนเต็นท์กลางทุ่งนากว้างโล่งครั้งนี้ ก็เพื่อร่วมเป็นแรงบันดาลสร้างฝันให้เด็ก
ๆ กลุ่มหนึ่ง ได้ทำการแสดงดนตรีท่ามกลางผู้ชมมากมาย
เป็นเวทีใหญ่เพื่อทำให้สิ่งที่พวกเขาฝึกฝนมาอย่างต่อเนื่อง ในนามของ “#โรงเรียนเล็กในทุ่งกว้าง”
เด็กจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่รวมตัวกันฝึกดนตรี และบรรเลงเพลงด้วยหัวใจ
โดยการนำและสร้างฝันของครูลี่ ผู้มีความลึกซึ้งและรักความฝันของเด็กน้อยผู้ที่จะเป็นอนาคตของสังคม
ยามเช้าผู้คนเริ่มหนาตา
เต็นท์ที่ถูกกางออกรายล้อมเวทีใหญ่เริ่มมีมากขึ้น หลายคนมาถึงกลางดึก
อาหารมีให้เลือกทานตั้งแต่เช้า ด้วยฝีมือของผู้ปกครองเด็กในหมู่บ้านตำบลถาวร
ทั้งหมดถูกจัดเตรียมอย่างดีและอร่อย มีกาแฟสดจากไร่ เจ้าของนั่งคั่วหน้าเต็นท์อย่างใจเย็น
กว่าจะได้แต่ละแก้วละเมียดละมัย ทำให้มีเวลาสนทนาพาทีกัน แต่ถึงกระนั้น
ทั้งวันที่เวียนแวะมาดื่มกาแฟ
เราก็ไม่รู้เลยว่าเขาเป็นนักดนตรีมือฉกาจฉกรรจ์คนหนึ่ง
มารู้หลังจากที่เขาขึ้นเล่นขับกล่อมเพลงเกือบจะเป็นวงสุดท้าย กาแฟสดที่ไม่มีราคาหน้าร้าน
ใครใคร่ให้ ให้ ใครใคร่ดื่ม ดื่ม
ยิ่งสายร้านอาหารเริ่มทยอยมาให้บริการเพิ่มขึ้น มีกิจกรรรมสำหรับเด็ก ๆ
ในหมู่บ้านและที่มาจากบ้านใกล้เคียง เด็กวิ่งเล่นในท้องทุ่ง ได้เห็นหุ่นฟาง
ได้เรียนรู้การทำการเกษตร พ่อแม่บางคนถึงกับเอ่ยปากว่า ดีจังที่จัดแบบนี้ในวันเด็ก
จะได้ไม่ต้องเสียเวลาพาไปห้าง เข้าเมืองไปดูสวนสัตว์
เมื่อกิจกรรมวันเด็กซาลง
เวทีใหญ่สำหรับเล่นดนตรี หรือจะเรียกว่าเวทีคอนเสิร์ตก็น่าจะได้
เพราะระบบเครื่องเสียงและไฟยิ่งใหญ่พอ ๆ กัน ทั้งนี้ทั้งนั้น
เจ้าของเครื่องเสียงและระบบไฟ คือผู้รับจ้างจัดคอนเสิร์ตใหญ่ ๆ มาแล้วหลายงาน
เมื่อเห็นข่าวว่าเด็ก ๆ โรงเรียนเล็กในทุ่งกว้างจะจัด“เทศกาลบทเพลงจากทุ่งวิถี
ดนตรีแห่งความเรียบง่าย” จึงขอเป็นเจ้าภาพด้านแสงสีเสียง แบบจัดเต็มชุด
เสียงที่แสนจะไพเราะเริ่มดังขึ้น ก่อนหน้านี้ยังไม่สามารถตั้งจัดการระบบเสียงให้สมบูรณ์ได้
รอจนกระทั่งถึงเวลาเครื่องปั่นไฟทำงาน เหตุเพราะไฟฟ้าไปไม่ถึงเวทีกลางทุ่งนา
วัยรุ่นหลายคนเริ่มขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาในพื้นที่ เต็นท์ยิ่งมีมากขึ้น โดยที่ครูลี่บอกว่าคงจะมีวงดนตรีผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเล่นจนถึงตีหนึ่งตีสอง
เพราะมีหลายคนหลายวงแสดงเจตจำนงมาว่าจะมาร่วมบรรเลงในงานนี้แบบฟรี
(บางวงวิ่งไปแสดงงานที่อื่นก่อน)
จวบจนเวลาเกือบจะหกโมงฟ้าเริ่มมืด
ไฟจากตะเกียงน้ำมันก๊าดถูกจุดตามรายทางคันนา วงหมอรำเริ่มขับขานบทเพลง ผู้แก่แม่เฒ่าล้อมวงเต้นรำหน้าเวที
เนื้อหาในบทเพลงหมอรำเป็นการสั่งสอนลูกหลานคนรุ่นใหม่ได้ดีทีเดียว แม้จะไม่เข้าใจภาษาทั้งหมด
แต่รวม ๆ แล้วยิ่งฟังยิ่งน่าจดจำ จากนั้นก็มีการแสดงสลับกันขึ้นเวทีและเด็ก ๆ
วงเอกของงานได้เริ่มบรรเลง ผู้คนแน่นเต็มลานทุ่ง คาดด้วยสายตา 600-700 คน
บทเพลงจากโรงเรียนเล็กในทุ่งกว้าง ได้ขับกล่อมผู้ฟังอย่างสนุกสนานและเป็นธรรมชาติ
ร้องผิดร้องถูก มีการพูดออกอากาศว่า“เล่นรอ ๆ
กันบ้าง”
เป็นความน่ารักของพวกเขา เครื่องดนตรีหลายชิ้นถูกประดิษฐ์ขึ้นมาเองจากวัสดุเหลือใช้
ตลอดเกือบชั่วโมงมีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากแฟนเพลงด้านล่างเวที
เด็กเหล่านี้คือผลผลิตของครูลี่ ที่เฝ้าสั่งสอนที่มิใช่ทางด้านดนตรีเท่านั้น เป็นการสอนด้วยหัวใจ
ให้เล่นดนตรีด้วยหัวใจ ให้ทำทุกอย่างด้วยหัวใจ เริ่มแรกครูลี่จะให้เด็กแต่ละคนปลูกผักคนละแปลง
ให้ดูแลรดน้ำพรวนดิน ไม่มีปุ๋ยเคมี ใครรักษาแปลงผักให้เจริญเติบโต
ก็จะได้เรียนดนตรี ใช้เวลาตอนเย็นเมื่อเด็กกลับจากโรงเรียน ครูลี่ใช้ที่นาของตัวเองเป็นโรงเรียนสอนและพิสูจน์ให้คนทั้งหมู่บ้านเห็นว่าการพัฒนาเด็ก
ๆ ตามวิถีธรรมชาตินั้นจะได้รับผลดีเช่นไร วันนี้ครูลี่ทำให้ทุกคนเห็นแล้วจึงเกิดงานที่ยิ่งใหญ่ด้วยเงินเพียง
0 บาท
จวบจนตีสาม
เริ่มต้นวันใหม่ทุกอย่างจบลง สาย ๆ หลายคนตื่นขึ้นมา บนเต็นท์เต็มไปด้วยน้ำค้าง
หยดน้ำใส ๆ ที่ค้างอยู่นั้น
เป็นความงดงามที่แสดงถึงน้ำจิตน้ำใจของทุกผู้คนในยามค่ำคืนที่ผ่านมา
เช้านี้ออกจากเต็นท์เดินไปไหนมาไหนสวนทางกัน ทุกคนต่างยิ้มให้กันอย่างจริงใจ
ทำให้เข้าใจเลยว่า “เราต่างคนต่างที่มา
แต่มีหัวใจเดียวกัน” หัวใจที่ห่วงใยในอนาคตของชาติ อนาคตเยาวชน
ที่ต้องการให้พวกเขารับทอดสืบสานวัฒนธรรม รักษ์ธรรมชาติ รักบ้านเมืองถิ่นเกิด โดยที่ทุกคนไม่ได้สนใจเรื่องระบบระบอบใด
ๆ ทั้งสิ้น เป็นการพิสูจน์ว่า หากทำอะไรด้วยหัวใจ งานใหญ่เพียงใดก็มิหวั่น
เพราะนั่นคือความงามที่ตามออกมาจากภายใน ด้วยศรัทธาที่เรามี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น